ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Celebrities

บริทนีย์ สเปียร์ส เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?



นับตั้งแต่เหตุการณ์การโกนศีรษะของบริทนีย์เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงานของเธอก็ขึ้นๆ ลงๆ (น่าจะลงมากกว่าขึ้นนะ) และตอนนี้บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องเพลงป๊อปที่เคยฮ้อตที่สุดของวงการก็กลายเป็นข่าวที่ผู้คนทั่วโลกกำลังจับตามองอีกครั้ง ล่าสุดบริทนีย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลในลอสแองเจลิสและบอกว่าเธอ “ฉันสมควรที่จะมีชีวิต” และ “ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเป็นทาสของใคร”

ชีวิตนักร้องดังของบริทนีย์ตั้งแต่เข้าวงการจนถึงปี 2017 เธอได้แสดงและปล่อยเพลงใหม่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าชีวิตช่วงหลังของเธอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อก็ตาม แต่สองปีมานี้ เราจะเริ่มเห็น #FreeBritney ขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์

เกิดอะไรขึ้น?

เกิดอะไรขึ้นกับบริทนีย์ กับชีวิตที่ต้องอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ในศาลที่ดุเดือดมาหลายปีของเธอ ใครที่พอจะรู้เรื่องราวของเธอมาบ้าง แต่ตามข่าวไม่ทันว่าเธอมาถึงจุดนี้ได้ยังไง คลีโอจะขอไล่เรียงเรื่องราวมหากาพย์ของเธอให้..

.

ปี 2007

ในช่วงต้นปี 2007 บริทนีย์ถูกช่างภาพปาปารัสซี่ถ่ายรูปขณะโกนหัวของตัวเองในร้านทำผมในแอลเอ หลังจากออกจากศูนย์บำบัดยาเสพติด ต่อมาเธอก็ใช้เวลาอีก 2-3เดือนเข้าบำบัดตามสถานที่ต่างๆโดยสมัครใจ

ในปีถัดมา เธอปล่อยอัลบั้ม Blackout ซึ่งได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกและขายได้ 3 ล้านอัลบั้มทั่วโลก แต่การแสดงของเธอเพลง ‘Gimme More’ ที่งาน MTV VMAs กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยหลายคนบอกว่าบริทนีย์ดูจิตใจยังไม่มั่นคงเท่าไหร่

.

ปี 2008

ในเดือนมกราคม 2008 บริทนีย์ถูกจัดให้อยู่ใน “เกณฑ์ 5150” ซึ่งคือการประเมินทางจิตเวชรวม 72 ชั่วโมงโดยไม่สมัครใจ เธอถูกถ่ายภาพโดยปาปารัสซี่ตอนถูกพาออกจากบ้านในแอลเอ แต่เธอก็อยู่ในโรงพยาบาลเพียง 2 วันเท่านั้น 2-3สัปดาห์ต่อมา เธอถูกจัดให้อยู่ภายใต้อีก “เกณฑ์ 5150” อีกครั้ง และในขณะที่อยู่ในโรงพยาบาล ศาลก็ตัดสินว่าเธอควรอยู่ภายใต้การดูแลของ “ผู้ดูแล” ชั่วคราวของเจมี่ สเปียร์ส พ่อของเธอ

“ผู้ดูแล” คืออะไร? โดยพื้นฐานแล้ว “ผู้ดูแล” อย่าง เจมี่ สเปียร์ส จะถือว่าเป็นผู้ควบคุมทุกแง่มุมในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน และเรื่องส่วนตัว แปลว่าถ้าบริทนีย์ต้องการเงิน แม้จะแค่เพียง 5 ดอลล่าร์ สำหรับกาแฟ เธอต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลก่อน เจมี่ พ่อของเธฮจึงถือได้ว่าสามารถควบคุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาชีพของเธอ รูปลักษณ์ของเธอ และแม้แต่ชีวิตที่โรแมนติกของเธอทั้งหมด บุคคลที่อยู่ภายใต้การดูแลจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ขับรถ แต่งงาน หรือตั้งครรภ์ บริทนีย์สูญเสียการดูแลลูกทั้ง 2 คนของเธอคือฌอนและเจย์เดน ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง  2 ขวบและ 1 ขวบ

ต่อมาในปี 2008 บริทนีย์ได้คัมแบ็กจากผลงานอัลบั้มแรกของเธอ Circus ซึ่งออกจำหน่ายในเดือนธันวาคม เธอมีการแสดงในที่สาธารณะและได้รับรางวัล MTV และงานนี้ก็ทำให้บรรดาแฟนคลับรู้สึกเหมือนกับว่าบริทนีย์คนเก่ากลับมาแล้ว

ข้อกำหนดของการจัดตั้ง ‘ผู้ดูแล’ ถูกกำหนดให้หมดอายุในเดือนธันวาคม แต่ผู้พิพากษาได้สั่งกำหนดการใหม่ให้ เจมี่ สเปียร์ส กลายเป็น ‘ผู้ดูแล’ ถาวร ในขณะเดียวกันทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ‘ผู้ดูแล’ ร่วมถาวรในมรดกของเธอด้วย

บริทนีย์ กับพ่อของเธอ เจมี่ สเปียร์ส

.

ปี 2009

บริทนีย์ออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกด้วยการแสดง Circus ของเธอ ในขณะที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อของเธออย่างถูกกฎหมาย ถึงแม้จะมีข้อความเสียงรั่วออกมาพ่อของบริทนีย์ร่วมมือกับทนาย และใช้เรื่องสิทธิ์การเยี่ยมเยียนกับลูกทั้งสองคนของเธอเป็นข้อโต้แย้งเพื่อไม่ให้เธอต่อสู้กับสิทธิ์ดูแลในศาล

.

ปี 2010-2011

แฟนๆ ของบริทนีย์หลายคนสังเกตว่าเธอมีอาการเซื่องซึมบนเวที เป็นที่เชื่อกันว่าเธอถูกบีบบังคับให้แสดงต่อไป แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ต้องการก็ตาม

ในปี 2011 เธอประกาศหมั้นกับเจสัน ทราวิคสมาชิกทีมผู้บริหารของเธอ ถึงแม้บริทนีย์จะยังอยู่ภายใต้การดูแลของบิดาของเธอ แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่หมั้นกัน เจสันกลายเป็นผู้ร่วม ‘ดูแล’ เรื่องส่วนตัวของเธอด้วย เจมี่ สเปียร์สจะยังคงควบคุมอาชีพและการเงินของบริทนีย์ได้อย่างเต็มที่ แต่เจสันเองก็สามารถกำหนดทุกอย่างในชีวิตส่วนตัวของเธอได้ด้วย

ทั้งคู่แยกทางกันภายในสิ้นปี 2012 ก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน เจสันลาออกจากการเป็นผู้ร่วมดูแล และเจมี่ สเปียร์สก็กลับมาควบคุมทุกอย่างอีกครั้ง

บริทนีย์ และเจสัน ทราวิค

ปี 2013

อัลบั้มที่แปดของ Britney ในชื่อ ‘Britney Jean’ ได้ถูกปล่อยออกมาในเดือนธันวาคม 2013 และได้รับการวิจารณ์อย่างหนัก แม้ว่าเธอจะเรียกมันว่าเพลงที่เป็นส่วนตัวที่สุดเท่าที่เธอเคยปล่อยออกมา แต่แฟนๆ บางคนก็สงสัยในเสียงของเธอ ว่ามันคือการบันทึกเสียงของคนอื่นในบางเพลงรึเปล่า

ปี 2015

บริทนีย์มีแสดงโชว์ “Britney: Piece Of Me” ที่ลาสเวกัส ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โชว์นี้เริ่มมีมาตั้งแต่ปลายปี 2013 และมันก็ป๊อปปูล่ามากจนได้ขยายเวลาแสดงไปอีกหลายครั้ง

ในช่วงกลางปี 2015 แฟนๆ สังเกตเห็นว่าพลังของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เธอเปลี่ยนจากการแสดงที่แทบไม่มีพลังงานเลยเป็นการแสดงที่ดูตื่นเต้นและกระปรี้กระเปร่าราวกับว่าเธออยากจะอยู่ที่นั่นจริงๆ ช่วงนี้คือโมเม้นที่เธอได้ออกแบบท่าเต้นเอง และกลับมามีรูปร่างดีแถมเธอยังยิ้มและสนุกกับตัวเองด้วย

.

ปี 2016

สิ่งต่างๆในชีวิตเธอดูเหมือนจะดีขึ้น เธอได้รับรางวัลที่เธอปราถนามา กับรางวัล Millennium Award ที่งาน Billboard Awards  เธอดูมีความสุขและมีสุขภาพดี เธอดูมีความสุขบนเวที ต่อมาในปีต่อมา เธอออกอัลบั้มที่ 9  ของเธอชื่อ Glory ซึ่งได้รับผลบวกมากกว่าอัลบั้มที่แล้วของเธอมาก

ปี 2018

ภายในสิ้นปี บ้านพักที่เวกัสของบริทนีย์ได้มีการต่อเติมขยายสองครั้ง เดิมทีการแสดงของบริทนีย์ที่ลาสเวกัสได้เซ็นสัญญาไว้ที่ 2 ปี แต่เนื่องจากการแสดงที่มีแต่คนชมและรางวัลมากมาย ทำให้มีการยืดระยะเวลาแสดงเป็นเวลา 4ปีเต็มกับการแสดงเกือบ 250 รายการ หลังจากนั้นไม่นาน บริทนีย์ก็มีกำหนดการที่จะเปิดโชว์การแสดงใหม่ที่ชื่อว่า ‘Domination’

.

ปี 2019

ในช่วงต้นปี บริทนีย์เลื่อนการแสดงโชว์ ‘Domination’ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าพ่อของเธอมีสุขภาพไม่ดี

เธอเคยเขียนเล่าว่า “2-3เดือนก่อน พ่อของฉันเข้าโรงพยาบาลและเกือบเสียชีวิต เราทุกคนซาบซึ้งมากที่เขารอดออกมาได้” ฉันต้องตัดสินใจที่ยากลำบากที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวของฉันอย่างเต็มที่ในเวลานี้ “

เพียง 2-3 วันหลังจากที่ยกเลิกการแสดงโชว์ มีคนเห็นบริทนีย์ขับรถในแอลเอ เงื่อนไขอย่างนึงของการมีผู้ดูแลของเธอคือเธอจะขับรถเองไม่ได้ และยังไม่เคยมีใครเห็นเธออยู่หลังพวงมาลัยเลยมาตั้งแต่ปี 2008

เธอหายหน้าไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นมีการเปิดเผยว่า พ่อของเธอพาไปอยู่ที่สถานบริการสุขภาพจิตโดยไม่เต็มใจ

และนี่คือช่วงที่แฮชแท็ก #FreeBritney ถือกำเนิดขึ้น

พักหายใจที่นี่สักครู่นะ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด!!!

ข้อแรกเลย ในเดือนมีนาคม พ่อของบริทนีย์กลายเป็น ‘ผู้ดูแล’ เพียงคนเดียวหลังจากทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ลาออกจากการเป็นผู้ดูแลร่วมของเขา

ในเดือนเมษายน ผู้ช่วยทนายความที่เคยทำงานด้วยคนนึงออกมาอ้างว่าบริทนีย์หยุดกินยาของเธอขณะฝึกซ้อมโชว์ Domination และเจมี่พ่อของเธอก็เรียกร้องให้เธอกลับไปแสดงโชว์ต่อ มิฉะนั้นเขาจะยกเลิกโชว์ทั้งหมด เมื่อเธอปฏิเสธเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนยกเลิกโชว์และพาเธอไปอยู่ที่สถานบำบัด

#FreeBritney เริ่มได้รับความนิยมและ ลินน์ สเปียร์ส แม่ของเธอก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่บอกว่าบริทนีย์ ถูกควบคุมโดยความไม่ประสงค์ของเธอ บริทนีย์ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเคลียร์ข้อกล่าวหาว่าเธอนั้น“ควบคุมไม่ได้” เธอขอเวลาจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในแบบของเธอเอง

บริทนีย์ กับแม่ ลินน์ สเปียร์ส (credit: Instagram/Lynne Spears)

ในเดือนพฤษภาคม บริทนีย์และครอบครัวของเธอไปขึ้นศาลเพื่อประเมินรายปีของการเป็น ‘ผู้ดูแล’ของเธอ ในขณะที่แฟนๆ ออกมาประท้วงข้างนอกศาลโดยถือป้าย “Free Britney” ข่าวว่าเธอพยายามขอร้องให้ผู้พิพากษา “พิจารณายุติ” การมี ‘ผู้ดูแล’

ผลสรุปคือ.. ผู้ดูแลจะยังคงต้องมีต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้จัดการที่รู้จักกันมานานของเธอบอกกับสื่อ TMZ ว่าเขาคิดว่าเธอ “จะไม่แสดงอีก”

“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันอยากให้เธอหาที่ที่สงบและมีความสุข ไม่ว่านั่นจะมีความหมายว่าอะไรสำหรับเธอ” เขากล่าว “มันไม่เกี่ยวกับอาชีพอีกต่อไป – มันเกี่ยวกับชีวิต”

ในเดือนกันยายน บริทนีย์และอดีตสามีของเธอ เควิน เฟเดอร์ไลน์ ซึ่งเป็นพ่อของลูกๆ ได้บรรลุข้อตกลงการดูแลบุตรฉบับใหม่ ซึ่งหมายความว่าเธอได้สิทธิ์การดูแลบุตร 30 เปอร์เซ็นต์ (โดยไม่ต้องมีคนมาดูแล) ของฌอน วัย 13 ปีและจาเดน วัย 12 ปี ในขณะที่เควินได้รับสิทธิ์ 70 เปอร์เซ็นต์

ไม่นาน เฟเดอร์ไลน์ได้ยื่นคำขอในนามของลูกชาย ให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้เจมี่ (คุณตา) เข้าหาเด็กๆทั้งสองโดยเขาอ้างว่าเจมี่ทำร้ายพวกเขา ศาลได้อนุมัติสั่งห้ามตามคำขอ

ไม่นานหลังจากข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงควบคุมตัวและคำสั่งห้าม เจมี่ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้ดูแลของบริทนีย์ชั่วคราว โดยกล่าวถึงปัญหาด้านสุขภาพ จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2020 โจดี้ มองกอเมอรี่ผู้จัดการของบริทนีย์ได้รับการอนุมัติให้มารับฐานะผู้ดูแลชั่วคราวแทนพ่อของเธอ แต่เจมี่ก็ยังคงรักษาการควบคุมทางการเงินของเธออยู่ดี

ในช่วงปลายปี 2019 และต้นปี 2020 ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นว่า Instagram ของ Britney กลายเป็นสถานที่แปลกๆ เธอโพสต์วิดีโอจำนวนมากเกี่ยวกับการเต้นของเธอ เดินไปรอบๆ บ้านของเธอ และเพียงแค่โพสท่าอยู่หน้ากล้อง

@britneyspears

My favorite French song !!!!!! 🌸🌸🌸

♬ original sound – Britney Spears

มันอาจไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆคาดหวังจากดาราเพลงป็อปที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะวิดีโอคริสต์มาสที่แปลกประหลาดถูกโพสต์พร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่า “ไม่มีเหตุผลใดที่คุณจะต้องแสดงความคิดเห็นที่หยาบคายและกลั่นแกล้งผู้คน”

อย่างไรก็ตาม บริทนีย์สามารถใช้ชีวิตในฐานะแม่และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มีช่วงเวลาที่ดี เธอออกเดทกับแซม แอสการี (Sam Asghari) เทรนเนอร์ส่วนตัวมาตั้งแต่ปี 2016 และดูเหมือนเธอจะมีความสุขกับเขาจริงๆ

บริทนีย์กับแฟนหนุ่มแซม แอสการี

.

ต้นปี 2020

ในเดือนมกราคมบริทนีย์พูดใน Instagram Story ว่าอิสรภาพมีความสำคัญต่อเธอเพียงใด

ในช่วงเวลานี้ เธอได้ยื่นคำร้องอีกครั้งต่อศาลให้ยกเลิกการมีผู้ดูแลของเธอ และกำหนดการพิจารณาคดีอย่างเต็มรูปแบบจะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2020

ในเดือนมีนาคม แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Us Weekly ว่าเธอปฏิเสธที่จะทำดนตรีอีกเพื่อเป็นการประท้วงต่อผู้ดูแลของเธอ

ในช่วงต้นเดือนมีนาคม เจย์เดนลูกชายของเธอไปโวยวายใหญ่ใน Instagram Live ซึ่งเขาเรียกเจมี่ คุณตาของเขาเองด้วยคำพูดที่หยาบคายและแสดงความคิดเห็นว่าแม่บริทนีย์คงไม่ทำเพลงใหม่อีกแล้ว

เมื่อเจย์เดนถูกถามว่าบริทนีย์อยู่ภายใต้การดูแลของเจมี่หรือไม่ เขาตอบว่า “ผมไม่รู้” แต่เมื่อคนอื่นเขียนว่า “ช่วยแม่ของคุณให้เป็นอิสระด้วย” เจย์เดนตอบว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพยายามทำ”

ศาลได้ออกคำสั่งให้บริทนีย์อยู่ภายใต้ผู้ดูแลต่อถึงสิ้นเดือนสิงหาคม การขยายเวลาเกิดขึ้นเนื่องจากศาลถูกปิดศาลในช่วงระบาดของโควิด19

บริทนีย์ยังหวังที่จะเริ่มต้นครอบครัวกับแฟนหนุ่มแซม แต่เจมี สเปียร์ส ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้

“Britney บอกผู้สอบสวนภาคทัณฑ์เมื่อปลายปีที่แล้วว่าเธอต้องการมีลูก” แหล่งข่าวบอก Us Weekly เท่านั้น “พ่อของเธอมักจะต่อต้าน Britney ที่กำลังตั้งครรภ์”

กลางปี 2020

สืบเนื่องจากการล็อกดาวน์โควิด19 ในอเมริกาที่กินระยะเวลายาวนานหลายเดือน มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น

ในเดือนพฤษภาคม แฟนๆ ของเธอเริ่มเคลื่อนไหวโซเชียลมีเดียเพื่อสตรีมและซื้ออัลบั้มที่ชื่อ Glory ในปี 2016 ของเธอ ซึ่งส่งผลให้ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ต iTunes แม้จะเป็นอัลบั้มเก่าอายุ 4ปีก็ตาม

บริทนีย์ออกมาพูดอย่างซาบซึ้งกับแฟนๆของเธอว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะคุณ ฉันจึงมีวันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เธอกล่าวในข้อความวิดีโอ

ในช่วงกักตัว บริทนีย์มักจะอัพไอจีและTikTok โดยถ่ายวิดีโอจำนวนมากในบ้านของเธอ ถึงจะดูแปลกๆแต่ก็ไม่มีมครรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

เนื่องจาก TikTok เต็มไปด้วยวัย Gen Z ที่ไม่รู้จักเธอดี บริทนี่ย์จึงถูกแสดงความคิดเห็นเยาะเย้ยเป็นจำนวนมาก และยังมีกลุ่มคนคุยเรื่องสภาวะสุขภาพจิตของเธอด้วย

@britneyspears

We had one of the world’s biggest breakups 20 years ago … but hey the man is a genius !!! Great song JT ✨ !!! Pssss if you KNOW WHAT’S GOOD 😜 !!!

♬ original sound – Britney Spears

ในเดือนกรกฎาคม บริทนีย์ตอบโต้ผู้คนที่ล้อเลียนการเต้นของเธอ รวมถึงทิมบาแลนด์ นักดนตรีที่เธอเคยทำงานด้วย

ทางด้านคดีความ มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในคดีผู้ดูแลของบริทนีย์ ในเดือนกรกฎาคม ลินน์ สเปียร์ส แม่ของเธอขอให้เธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเงินของลูกสาว เธอยืนยันว่าเรื่องการเงินของบริทนีย์ควรถูกควบคุมดูแลโดยสถาบันการเงินบุคคลที่สาม

ในเดือนเดียวกันนั้น ไบรอัน สเปียร์ส น้องชายของบริทนีย์เปิดเผยว่าบริทนีย์ ต้องการยกเลิกการมีผู้ดูแลของเธอและต้องการอิสระ

“เธออยากจะหนีจากมันมาโดยตลอด” ไบรอันกล่าว “มันน่าหงุดหงิดมากที่มีผู้ดูแล ไม่ว่าใครจะมาช่วยเหลืออย่างสงบหรือเข้ามาด้วยทัศนคติ การมีคนบอกให้คุณทำบางสิ่งอยู่ตลอดเวลาคือความน่าหงุดหงิด

เจมี่ พ่อของบริทนีย์เปิดเผยว่าเขาเริ่มเบื่อกับขบวนการ #FreeBritney

เจมี่พูดกับสื่อ Page Six ว่าความพยายามที่จะเห็นจุดจบของ ‘ผู้ดูแล’ ในทางกฎหมายที่มีมายาวนาน 12 ปีของเธอ “เป็นเรื่องตลก” โดยกล่าวว่าผู้ประท้วงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังม่าน เขากล่าวกับสื่อว่า “มันขึ้นอยู่กับศาลที่จะตัดสินว่าอะไรดีที่สุดสำหรับลูกสาวของฉัน มันไม่ใช่เรื่องของคนภายนอก”

เจมี่ ลินน์ น้องสาวของบริทนีย์มีความรู้สึกคล้ายกันกับพ่อของเธอ  และเธอก็เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของบริทนีย์มาตั้งแต่ปี 2018

บริทนีย์ กับน้องสาวเจมี่ ลินน์

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2020 บริทนีย์บอกกับศาลว่าเธอต้องการถอดพ่อของเธอออกจากการเป็นผู้ดูแล ‘เพียงคนเดียว’ ของเธอ แต่ก็ไม่เป็นไรหากยังคงต้องมีผู้ดูแลไว้เหมือนเดิม

“บริทนีย์ไม่เห็นด้วยกับพ่อของเธอที่ยังคงเป็นผู้ดูแลมรดกของเธอต่อไป” เอกสารของศาลระบุ “เธอต้องการอย่างยิ่งที่จะได้รับความไว้วางใจจากองค์กรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อทำหน้าที่นี้”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ เจมี่ได้ขอให้เขากลับคืนสถานะเป็นผู้ดูแลพร้อมกับทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ร่วมก่อนที่จะลาออกเมื่อปีที่แล้ว

ในคำร้อง เจมี่ขอให้ “มีอำนาจในการรับเอกสารและบันทึกทั้งหมด” ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของลูกสาว เช่น บัตรเครดิต ใบแจ้งยอดธนาคาร และเอกสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในการยื่นฟ้องยังเปิดเผยว่าบริทนีย์มีสินทรัพย์เงินสด 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85 ล้านบาท) และสินทรัพย์อีกที่ไม่ใช่เงินสดอีกประมาณ 57.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,825 ล้านบาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2019

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา  แคมเปญโซเชียลมีเดีย #FreeBritney ถูกเผยแพร่เป็นอย่างมาก

คำวิงวอนของบริทนีย์ ที่จะให้พ่อของเธอถูกถอดออกในฐานะผู้ดูแลเพียงคนเดียวดึงความสนใจของสหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน (ACLU) ซึ่งเอื้อมมือเข้าไปช่วยเธอ

“คนพิการมีสิทธิที่จะดำเนินชีวิตด้วยตนเองและรักษาสิทธิพลเมืองของตน” ACLU กล่าวในทวีตขณะที่พวกเขาแชร์ลิงก์ไปยังบทความเกี่ยวกับคดีนี้ “หากบริทนีย์ สเปียร์สต้องการฟื้นเสรีภาพพลเมืองของเธอและออกจากการมีผู้ดูแล เราพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ”

ในการพิจารณาคดีในศาลเมื่อเดือนตุลาคม ทนายความของบริทนีย์เปรียบเทียบสภาพจิตใจของเธอกับสภาพของผู้ป่วยที่โคม่า

เขาบอกผู้พิพากษาว่าบริทนีย์ไม่ต้องการแสดงอีกต่อไป แม้ว่าพ่อของเธอจะยืนยันว่าเธอได้ฟื้นอาชีพการงานของเธอแล้วก็ตาม

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม มีการตัดสินว่าผู้ดูแลของบริทนีย์จะขยายเวลาออกไปจนถึงอย่างน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 และในวันที่ 10 พฤศจิกายน ผู้พิพากษาปฏิเสธคำขอของบริทนีย์ให้ถอดเจมี่ออกจากการเป็นผู้ดูแล

.

กุมภาพันธ์ 2021

ในระหว่างการพิจารณาคดีผู้ดูแลของบริทนีย์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้สั่งให้เจมี่ยังคงเป็นผู้ร่วมดูแลมรดกของลูกสาวเขาร่วมกับบริษัทเบสเซเมอร์ ทรัสต์ แม้ว่าเขาจะขอเรียกร้องให้เป็นผู้ดูแลเพียงคนเดียวแล้วก็ตาม

ผู้พิพากษาเบรนดา เพนนี กล่าวปราศรัยต่อศาลว่า จุดประสงค์ของคำสั่งนี้คือให้ทั้งเจมี่และเบสเซเมอร์ “มีการแบ่งความรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะนั่งลงและคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเรื่องทั้งหมด”

บริทนีย์ได้ขอให้ถอดพ่อของเธอออกจากตำแหน่งผู้ดูแลในเดือนพฤศจิกายน เธอต้องการให้บริษัทเบสเซเมอร์ ทรัสต์ รับผิดชอบทรัพย์สินของเธอแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้พิพากษาก็ปฏิเสธคำขอนั้นเช่นกัน

ถ้ามองจากคนนอก เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของบริทนีย์ และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยุ่งเหยิงจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเจ้าหญิงเพลงป็อปแห่งยุค 2000 ในใจเราเสมอ

.

เมษายน 2021

ผู้พิพากษาศาลสูงแห่งลอสแองเจลิส เบรนดา เพนนีประกาศว่าบริทนีย์พร้อมที่จะขึ้นศาลเป็นการส่วนตัวเพื่อจัดการกับข้อขัดแย้งของเธอ

กำหนดการดังกล่าวจะมีขึ้นเพื่อให้บริทนีย์แสดง “สถานะของผู้ที่ดูแลตัวเอง” และจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะพูดในที่สาธารณะเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อถอดพ่อของเธอออกจากตำแหน่งผู้พิดูแล

.

23 มิถุนายน 2021

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน บริทนีย์ปรากฏตัวต่อหน้าศาลและอ้อนวอนขอให้เธอถอดความเป็นผู้ดูแลของพ่อที่ “กดขี่และควบคุม” ออก

ในการไต่สวน บริทนีย์เรียกผู้ดูแลของเธอว่า “เธอเป็นผู้ถูกกระทำ” และประณามพ่อของเธอและคนอื่นๆ ที่มีสิทธิ์ควบคุมในอีกหลายๆเรื่องของเธอ

“ฉันสมควรที่จะมีชีวิต”

บริทนีย์บอกว่า เธอต้องการแต่งงานกับแซม แฟนหนุ่มของเธอและมีลูกกับเขา แต่ภายใต้การดูแลของเธอในปัจจุบัน เธอไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ เธอยังเผยอีกว่า ท่ามกลางการกล่าวอ้างที่สร้างความรำคาญใจอื่นๆ รวมถึงการเปรียบสภาพตัวเอง ว่าเป็นเหมือน “ทาส” นอกจากนี้เธอยังถูกบังคับให้กินยาคุมกำเนิดอีกด้วย

คดีความนี้ยังไม่ถึงสิ้นสุด คงต้องติดตามเรื่องราวของบริทนีย์กันต่อไป ว่าเธอจะสามารถคว้าอิสระของตัวเองคืนมาได้มั้ย  ยังไง เราก็ขอเป็นกำลังใจให้บริทนีย์ด้วยแล้วกัน #FreeBritney

Credit Image: Instagram/britneyspears

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']