15 กฎเหล็กแห่งการมูฟออน “สัญญากับตัวเอง ว่าเราต้องทำให้ได้นะ”

อย่างแรกเลยคือเซ็ตความตั้งใจให้ตัวเอง “ฉันจะต้องขึ้นมาจากหลุมให้ได้” แรงใจที่เราอยากเห็นตัวเองมีความสุข จะพาเรามูฟออนได้เกลี้ยง 100% แน่นอน เริ่มขยับตัวออกจากหลุมกันเลยนะ… เพราะเราจะไม่ยอมจมปลัก ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง เรามองเห็นตัวเองนี่นา ว่าเราจะมีความสุขใสๆ ได้กว่านี้ เราเลยต้องให้กำลังใจตัวเอง ตั้งกฏเหล็กให้ตัวเอง คนอย่างฉัน ไม่มีเธอ ฉันก็มูฟออนสวยๆ ได้ ว่าแล้วลุยกันเลย!! อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ ฮาวทูรักตัวเอง เมื่อต้องมูฟออนจริงๆ

ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ




Love

“ร้านตัดผม” เรื่องสั้นจาก พิม ดำรงศักดิ์ – CLEO Writer’s Room



        ฉันนึกว่าเมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็จะรู้สึกธรรมดากับเขาได้ แต่แล้ว…มันช่างเป็นเรื่องน้ำเน่าสิ้นดีที่จะบอกว่า  หัวใจไม่เคยเชื่องมากพอเท่ากับที่เราอยากให้เชื่อง  โดยเฉพาะกับใครคนหนึ่ง – -คนที่ทำให้เราพร่ำเพ้อถึงโลกของกวี

เธอจะทำยังไงเมื่อผู้ชายที่เธอหลงใหลคลั่งไคล้เขาแทบเป็นแทบตาย คนที่ทำให้เธอต้องหัดนั่งสมาธิเพื่อระงับความฟุ้งซ่าน คนที่ทำให้เธอหลงใหลการมองดูดาว คนที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ใกล้ ๆ คนที่เธอนึกอยากบูชาเขาไปจนชั่วฟ้าลับและดินกลบหน้า คนที่เธอคิดถึงเขาทุกวินาที

เขามาหาเธอในคืนที่เธอกำลังทำใจว่าอีกไม่นานเขาจะจากไป

ไม่ต้องมีข้ออ้างอะไรอีกแล้ว มีเพียงคำพูดตรง ๆว่า คืนนี้ผมนอนที่นี่ได้ไหม

ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ต้องเข้มแข็งแค่ไหน ต้องหัดมองโลกในความเป็นจริงเพียงใด

เธอจึงสามารถทำเป็นไม่ได้ยินคำนี้

ถ้าฉันชอบเขาน้อยกว่านี้ก็ดี เธอได้แต่คิดอย่างนั้น ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งจดจำทุกรายละเอียด  การค่อย ๆสลักเขาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในชีวิตจะทำให้ฉันไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะเขาจะต้องเป็นอนาคตของฉัน เขาจะเป็นแค่ภาพของอดีตไม่ได้

เช้าวันต่อมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาจากไปแล้ว เธอเริ่มเห็นความหมายของเพลง  I Will Remember You ที่ร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าซึ้งของ Sarah McLachlan เด่นชัดขึ้น

เขายืนอยู่ตรงนั้น ดูผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น   ร่างที่ใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาและเสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่ ปกติเวลาเจอกัน เขามักอยู่ในชุดเรียบง่ายแต่ก็เป็นทางการ ร่างสูงใหญ่และกล้ามเนื้อแน่นนั้น ทำให้ฉันหวั่นไหวได้เสมอ ทุกครั้งที่เจอกัน หัวใจฉันเต้นแรงเหลือเกิน อาการอย่างนี้ทำให้ฉันทั้งรู้สึกเศร้าและดีใจไปพร้อม ๆกัน        

เขาเคยชวนฉันมาเที่ยวบ้านที่เป็นร้านตัดผมหลายครั้ง แต่ฉันไม่เคยมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรฉันถึงไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะมา แต่หลังจากบทสนทนาว่าด้วยความฝัน ความคับแค้นใจของเราสองคนในบาร์สไตล์โมเดิร์น  กับเบียร์สดสองเหยือก บุหรี่หนึ่งซอง และอาการเมาหัวทิ่มเมื่อวาน ฉันก็จำได้ถึงความรู้สึกตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ง่ายอย่างนั้นเลย วันรุ่งขึ้นฉันก็ตัดสินใจมาหาเขาที่บ้าน

        ฉันไม่ใช่คนติดบุหรี่ แม้ขณะที่อยากสูบแทบตายก็ยังดูประดักประเดิด  วานนี้ เมื่อเห็นเขาสูบบุหรี่และควันสีขาวลอยฟุ้งวนอยู่ในอากาศ ความครึ้มอกครึ้มใจทำให้ฉันร้องขอบุหรี่จากเขา เขายื่นบุหรี่ให้ฉัน เมื่อฉันสูบมันเข้าไปเต็มปอด เขาก็ยื่นมือมารับบุหรี่คืน แล้วอัดเข้าไปเต็มปอดเช่นกัน จากนั้นก็ส่งคืนมาให้ เราสูบบุหรี่มวนเดียวกัน มวนแล้วมวนเล่า แล้วฉันก็นึกถึงความฝันสีขาวที่ไม่เคยหายไปไหน

        อาการตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนการตกหลุมรักครั้งไหนที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อน เหมือนโลกไม่ใช่ทัศนียภาพที่เคยเป็น เหมือนร่างของฉันกลายเป็นละอองดาวบนฟากฟ้า  เหมือนวันคืนเป็นเพียงชื่อขับขานแต่ไม่เคยมีอยู่จริง

ทำไมหัวใจบางคนถึงได้อ่อนไหว เปราะบางเกินไป เบื่อแสนเบื่อที่ต้องเป็นคนอย่างนี้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้สักนิด เธอไม่ได้อกหักแต่เธอก็อยากตัดผม เพราะอยากให้ตัวเองยึดติดกับสังขารน้อยกว่านี้ เธอไม่เคยตัดผมสั้นขนาดนี้มาก่อน หน้าตาเธอแปลกไป เป็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงที่ค้นหาตัวเองไม่เจอ เธอตัดผมไม่ได้เข้ากับตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ไม่เศร้าเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้ตัวเองดูดี

เพราะเขาจากไปแล้วจริงๆ

เธอกรอกเบียร์อาซาฮีเย็นเจี๊ยบเข้าปาก ปลิวว่อนไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก นึกถึงวันแรกที่เจอกัน วันนั้นเขานั่งตรงข้ามกับเธอบนโต๊ะประชุมที่มีคนราว 10 กว่าคน เธอมาเป็นคนสุดท้าย ไม่รู้ทำไมที่ว่างที่เดียวจึงต้องเป็นตรงกันข้ามเขา เธอมองหน้าเขา เขามองหน้าเธอ เธอปล่อยมุกทุเรศ ๆ ออกไป เขาหัวเราะตาหยี

        ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน เธอไม่เคยนึกชอบเขาเลย ทั้งสองพูดคุยกันนับคำได้ เธอไม่ได้หยิ่งแต่ไม่เห็นประโยชน์ในการรู้จักกันแค่สั้น ๆ มีบางวันที่เธอหยิบสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ของเขาขึ้นมาดู แล้วตัดสินใจโทรไปหาคนอื่นในทีมแทน เขาน่าสนใจเกินไปจนไม่น่าอยู่ใกล้ ๆ เธอคิดขึ้นในวันหนึ่ง

        ก้าวลงจากรถแท็กซี่ ฉันก็เจอแม่ของเขา แม่ที่เขาพูดถึงบ่อย ๆในเรื่องสั้นที่เขาเขียน แม่ที่เป็นช่างเสริมสวย  เขาเคยเขียนไว้ว่าลีลาการไดร์ผมของแม่เหมือนวาทยากรที่กำลังควบคุมวงออเคสตรา เขาถอดแบบจากแม่มาไม่มีผิด  ทั้งจมูก ตา และปาก  ฉันนึกถึงความเชื่อโบราณที่บอกว่า ลูกชายเหมือนแม่มักจะอาภัพ ไม่หรอกน่า ความเชื่อนี้ใช้กับเขาไม่ได้เสียหน่อย เขาบอกฉันว่า เขาเป็นชนชั้นล่างที่ไต่เต้ามาเป็นชนชั้นกลางเพราะการศึกษา แปลกดี ฉันไม่เคยได้ยินคนหนุ่มอายุ 20 กว่า ๆ เท่าเขา ที่พูดถึงเรื่องชนชั้นอย่างจริงจัง แล้วยังมีภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดได้ขนาดนี้มาก่อนเลย

        แล้วฉันก็กลับมาเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาที่ทำตัวไม่ถูกในบ่ายวันนั้น

        แม่ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนหวานพลางออกตัวว่าต้องให้ฉันรอเสียหน่อย เพราะกำลังมีลูกค้ามาใช้บริการ  เราสองคนจึงได้หลบไปอยู่ในห้องนั่งเล่น  ตอนนั้นเอง บ่ายวันนั้นเอง ฉันก็ได้เห็นตู้หนังสือของเขา  สิ่งที่ฉันสงสัยเมื่อปีที่แล้วค่อย ๆถูกคลี่คลายอย่างแช่มช้า  คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวว่าทำไมฉันถึงได้ตกหลุมรักเขาเหมือนคนกำลังเมายาได้ขนาดนี้   ขณะที่ค้นพบว่าเขาอ่านหนังสือเล่มเดียวกับที่ฉันอ่าน เขาชอบนักเขียนคนเดียวกับที่ฉันชอบ ฉันก็ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกครั้งและอีกครั้ง เหมือนคนโง่ ๆไร้พิษสงที่ถูกทำให้โง่หนักขึ้นไปอีกด้วยรักที่ไม่อาจเป็นไปได้

        ด้วยการอ่านหนังสือที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเล่มเดียวกัน  โลกเหมือนหดตัวเล็กลงและฉันก็คิดไปเองว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะเติมเต็มกัน  แต่เมื่อไล่สายตาไปยังหนังสือที่ฉันไม่รู้จัก โลกก็เหมือนบวมเป่ง พองตัวออก และเขาก็ค่อย ๆ เดินห่างออกไปทุกขณะ หากเราอ่านหนังสือเล่มเดียวกันทุก ๆเล่ม เราจะคิดเหมือนๆกัน และตกหลุมรักกันและกันหรือเปล่า

ความรักหรือ เรื่องราวของสารเคมีและการเอากัน เธอเคยเยาะหยันว่ามันมีค่าแค่เพียงนั้น แต่แล้วเมื่อรู้สึกถึงความร้อนรุ่มและเยือกหนาวในเวลาเดียวกัน อาการอยากตายและอยากหายใจในร่างหนึ่ง เธอก็ไม่อยากมานั่งนึกถึงมายาคติของนักสังคมวิทยาและความแข็งทื่อของนักวิทยาศาสตร์ หากเป็นรักก็เรียกขานมันว่ารักเถอะ ฉันไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร

 แต่ขอให้ฉันได้เรียกขานมันว่ารักและอย่าพิพากษากันเลย

เขาอาสาชงกาแฟชั้นดีจากโคลัมเบีย ชงด้วยน้ำผึ้งแทนที่จะเป็นน้ำตาล  พร้อมกับพูดติดตลกว่า ฉันจะได้ตายช้าลง หากบริโภคน้ำตาลให้น้อย  ลาเต้…เขานั่นแหละที่ตัดสินใจให้แทนว่าฉันน่าจะชอบดื่มลาเต้

แผ่นหลังของเขา  แค่เพียงเท่านั้นฉันก็ตัวสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ เขาจะได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นแรงถี่หรือเปล่า แผ่นหลังของเขา ฉันละสายตาจากมัน มองไปที่ภาพวาดของศิลปินโนเนมบนผนัง ภาพวาดตึกรามบ้านช่องสีพาสเทลขับให้ห้องที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวเรียบ ๆ สว่างไสวขึ้นมา แผ่นหลังของเขา ฉันนึกถึงวรรณกรรมเยาวชนและรอยยิ้มของเด็ก ๆ แผ่นหลังของเขา ฉันนึกถึงหนังเรื่องสุดท้ายที่ดูในโรงหนัง แผ่นหลังของเขา  ฉันนึกถึงการเดินทางไปเวียดนามในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แผ่นหลังของเขา ปีนี้ฉันน่าจะไปเล่นโยคะให้บ่อยขึ้นเพื่อคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ แผ่นหลังของเขา ฉันน่าจะหัดกินวิตามินเสริมเสียบ้าง จะได้แข็งแรงมากขึ้น  แผ่นหลังของเขา กลับไปฉันจะซักผ้า  แผ่นหลังของเขา ขอให้โลกนี้สงบสุข แผ่นหลังของเขา  เมื่อไรต้นมะลิที่บ้านจะออกดอกสักที แผ่นหลังของเขา ฉันชอบดื่มกาแฟไม่หวานนะ เขาจะรู้หรือเปล่า แผ่นหลังของเขา ฉันไปจ่ายค่าโทรศัพท์หรือยังนะ แผ่นหลังของเขา…พอทีเถอะ ฉันไม่อยากจะนึกถึงอะไรอีกแล้ว!

สักพักกาแฟเย็นก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีเลือดนก เขายิ้มนิด ๆ เขารู้ได้อย่างไรว่าฉันอยากดื่มกาแฟเย็นมากกว่ากาแฟร้อน  เมื่อเขาหันหน้ามาเผชิญหน้าฉัน จากแผ่นหลังมันก็กลายมาเป็นแผงอก จินตนาการของฉันกำลังลามไปทั่วเนื้อตัวของเขา ใครบอกว่าชีวิตเป็นของเรา  ฉันไม่เชื่อเลยสักนิด  เมื่อความคิดฟุ้งซ่านของฉันก้าวล้ำไปถึงแผงอกที่สิบสอง กาแฟแก้วนั้นก็หมดลง แล้วเราก็เริ่มต้นบทสนทนาที่ราบเรียบ  

คนส่วนมากชื่นชอบนวนิยายข้างหลังภาพของศรีบูรพา แต่ฉันกลับคิดว่าแสนรักแสนแค้น นวนิยายที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักของศรีบูรพากลับสนุกและถึงอกถึงใจมากกว่า  แม้แต่คนที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ฉันก็ไม่เคยเห็น แต่เขาที่อยู่ตรงหน้าฉันคนนี้นี่แหละที่เปรยว่า เขาคิดว่านวนิยายแสนรักแสนแค้นดีกว่าข้างหลังภาพเสียอีก

ฉันมองดูเขา เพียงแค่ได้มองดูเขาฉันก็หมดเรี่ยวแรงและไม่อยากจะพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่นึกถึงบทกวีสาวน้อย ของพจนาถ พจนาพิทักษ์ ที่ท่องจนจำได้  พร้อมจะโง่ตามเงาที่เรารัก พร้อมจะพักในที่-ที่พอใจ กวีหนุ่มผู้นี้ไม่ขออะไรมาก   ให้โลกเป็นเพียงแค่กวีสักวรรค ก็พอแล้ว

        ฉันมองดูเขา เขาดูโอหังและคิดว่าวันหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลก หากเขาสร้างสรรค์และทำงานหนัก ฉันมองดูเขา ฉันเห็นตัวเองที่ไม่ได้คิดฝันอะไรไปไกลกว่าการมีรอยยิ้มสักหนึ่งยิ้มในแต่ละวัน ฉันมองดูเขา และปล่อยให้โลกของกวีถาโถมเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า…ความเจ็บปวดอันแสนหวานไม่ใช่หรือที่พวกท่านใฝ่หา ฉันยังมีชีวิตอยู่และฉันได้รับพรให้เจ็บปวดอย่างเต็มใจ

ช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาเคยเขียนจดหมายยาว 3 หน้ากระดาษหาฉัน อ่านแล้วฉันก็ซ่อนมันไว้เสียดิบดี แล้วก็ทำตัวเฉยชา ไม่ได้ตอบจดหมายนั้นด้วยซ้ำ เขาเป็นคนเดียวที่ใส่ใจกับการเขียนคำลงท้ายจดหมาย  ฉันหงุดหงิดใจมากที่การเขียนคำลงท้ายจดหมายกลายเป็นเรื่องที่ถูกหลงลืมไปในยุคปัจจุบัน แม้แต่ตัวฉันเองก็ตามทีเถอะ อย่างดีฉันก็เขียนคำลงท้ายจดหมายว่า “ขอบคุณ” อนาถแท้ยิ่งนัก ฉันขอบคุณอะไรกันเล่า คลังคำเพื่อเขียนคำลงท้ายจดหมายหายไปไหนหมด ฉันนึกถึงตัวหนังสือกลม ๆ ตวัดเส้นหนัก ๆที่เขียนคำว่า “ปรารถนาดี” เขาเขียนคำนี้เป็นคำลงท้ายจดหมายหาฉันทุกครั้ง  มันเป็นคำที่มีระยะห่างจนฉันอ่อนใจ แต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนพอที่จะทำให้ฉันเทิดทูนเขาต่อไปจนถึงชาติหน้า

ปีนี้ฉันแก่ขึ้นมาก  มากจนพอที่จะเข้าใจได้ว่า ความรักไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะใจ  อย่าได้พยายามทำอะไรทั้งนั้นเลย เมื่อผู้ชายต้องการคุณ เขาจะออกท่องป่า ลุยทะเล ทำตัวเป็นนักสำรวจเอง แต่หากคุณเป็นดินแดนที่เขาไม่ได้ปรารถนา  แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเพียงใด เขาก็ไม่คิดที่จะก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยซ้ำ

ฉันชอบบรรยากาศเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา  มันมีทั้งความอึดอัดและปลดปล่อย  วูบหนึ่งฉันเหมือนกำลังแหวกว่ายอยู่บนฟ้า สักพักก็ราวอยากหายตัวไปจากภิภพ สลับปรับเปลี่ยนกันไปมาอยู่อย่างนี้  เหมือนเกาะกลางทะเล คือสิ่งที่เขาเป็น ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งและเวิ้งว้างอย่างแยกกันไม่ออก เขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกหน้ากับชีวิตตัวเอง วินาทีนี้ ในร้านตัดผมที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทางรถไฟ  ชีวิตที่ฉันคิดว่ากำลังดำเนินไปด้วยดีกลับถูกทำให้สั่นคลอน ฉันเริ่มหมกมุ่นถึงภาพในอดีตและหวาดหวั่นกับการมาเยือนของวันพรุ่ง แม้ในขณะที่เขากำลังละเมียดละไมชงกาแฟ ฉันก็ยังรู้สึกเศร้า เพราะตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้จะดำเนินไปเพียงไม่กี่นาที แต่ฉันจะใช้เวลายาวนานนับจากนี้เฝ้าคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งและอีกครั้ง ฉันจะถูกดูดกลืนเข้าไปในความเจ็บปวดอันแสนหวาน และหายใจต่อไปด้วยอาการของคนใจลอยอยู่เป็นนิจ

ทุกอย่างต้องเกิดเมื่อมันควรจะเกิด การตกหลุมรักเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีเธอก็ลืมผู้ชายคนอื่นๆ ในชีวิตไปจนหมด และนึกถึงแต่หน้าเขาตลอดเวลา ฉันหลงรักเขาเข้าให้แล้ว เธอคิด ด้วยความคิดแบบนี้เธอถึงกับนอนไม่หลับทั้งคืน

ช่วงนี้เธอฟังเพลงบ่อย ๆ แล้วก็พร่ำเพ้อถึงโลกของกวี การทำความรู้จักกันเกิดตามมา เขาพาโลกของเขาเข้ามาใกล้ มานั่งบอกเล่าความแหว่งวิ่น ความฝัน ความหวาดกลัว รายละเอียดของชีวิตให้ฟังด้วยแววตาปวดร้าวในบางขณะและสนุกสนานแบบลืมโลกบ่อย ๆ  เธอชอบฟัง เธอรักที่จะค้นพบเขา แต่เธอพูดถึงตัวเองน้อยมากเมื่ออยู่ด้วยกัน เวลามีน้อยเกินไปและฉันอยากจะรู้จักเขาในทุกวินาที

เมื่อเสียงไดร์ผมของลูกค้าสาวที่สักรูปหัวใจบนหน้าอกหยุดลง ก็ได้เวลาที่ฉันจะต้องไปตัดผมแล้ว แม่ของเขายืนอยู่ตรงนั้น ฉันประหม่ากว่าที่คิด  ไม่แน่ใจว่าจะต้องวางตัวอย่างไรจึงจะพอเหมาะพอควร ฉันเงียบ ในขณะที่เขานั่งอ่านหนังสือที่โซฟา  พลางลอบมองดูผู้หญิงสองคนที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ

แม่สระผมฉันค่อนข้างแรงกว่าร้านทั่วไป ฉันเดาเอาว่าการออกแรงมากกว่าปกติ หมายถึงการบริการที่ใส่ใจอย่างพิเศษ  น้ำเข้าหู ฉันก็ยังไม่กล้าพูดสักแอะ แม่เล่าให้ฟังว่ารักลูกชายคนนี้แค่ไหน และภูมิใจในตัวเขาแค่ไหน เขาไม่เคยทำให้เสียใจสักครั้ง เธอบอก  เขาเป็นลูกคนเดียว เธอจึงรักเขามาก เขาทำหน้าเขิน ๆและประท้วงออกมาสองสามคำ ฉันหลับตาลง ภาวนาให้สิ่งเหล่านี้เป็นความฝัน ฉันจินตนาการถึงเขามากกว่าหนึ่งร้อยคืน แต่การที่มานอนให้แม่ของเขาสระผมอย่างนี้ มันทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงจนเกินไป  

เพื่อนของฉันคนหนึ่งเล่าว่าเธอรู้สึกถึงจุดสุดยอดทางเพศ เมื่อได้เห็นลีลาการพรมปลายนิ้วไปบนกีตาร์ของนักดนตรีมาดเท่คนหนึ่ง  ตอนนั้นฉันได้แต่ประหลาดใจและคิดว่าเป็นเรื่องเกินจริง แต่ตอนนี้กลับเป็นฉันเองที่ถูกชะตาล้อเล่น การดื่มกาแฟที่ชงโดยผู้ชายหน้าตาดีที่ชอบพูดเรื่องชนชั้น และการถูกตัดผมโดยแม่ของเขา ทำให้ฉันรู้สึกยิ่งกว่าถึงจุดสุดยอด        

        “สวยอยู่แล้ว ตัดทรงไหนก็สวย” แม่บอก นี่อาจจะเป็นความจริงหรือเป็นเพียงคำพูดตามมารยาทก็สุดจะเดา ฉันมองภาพตัวเองในกระจก ผิวพรรณหมดจดแต่มีร่องรอยของความร่วงโรยด้วยวัยที่มากขึ้น ฉันนึกเสียดายที่ในวันที่สาวกว่านี้ ผิวตึงกว่านี้  ฉันมัวแต่เก็บตัวอยู่ในห้องและอ่านหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการ ฉันพูดคุยกับเพศชายนับครั้งได้ในวันที่อายุสิบแปด เพื่อนผู้ชายในชั้นเรียนมัธยมปลายถึงกับทำหน้าตื่นตกใจทุกครั้งเมื่อฉันเอ่ยปากพูดด้วย ฉันหยิ่งเกินไปเมื่อตอนเป็นเด็กสาว  เพื่อที่จะมาเสียใจทีหลังว่าคำโบราณที่กล่าวว่า ความสาวคือความสวย นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด

        แม้จะพยายามปล่อยวางกับทุกเรื่องและใช้ชีวิตอย่างช้า ๆแค่ไหน ฉันก็มีแววตาของคนกร้านโลกตามวันที่ได้หายใจ  แววตาแบบเด็กสาวที่มีน้ำหล่อเลี้ยงแห่งความอยากรู้ไม่อาจหวนกลับมาได้อีกแล้ว

โลกเหมือนไม่ใช่โลกใบเดิมที่ฉันเคยอยู่ มันหอมหวานและหมดจด ฉันมองโลกเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน เราจูงมือกันไปยังสถานที่แปลก ๆ และอยากจะสำลักให้กับความสุขที่เหมือนมีแต่ในเทพนิยาย เธออ่านงานที่เขาเขียนและหลงรักทุกตัวอักษร เขามอบบทเรียนให้เธอหนึ่งข้อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงแค่คนเราอย่าคิดมากเราก็จะยิ้มหัวกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาได้

ฟังดูง่ายเหลือเกิน เธอคิด แต่ฉันไม่เคยทำได้มาก่อน เมื่อเธอค่อย ๆหัดที่จะคิดกับโลกน้อยลง เธอก็กลับเห็นแต่เขาลอยล่องอยู่ในทุกอณู ไม่ใช่แค่ชีวิต แต่ทั้งจักรวาล โลกนี้ โลกหน้าและสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ไหนเลย

        ตัดทรงนี้แล้วกันนะ เล็มออกนิดเดียว ไม่มากหรอก คำว่าไม่มากหรอกของแม่ หมายถึงผมจำนวนมากในสายตาของฉันที่ค่อย ๆร่วงกราวลงที่พื้น ผมของฉัน ฉันจะบอกแม่อย่างไรว่าอย่าเอาผมฉันออกมากเกินไป ฉันกำลังจะไว้ผมยาว ผมของฉัน ฉันจะดูตลกไหมนะเมื่อตัดเสร็จแล้ว ผมของฉัน มาคราวหน้าฉันจะซื้อขนมอร่อยๆ แถวบางลำพูมาฝากแม่ ผมของฉัน อีกนานแค่ไหน ผมถึงจะยาวถึงกลางหลัง ผมของฉัน โน่น…เขาเงยหน้าจากหนังสือมามองฉัน ผมของฉัน  แม่จ๋า แม่เลี้ยงลูกชายได้ดีจริง ๆ ผมของฉัน ช่างมันเถอะ จะตัดจนสั้นกุดอย่างไร ก็จงตามสบายเสียเถอะแม่!

        หนึ่งปีที่แล้ว ฉันตัดผมเพราะเศร้าสร้อยกับการจากไปของเขา  หนึ่งปีต่อมา ฉันกำลังตัดผมเพราะเขาเดินกลับเข้ามา  เมื่อแม่บรรจงเก็บรายละเอียดการตัดผมอย่างช้าๆ และฉันเห็นภาพเขานั่งอยู่ที่โซฟาผ่านกระจก ฉันก็คิดถึงหนึ่งร้อยคืนที่เขาอยู่กับฉันในจินตนาการ แล้วฉันก็อยากถูกตัดผมบ่อย ๆ บางทีฉันอาจไม่เหมาะกับการไว้ผมยาวก็ได้

คุณจะทำยังไงเมื่อคนรักจากไป จะเอาแต่ร้องไห้หรือมีชีวิตอยู่ต่อไป” เขาถาม

        เธอไม่ตอบ  แต่ตั้งใจว่าจะทำทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน

        คืนนี้ผมนอนที่นี่ได้ไหม เธอยิ้ม ดีใจที่ไม่ปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น หาไม่แล้วเธอคงทำได้เพียงแต่ร้องไห้…

เอากระจกไปดูสิ ลองหวีผมตามที่เคยหวีดูนะ

        ฉันเอ่ยปากชมด้วยใจจริง ไม่น่าเชื่อ ฉันไม่เหมาะกับการไว้ผมยาวจริงๆ ด้วย ฝีมือของแม่ใช้ได้ทีเดียว อาจเป็นเพราะเธอตั้งใจตัดผมให้ฉันเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นยืนและยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วฉันก็เริ่มต้นจินตนาการถึงรอยยิ้มที่หนึ่ง…สอง…สาม

        “ไปส่งพี่เขาสิ” พูดจบแม่ก็ยิ้มกว้างขวาง ฉันยกมือไหว้แม่แล้วเก็บข้าวของเดินจากมา ขณะที่เขาเดินตามมาข้างหลัง

        “ไว้คราวหน้าจะมาอีก” ฉันเอ่ยเบาๆ ภาพวันที่เขาบอกว่า “คืนนี้ผมนอนที่นี่ได้ไหม” กระแทกกระทั้นเข้ามาในห้วงคิด  มันฉายภาพซ้ำ ๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง

 ฉันถอนหายใจขณะก้าวไปนั่งบนรถแท็กซี่  โดยมีเขาโบกมือให้อยู่หน้าร้านตัดผม

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']