โคลด์-บริว คุณบริว เพชรปะพิณ นิลวรรณ กับความคิดบวกที่ถือเป็นรางวัลของชีวิต และมุมมองของโลกที่โหดร้ายจะเปลี่ยนไป ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยแรงใจสู่ธุรกิจที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจ ร้านเครื่องประดับ S.O.A.B CLUB
รักในวันที่ยังบกพร่องนั่นคือการรักตัวเองที่แท้จริง
การที่เราจะอยู่ในโลกที่ทำใจรักตัวตนของเราได้นั้นมันยากจริงๆ การถูกปฎิเสธครั้งเเล้วครั้งเล่า กับการผู้ไม่เป็นที่รักหรืออะไรที่ดูจะห่วยในหลายๆเรื่อง แม้กับที่ทำผิดพลาดอยู่อย่างงั้นซ้ำๆ เเละอีกมากมายที่มนุษย์คนนึงจะเป็นได้ ความคิดการมองโลกเรื่องการรักตัวเองที่ต่างมุมมองของคุณบริวทั้งหมด เธอบอกว่า เพราะเหตุผลที่พูดไปก่อนหน้ารึเปล่าที่ทำให้รักตัวเองไม่ได้สักที คุณบริวเธอให้แง่คิดกับปัญหาการรักตัวเองที่ดูเป็นไปได้ยากว่า หรือจริงๆเเล้วเราลืมไปว่าเราก็เเค่คนธรรมดาคนนึง เราไม่ได้มีพรวิเศษที่จะเสกให้ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตรวมถึงตัวเราเองนั้นสมบูรณ์เเบบได้ เเละคงไม่มีวันที่จะได้รับพรวิเศษนั้น มันเเปลว่าถึงเวลาที่เราจะเริ่มรักตัวเองได้เเล้ว รักในวันที่ยังบกพร่องคือนิยามที่ถูกต้องที่สุดสำหรับเรา
“อยู่เคียงข้างตัวเอง”
ถ้าทั้งโลกหันหลังให้เรา เราต้องสัญญาว่าจะต้องอยู่เคียงข้างตัวเองให้ได้ จะไม่ตอกย้ำตัวเอง
ยืนหยัดเพื่อตัวเองให้ได้ ในวันที่รู้สึกไม่เหลือใคร เราจะยังมีเรา ไม่ทับถมตัวเองจากเสียงของคนอื่น
ออกจากsafe zone ปล่อยให้ตัวเองเรียนรู้ ถ้าผิดพลาดจะไม่โทษตัวเอง
แม้วันที่โลกหันหลังให้กับเรา ขอแค่อย่าหันหลังให้ตัวเอง
บางทีการที่โลกหันหลังให้กับเรามันอาจจะเป็นบทพิสูจน์ของตัวเราเองก็ได้นะ แม้โลกจะหันหลังให้กับเราแต่เธอผู้นี้ไม่เคยหันหลังให้กับตัวเอง เธอบอกว่าเวลาเจอเหตุการณ์ที่ยากลำบากและต้องผ่านพ้นไปให้ได้ด้วยตัวเองเหมือนกับว่าโลกหันหลังให้กับเรา ความรู้สึกมันเหมือนกำลังเฝ้าดูต้นไม้ที่กำลังจะเฉาตายต้องการถูกรดน้ำ ใสปุ๋ย มันก็คล้ายกับตัวเราที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ แต่เราดันลืมไปว่าเราเองนี่แหละที่ต้องดูแลตัวเอง บางทีก็แค่หันหลังให้กับโลกบ้างเพราะอาจเป็นบทพิสูจน์ที่อาจจะทำให้เห็นภาพของมิตรภาพที่แท้จริงในวันที่ทุกอย่างหันหลังให้กับเรา
แค่เริ่มลงมือทำนั่นคือ “ความสำเร็จ”
ปัจจุบันทุกคนล้วนมีความกดดันมากมายโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แล้วก็จะเกิดการตั้งประเด็นที่ว่าอายุน้อยต้องรีบประสบความสำเร็จ คุณบริวเธอบอกว่าลองเปลี่ยนเป็น อายุน้อยต้องรีบลงมือทำ จะเป็นประโยคที่ดีมากๆ บริวเข้าใจนะ สังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันกดดันให้เราเป็นนักวิ่งในลู่ ทั้งๆที่เราเดินเอาก็ได้ บางที่เราไม่อยากวิ่งหรอก เเต่คนรอบตัววิ่งกันหมดเลย จนเราต้องถามตัวเองว่า ที่เดินอยู่เนี่ย มันเร็วพอรึยัง มันเลยเกิดเป็นประโยคนี้ขึ้นมา บริวเลยมองว่าที่จริงเเค่เริ่มลงมือทำ ก็สำเร็จไปเเล้วนะ
พรแสวงนั่นคือพรที่ชี้วัดความสำเร็จ
คนเรามักชื่อกันมาผิดๆกับคำว่าพรสวรรค์ มันไม่ใช่พรวิเศษที่ติดตัวมาเเต่เกิด เเต่คุณบริวบอกว่าคนที่มีพรสวรรค์คือ คนที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดีเเล้วใช้พรเเสวงเรียนรู้ พยายามเเละพัฒนามัน เเละทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีอยู่เเล้ว อยู่ที่ว่ามองเห็นค่ามันหรือเอาจริงเอาจังกับมันรึเปล่า บริวเลยมองว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เหมือนกับบางคนมีเนื้อเสียงที่เพราะ เเต่ดันไม่ชอบร้องเพลง มันก็เท่านั้น พรเเสวงต่างหากที่สำคัญเพราะเราเชื่อว่าพรข้อนี้ต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ไม่ใช่พรสวรรค์เลย
ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร แต่พยายามอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องรึยัง
ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่คิดเเบบนี้ ? คุณบริวเธอบอกว่ามันจริงที่ความพยายามไม่ทำร้ายใคร เเต่มันก็จริงอีกว่าเราพยายามอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องรึยัง กว่าจะรู้ว่าเดินถูกหรือผิดทางก็อาจจะเหนื่อยเปล่าไปเเล้ว เเต่อย่างน้อยความพยายามก็ทำให้เรารู้ว่าที่ผ่านมาเราอดทนได้มากเเค่ไหน เข้มเเข็งเเค่ไหน เราเก่งมากเเค่ไหนที่ผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้
ยอมรับและปล่อยมันไป หนทางของการก้าวไปข้างหน้า
ปล่อยตามธรรมชาตินั่นคือคำตอบของเธอ ถามตัวเองว่ารู้สึกอะไรอยู่ ยอมรับมัน เเละปล่อยมันไป คุณบริวเธอบอกว่าเราจะก้าวข้ามมันได้ง่ายขึ้น ถ้าเราเสียใจกับเรื่องนั้น อย่าไปฝืน ถ้าอยากร้องไห้ก็เเค่ร้องออกมา มันจะดีขึ้นเอง อาจจะใช้เวลาหลักวัน หรือหลักปี เเต่สักวันมันจะดีขึ้นเอง รู้สึกยังไงให้ทำเเบบนั้น วิธีเเบบนี้ช่วยเราได้ดีเลย ถึงเเม้มันจะช่วยได้ไม่นาน เเต่ดีกว่าเรารู้สึกเเต่ไม่ทำอะไรกับมันเลย
ประสบการณ์และความไม่รู้คือเส้นทางของความเก่ง
คุณบริวบอกว่าถ้าเรากล้ายอมรับว่าเราไม่รู้ เเปลว่าเราจะรู้อะไรมากขึ้นอีกเยอะ เเละเราจะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้น ความไม่รูทำให้เรามักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเอาซะเลย รู้สึกได้นะ เเต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่าเรา take action กับมันยังไง ถ้าเรารู้สึกไม่เก่ง เเต่ไม่ทำอะไรกับมันเลย เราก็คงจะต้องเป็นเเบบนั้นจริงๆ บริวเลยบอกกับตัวเองตลอดว่า อย่าเพึ่งบอกว่าตัวเองไม่เก่งถ้ายังไม่ลองพยายามหรือศึกษามันให้มากขึ้น จะอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร มันทำให้เราจัดการกับความรู้สึกเฟลในหลายๆครั้งได้ เเละมันทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น
เสียงของคนอื่นจะเบาลง ถ้าเราฟังเสียงของตัวเอง
ทริคการรู้จักตัวเอง คุณบริวบอกว่าการคิดเเบบสมการอาจจะช่วยได้นะ ตัวเเปร(คนอื่น)จะมีค่าเท่ากับ0 เพราะฉนั้นเเล้วคำตอบคือ ความคิดของคนอื่นไม่มีน้ำหนักอะไรเลย อยู่ที่ตัวเราเองล้วนๆ เราเคยอยู่ในจุดที่รู้สึกเคว้างคว้างเหลือเกิน หันไปทางไหนก็รู้สึกไร้คนที่รัก ครั้งนึงตอนนั้นยังเด็กบริวยังไม่เข้าใจเเละรับมือไม่ถูก บริวเลยเกลียดตัวเองเพราะทุกคนเกลียดเรา บริวคิดเเบบนั้นเพราะเราไม่ได้มองเห็นว่าตัวเองยังมีครอบครัวหรือเพื่อนที่ยังรักเราอยู่ จนโตขึ้นเเผลนั้นยังฝังอยู่ในใจลึกๆเเละคอยผุดขึ้นมาตอกย้ำเราเสมอ ไม่เคยสมานหายไปเลย เป็นเพราะเราให้เสียงของคนอื่นดังเหลือเกิน
ทุกวันนี้ขีดเส้นเเบ่งไว้เลยว่าใครคือคนที่เรารัก ใครคือคนที่รักเรา เเละคนอื่นอยู่ตรงไหน
เสียงของคนอื่นจะเบาลงทันทีเเละเเทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย
ความสนุกของใครบางคนอาจอันตรายถึงชีวิตของใครสักคน
เธอบอกว่า ถ้าคิดว่าการบูลลี่หรือหยอกล้อรูปลักษณ์ภายนอกคนอื่นเป็นเรื่องตลก สนุกสนาน ต้องยอมรับให้ได้ถ้าหากเป็นฝ่ายที่โดนเอง ต้องรับให้ได้ว่ามันสนุกเเละสามารถหัวเราะไปกับพวกเขาได้ทุกครั้ง
บางครั้งการบูลลี่ไม่ใช่เพียงเเค่เเกล้งล้อกัน เเต่อันตรายถึงชีวิตอย่างที่เห็นในข่าวทุกวันนี้ บริวเห็นเเต่ละข่าวอายุยังน้อยๆกันอยู่เลย ในมุมมองของบริวที่บ้านค่อนข้างสำคัญเเละมีผลในการสอนเด็กๆตั้งเเต่พวกเขาเล็กๆ ให้เข้าใจเเละเห็นใจคนอื่นๆ ในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน บางครั้งเด็กเติบโตไปเเละเข้าใจไปเองว่าคนที่เหมือนกัน=ปกติ คนที่ต่างออกไป ไม่ว่าเพศ รูปร่าง สัญชาติหรือศาสนา=เเปลกเเตกต่าง เราเลยมองว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างจึงมีความสำคัญที่จะปลูกฝังเด็กให้เข้าใจใหม่ได้ เเละมันจะมีผลต่อสังคมในอนาคตมากๆ มันคงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย
เพราะรักเหลือเกิน จนกลายเป็น toxic relationship
คุณบริวเธอให้แง่คิดที่ว่าในความสัมพันธ์ทุกรูปเเบบมันเกิดความtoxicขึ้นได้ บางครั้งมันเเฝงมาในคำว่า “เพราะรักเหลือเกิน” บางครั้งก็เผลอเป็นพิษโดยไม่รู้ตัว เเม้เเต่ตัวเราเอง มันเกิดขึ้นได้หมดจริงๆ สำรวจตัวเองก่อนจะสำรวจใครว่าเราเผลอtoxicใส่ใครรึเปล่า เเละถ้าเราอยู่ในความสัมพันธ์toxicจริงๆ ขอให้เราใช้สมองมากกว่าหัวใจ ใช้สมองเเก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อให้หัวใจเรายังคงอยู่ ไม่เเตกสลายไปมากกว่านี้
ธุรกิจ SUNOFABEADCLUB ความชอบเล็กๆสู่การเติบโต
คุณบริวเธอมีพี่น้องฝาแฝด เธอมีความตั้งใจที่จะเปิดร้านสร้อยเมื่อ2ปีที่เเล้วคือมาจากความชอบเล็กๆของบริว 2คนกับฝาเเฝดเธอบอกว่า เธอไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่ามันจะต้องไปไกลขนาดไหน รู้เเค่ว่าเราชอบสิ่งนี้เเละคิดว่าเราจะอยู่กับมันได้เรื่อยๆ พอทำไปทำมา เรากลับพึ่งรู้เองว่าจริงๆเราต้องการอะไร กลายเป็นว่าเเพลนในหัวมันมีเยอะขึ้นเรื่อยๆเลย การเปิดร้านสร้อยนี้ขึ้นมา มันเหมือนกับได้พาเราไปรู้จักอะไรใหม่ๆเยอะมาก เเละรู้จักตัวเรามากขึ้นด้วย มันเลยเป็นมากกว่าธุรกิจไปเเล้ว สำหรับบริวและพี่น้องฝาเเฝด ร้านนี้เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีคนนึงเลย มองไปไกลๆเราจะยังเห็นมันอยู่ในชีวิต ค่อยๆเติบโตไปด้วยกัน
ติดตามได้ที่ IG: co.coldbrew
อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO