เคยนั่งคิดกับตัวเองอยู่หลายครั้งว่า ทำไมใจเราไม่นิ่งสักที ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเรื่องอะไรมากวนใจขนาดนั้นนะ แต่ทำไมหัวเราถึงไม่โล่ง ตื่นมาแล้วก็แฮปปี้ไม่สุด พอมีเวลาว่างทีไรแทนที่จะได้ผ่อนคลาย อยู่กับตัวเองบ้าง แต่กลายเป็นว่าในหัวมีแต่ความคิดที่วิ่งแล่นอยู่ตลอดเวลา เลยลองสังเกตตัวเองเวลาที่เป็นแบบนั้น พอจับได้แล้วก็อ๋อเลย รู้แล้วว่าทำไมเราหยุดคิดนู่นคิดนี่ไม่ได้สักที เพราะใจเรามันไม่ได้อยู่กับปัจจุบันเลย สิ่งที่เราคิดในหัว ถ้าไม่ใช่เรื่องอดีตทีผ่านมาแล้ว เราก็จะคิดไปถึงนอนาคต หรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เรื่อง what if ต่าง ๆ นานา จนลืมไปเลยว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ความสุขตรงหน้าหายไป โมเมนต์บางอย่างเราก็พลาดไปแบบไม่รู้ตัว เพราะความคิดที่วิ่งแบบถอยหลังเดินหน้าของเราเองนี่แหละ
ได้คุยกับเพื่อนสนิทตามประสาเพื่อนสาวเมาท์มอย เราคุยกันเรื่องชีวิต การทำงาน ความรัก เรื่องสัพเพเหระ ต่างคนต่างเล่าเรื่องของตัวเอง เกินครึ่งของเรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องในอนาคตล้วน ๆ เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เรื่องที่เรากังวลไปก่อนทั้งนั้น คุยจนเรื่องตึงขึ้น เราสองคนเบรกกันและกันแล้วพูดว่า “เราจำเป็นต้องคิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรอ” ท่ามกลางบรรยากาศที่เราสองคนนั่งกินข้าวร้านริมแม่น้ำวิวสวย ๆ แต่เราทั้งคู่กลับไม่ได้ดื่มด่ำโมดมนต์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ในหัวมีแต่เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้ว แล้วพูดถึงมันไม่หยุดจนทำให้ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้ามันไม่มีความหมาย ทั้ง ๆ ที่เราควรจะเอนจอยกับมันไม่ใช่หรอ
พอได้สติแล้วคิดตาม มันจริงมากเลยนะ หลายครั้งที่ตัวเราเองนั่นแหละที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขเพราะเราให้ความคิดในสมองทำงานหนักมากเกินความจำเป็น เราลืมเสพโมเมนต์ตรงหน้า บางทีไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ ก็แฮปปี้ไม่สุด ในหัวไม่ได้เที่ยวแบบเต็มร้อย เอาจริง ๆ ไม่ต้องไปเที่ยวก็ได้ แค่อยู่ในห้องเราเอง นั่งหน้าทีวีเปิดซีรีส์ บางทีใจลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ดูทีวีไม่นานก็ต้องสต็อป จนบางทีหลาย ๆ โมเมนต์ก็จางหายไปแบบน่าเสียดาย
จริง ๆ ความสุขหรือความสบายใจมันอาจไม่ได้หายไปไหนหรอก มันอยู่กับเราตลอดนี่แหละ แต่เราแค่มองข้ามมัน เพราะมัวแต่เอาวินาทีที่อยู่ตรงหน้าไปคิดในส่ิงที่ยังมาไม่ถึง กังวลกับอดีตที่ผ่านมาแล้วและเราก็กลับไปแก้ไขมันไม่ได้ อยากให้ลองเบรกตัวเอง รีเซตความคิดในสมอง ลองเริ่มใหม่ดูอีกรอบ เอนจอยกับโมเมนต์ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าเรา ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่และมีความสุขดีกว่า พอเราโฟกัสกับปัจจุบันมันแตกต่างกันจริง ๆ นะ สปิริตในตัวที่เรามี อินเนอร์ที่ออกมามันคนละเรื่องกับตอนที่เราเครียด ๆ เลยนะ
ลองไล่ตามความคิดตัวเองให้ทัน พยายามต้อนความคิดให้อยู่กับปัจจุบันที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่คิดถึงเรื่องอนาคตเลยนะ) ดูว่าตอนนี้เราคิดอะไรในหัว เรื่องที่เราคิดมันตัดทิ้งไปก่อนได้ไหม ลองตัดเรื่องที่รก ๆ เกินความจำเป็นออกไปบ้างก็ดีเหมือนกัน แล้วเอนจอยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า เข้าใจนะว่าทำยาก แต่ถ้าทำได้มันก็จะดีมาก ๆ เลย บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องเก็บทุกเรื่องทุกปัญหามาคิดตลอดเวลาก็ได้ ปล่อยให้สมองได้พัก ให้หัวใจได้ผ่อนคลาย มีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำให้สุดดีกว่า พอเราทำได้แบบนั้นจริง ๆ เราจะเจออะไรอีกหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอก็ได้ สิ่งเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่เราผ่านไปแต่ละวัน บางทีมันก็ทำให้เราแฮปปี้ได้เยอะเลยนะ จนบางครั้ง เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยให้อนาคตจัดการดีกว่า คิดตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราก็อย่าไปคิดให้ใจมันวุ่นวาย ปล่อยใจให้แฮปปี้ดีกว่านะ