นั่งเม้าเรื่องหัวใจกับสามผู้ร่วมรายการ Bromance รอเฉลยว่าใครได้ Dream Guy ไปครอง
ได้ยินชื่อ Bromance เรียลลิตี้ศึกแข่งขันคว้าหัวใจของ Dream Guy ไปครอบครอง เราอาจจะรู้สึกคุ้นเคยกับรายการทำนองนี้อยู่แล้วที่ออนแอร์ทั้งในและต่างประเทศ ก็รู้สึกว่าแต่ละรายการต่างก็มีเส้นเรื่องที่คล้ายคลึงกันไป จนกระทั่งเราได้มานั่งคุยกันผ่าน zoom กับผู้ร่วมรายการทั้ง 3 ท่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
‘มิก’ มีอาชีพเป็น Sales and Project Manager เขาบอกว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาๆ ทั่วไป เรียบร้อย ไม่มีอะไรให้นอกจากความจริงใจ มิกเป็นคนชอบธรรมชาติมาก ไม่ใช่แค่ชอบนะ เขารักกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ก่อนมารายการ Bromance มิกโสดมาระยะหนึ่ง เขามองว่านี่อาจเป็นโอกาสที่จะได้เจอคนที่ใช่ เพราะในชีวิตจริงมุ่งทำแต่งาน ไม่ได้ค้นหาความรักเท่าไหร่ และก็ได้มาเป็นหนึ่งใน 16 คนในรายการจริงๆ
‘โต้ง’ Personal Assistant ของผู้บริหาร เขาชอบความสนุก ชอบเจอคนแปลกหน้า พูดคุยเก่ง เพราะคิดว่านี่แหละทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายและซัพพอร์ตให้หัวใจแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ โต้งโสดมานานถึง 8 เดือน ไม่คุยกับใครเลย “โต้งเชื่อว่าถ้าใครจะมาก็มาเอง พร้อมมีไหม? พร้อม แต่เจอก็เจอ โต้งเชื่อว่าถ้าเราอยู่ในสังคมดีๆ ต้องมีคนดีๆ เข้ามา และรายการนี้ก็เข้ามาพอดี”
และ ‘เคน’ คุณหมอดูแลผิวหน้าและความงามที่เปิดคลีนิคเป็นของตัวเอง ใช้เวลา 4-5 ปีที่เรียนแล้วทำงาน ไม่โฟกัสเรื่องความรักเลยเพราะไม่มีเวลา แม้แต่จะให้ตัวเอง จนถึงวันที่เรียนจบ เปิดคลีนิคของตัวเองที่กทม. เคนเคยฝันง่ายๆ เขาต้องการแค่ได้นอนมองฝนในวันฝนตก รูทีนของเขาง่ายมาก ถ้าสนิทจะเดาได้ว่าเขาอยู่ที่ไหนระหว่างวัน
.. และนี่ก็คือประโยคแนะนำตัวแรกที่ทำให้คลีโอได้รู้จักพวกเขา และอยากรู้จักมากขึ้นไปอีก
.
เรียลลิตี้นี้ จริงกว่าที่คิด!
ระยะเวลานานถึง 2 อาทิตย์ที่เหล่าผู้เข้าร่วมรายการต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันมากพอที่จะมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นได้ ทั้งความบันเทิง ช่วยกันแต่งหน้า อาบน้ำด้วยกัน กินข้าวพร้อมกัน เล่นเกมส์กัน มิกเล่าว่าโต้งช่วยแนะนำอะไรเขาหลายอย่างและเขาเองก็สนิทกับเคนมากเช่นกัน “มันเรียลกว่าที่คิดไว้เยอะมาก มิกเข้าใจว่ามันคือการเล่นเกมแข่งขันเพื่อเอาชนะใจใครสักคน แต่เหนือไปกว่านั้นมันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง สุขจริง เจ็บจริง ผูกพันธ์กันจริงๆ” ถึงจะใช้คำว่าแข่งขันกันแต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เรียกกันว่า เพื่อน
ใน Bromance นอกจากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 คนก็จะมี Dream Guy ตัวหลัก 1 คน ซึ่งเป้าหมายคือทุกคนจะมาเพื่อชนะใจเขา
สำหรับมิกบอกเราว่า ‘ชัดเจน’ หรือดรีมกายคนที่ว่านี้ไม่ใช่สเปคเขาเลย แต่พอได้ใช้เวลาด้วยกันจริงๆ
“คำว่าสเปคมันไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา เราสัมผัสได้ว่าเขาใส่ใจ จริงจัง เลยค่อยๆ รู้สึกชอบขึ้นมาทีละนิด” นี่คงไม่ใช่ love at first sight แต่มันพัฒนาไปเป็นความรู้สึกที่ดี
มิก
ในขณะที่ โต้ง บอกเลยว่าชอบคนๆ นี้มานานกว่าห้าปีแล้ว “โต้งจำได้ว่าเห็นเขาในรายการ The Face แคมเปญหนึ่ง จำได้เลยว่าวัน เดือน ปีไหน แล้วก็ไปตามหาไอจี กดไลค์เขาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เคยทักไป” อาจจะรู้สึกว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันในชีวิตจริง จนวันที่เปิดตัวดรีมกายนั่นแหละ ถึงกับใจเต้นแรง
ส่วนเคนที่มักจะเล็งตัวท็อปของทุกสายมาตั้งแต่จำได้ว่ามีความรักมา “ต้องหล่อ มีโปรไฟล์” แต่เขาก็พบว่าแค่นั้นมันไม่ยั่งยืน “ตอนนั้นมันเด็ก ตอนนี้เคนว่ารูปร่างหน้าตาหล่อแค่ไหน เคนให้ 3 เดือน” หลังจากนั้นเขาก็คือคนๆ หนึ่งที่ไม่ได้ถูกมองว่าหล่อหรือไม่แล้ว “เคนมองหาคนที่ยอมรับเราได้ในทุกมุม”
.
เรื่องลับ เรื่องเซอร์ไพรซ์ เรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยที่ไหน
ความจริงแล้วเราทุกคนก็มีจุดอ่อนไหว จุดที่โดนแล้วระทวย เหมือนเปิดสวิตช์ความรู้สึกขึ้นมาแบบ fast track และเคน มิก โต้ง ก็ขอแชร์ว่าใบหู และหน้าอกนี่แหละที่อย่ามาสัมผัสกันสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่อย่างนั้นอาจจะหยุดไม่ได้
แต่มีอยู่วันหนึ่งที่โต้งกำลังไปตามทุกคนมากินข้าวพร้อมกัน “จนถึงห้องหนึ่ง เราเปิดประตูเข้าไปเห็นคนที่นอนอยู่ ‘ไปกินข้า…’ ” ไม่สามารถพูดจบได้ เพราะภาพที่เห็นคือชายหนุ่มใส่กางเกงผ้าบางลักษณะแข็งแรงมากต่อหน้าต่อตา จากที่หิวข้าวมากๆ โต้งปิดประตูช้าๆ เดินเหม่อกลับมาที่โต๊ะกินข้าวและบรรยายความรู้สึกไม่ถูกไปเลย นี่แหละความเรียลที่แม้แต่คนดูก็จะไม่ได้เห็น
แจกคนละทริค ส่งสัญญาณให้ ‘เขา’ สนใจ ‘เรา’
อันดับแรกเคนแนะนำว่าให้เรายังอยู่ในสายตาเขา “ทำให้เขาเห็นเรา” ความจริงแล้วเคนเป็นคนไม่เข้าไปจีบใครก่อน แต่สองอาทิตย์ในรายการมีโอกาสต้องฉวยเอาไว้บ้าง “เผยมุมอ่อนแอให้เขารู้สึกอยากทะนุถนอมเรา ดรีมกายมีแค่คนเดียว มีโอกาสเมื่อไหร่ต้องทำให้เขาเห็นว่าเรามีตัวตนและจดจำเราได้”
และโต้งบอกว่าต้องมองตา จะไม่เข้าไปหาใครก่อน แต่คนๆ นั้นต้องรู้ว่าเราสนใจ “ยิ้ม สบสายตา และสังเกตว่าเขาชอบคนแบบไหน เราตัวสูงใหญ่ ถ้าเขาชอบคนตัวเล็ก อารมณ์สีหน้าสายตาเราต้องทำให้ดูตัวเล็ก” แต่แว่วมาว่าสเปคดรีมกายน่าจะตัวสูงใหญ่นั่นแหละ!
มิกปิดท้ายด้วยหมัดเด็ดคือต้องทำให้เขาสบายใจเวลาอยู่ใกล้เรา รู้สึกเชื่อใจเราได้ นี่แหละสุดท้ายคือเราทุกคนต่างต้องการใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วพิงไหล่และหลับตาพักได้อย่างไม่ต้องห่วงอะไร
.
LGBTQ+ และมุมมองความรัก
อาจเคยมีความเชื่อในแบบเก่าๆ ที่ถูกทำให้เชื่อว่ารักแท้ในแสนหายากและถูกจำกัดด้วยเพศ แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่า ทุกคนบนโลกมีสิทธิ์ที่จะผิดหวังในความรักด้วยกันทั้งนั้น และเหตุผลมันไม่ใช่เพราะเรื่องเพศเท่านั้น มันหลากหลาย หลักๆ ก็คือแค่คนไม่จริงใจ เพศไหนก็มีทั้งนั้นแหละ
“ความรักก็คือความรัก ไม่มีเพศ เราต่างเป็นมนุษย์ที่ควรได้รับความเท่าเทียม” มิกไม่ได้มองว่าถ้าเป็นความรักแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกัน มันเป็นพื้นฐานทางความรู้สึกที่ควรจะถูกมองว่าทุกคนเท่ากัน อาจถูกกำหนดความต่างด้วยกฎหมาย แต่เราต่างก็คาดหวังว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ตบไหล่เพื่อนสนิท หากเธอรักคนผิด ก็จะไม่ห้าม
ถ้าสมมติว่าทั้งสามมีพี่หรือน้องสาว หรือเพื่อนคนสนิท แล้วต้องสแกนคนรักว่าเวิร์คหรือไม่ โต้งขอสแกนผ่านการมาแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก “ถ้ากล้ามาก็คือบริสุทธิ์ใจ แล้วเราว่าเรามองคนออก และทำให้น้องเรารู้สึกสบายใจที่จะเปิดใจกับเรา”
ส่วนตัวมิกในชีวิตจริงมีน้องชายแท้ๆ “เราจะปล่อยให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ชั่งน้ำหนักความสุขและทุกข์เอาว่าอะไรมากกว่ากัน มันไม่ใช่แค่ฐานะ หน้าตา ความรู้ แต่ถ้าเป็นคนที่น้องเราสบายใจมันก็ชีวิตของเขา” เช่นเดียวกันกับเคน ที่อยากจะให้คนที่ตัวเองรักเจอความรักทุกรูปแบบ “ความรักที่ไม่ดีจะสอนให้เราโตขึ้น และมีวิธีเลือกคนต่อไปที่ทำให้เราเจ็บน้อยที่สุด เหมือนเป็นภูมิต้านทาน สิ่งที่อยากสอนเลยคือเดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เรารู้จักกันง่าย เคนคิดว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเร็วเกินไปไม่มีอะไรให้จดจำมากเท่าความสัมพันธ์ที่มีเรื่องราว”
มิตรภาพที่ชัดเจนกว่าการแข่งขันเพื่อแย่งชิงคนๆ เดียว
สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ระหว่างที่นั่งคุยกันกับทั้งสามคน ซึ่งเป็นเวลาแค่สองชั่วโมงอาจตัดสินไม่ได้ว่านี่คือทั้งหมด แต่พวกเขาก็รู้จักกันมาพอสมควร และเมื่อเลือกเข้ามาในรายการ Bromance พวกเขาทำให้ตัวเองและคนดูรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต และไม่ใช่โอกาสสุดท้ายที่จะได้พบกับความรัก เป็นเพียงโอกาสหนึ่งที่อยากทำให้ดีที่สุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
และมิตรภาพที่ว่าที่เกิดขึ้น ระหว่างคนสามคนที่คนละคาแรคเตอร์แต่พวกเขาก็เป็นส่วนที่อีกคนไม่มีได้แบบไม่ขัดเขิน “โต้งชอบที่เคนเป็นคนมีหลักมีการ เขาอธิบายปัญหาให้เรารู้สึกสบายใจกับมันได้ มิกเหมือนเป็นสนมเอก คอยดูแล เอาใจใส่เราเสมอเลย คอยถามว่าช่วยไหม”
มิกเองก็รู้สึกเหมือนกันกับโต้ง คือโต้งก็เป็นคนเอาใจใส่เพื่อนเหมือนกัน “เวลาเห็นเราไม่ปกติ หรือพลาด เขาก็จะเข้ามาช่วย เราเคยแต่งหน้าพลาด เขาก็มาช่วยแก้ให้ ส่วนเคนกับมิกสนิทกัน สนิทกันมาก มิกรู้สึกว่าคนๆ นี้อายุไม่เยอะ แต่ทัศนคติเขาเป็นผู้ใหญ่มาก”
“เราช่วยกันวางแผนให้แต่ละวันผ่านไปได้” เคนเล่าให้ฟังปิดท้าย “อย่างที่บอกว่าไลฟ์สไตล์เคนน่าเบื่อ ส่วนพี่มิกเวลาเขาเหงาๆ ก็จะมาหาเรา ชวนไปกินข้าว อยู่เป็นเพื่อนกันตลอด อยู่กับพี่มิกแล้วสบายใจไม่มีพิษมีภัย ส่วนพี่โต้งเขาก็แคร์ริ่ง เอาใจใส่” เห็นจิกกัดกันเล่นๆ นอกรายการบ้างด้วยความหมั่นไส้ เป็นสีสันที่ไม่ทำให้รายการจืดชืดเกินไป
Bromance อยากให้เห็นว่านี่อาจเป็นการจำลองโลกใบเล็กของความรักหลากหลายรูปแบบ “ไม่อยากให้มองเห็นว่าความรักของเกย์มีแต่เรื่องเซ็กส์เท่านั้น มันมากมายหลากหลาย ตามคาแรคเตอร์ของเราแต่ละคนเลย เป็นเหมือนมนุษย์ทุกคนทั่วไป เราอยากให้มองเห็นความน่ารักของความรักผ่านรายการนี้ดู แล้วคุณจะมองเห็นมุมมองใหม่ๆ ผ่านตัวตนเราทุกคนในรายการ”
ใครได้เห็นแล้วก็คงจะรู้สึกว่ามันเป็นความน่ารักจริงๆ แหละ “มีอย่างที่ไหน โอกาสหนึ่งคืนที่จะได้อยู่กับดรีมกาย หนึ่งใน 16 คนของเราเปิดธรรมมะให้เขาฟัง!”
ติดตาม Bromance รักแมนแมน ได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 1 ทุ่ม ทาง ทาง POPS Application
ดาวน์โหลดฟรีได้ที่ https://bit.ly/POPSAPP
หรือรับชมผ่านทางเว็บไซต์ที่ http://bit.ly/BromancePOPS
Credit: pops.tv