“เพราะบางคนอาจถูกกำหนดมาเพื่อรักกัน แต่ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้อยู่ด้วยกัน”
ความสัมพันธ์แบบเรียล ๆ ของทอมและซัมเมอร์ที่ทิ้งเอาไว้ใน 500 Days of Summer
ได้กลับไปย้อนดู 500 Days of Summer อีกรอบ เรื่องนี้เป็นหนังรักที่ชอบมากอีกเรื่องนึงเลย เพราะความสัมพันธ์ของทอมและซัมเมอร์ที่มันเรียลมาก และจับต้องได้จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่หนังรักขายฝัน แต่เรื่องนี้ทำให้เรามองทะลุเข้าไปในความสัมพันธ์ และรีเฟล็กซ์กลับมาดูตัวเองเมื่อมีความรัก เชื่อว่าหลาย ๆ คนเวลาเดทกับใครก็ต้องตกอยู่ในสถานะแบบทอมไม่ก็ซัมเมอร์กันบ้างแหละ ถ้าคนที่เคยดูน่าจะเก็ทความคิดของตัวละครสองคนนี้ ทอมและซัมเมอร์เป็นคนที่มีความเชื่อในเรื่องของความรักที่ต่างกันแบบสุดขั้ว แน่นอนว่าความเชื่อที่ต่างกัน การแสดงออกถึงความรักมันก็ต้องต่างกัน จนอาจจะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งในความสัมพันธ์รู้สึกไม่แฟร์ ด้วยการตีแผ่ความสัมพันธ์ที่กระแทกใจคนมีความรักสุด ๆ จึงไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะขึ้นแท่นหนังรอมคอมเรื่องโปรดในใจหลายคน

หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนไดอารี่ที่บันทึกความสัมพันธ์ของ “ทอม” และ “ซัมเมอร์” ตลอดเวลา 500 วัน โดยเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างช่วงวันเริ่มต้น และวันท้าย ๆ ก่อนที่จะเลิกกันไปตลอดทั้งเรื่อง หลาย ๆ คนที่ได้ดูเรื่องนี้น่าจะมีความคิดว่านี่มันเหมือนเรากับแฟนเลย แบบนี้เลย !! มันเป็นแบบนี้เพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะว่า เริ่มแรกของความสัมพันธ์ทุกอย่างก็มักจะเพอร์เฟกต์ไปหมดเสมอ เธอว่าอะไร ฉันก็ชอบไปหมด ไปเที่ยวด้วยกัน นอนด้วยกันทุกคืนแบบไม่มีเบื่อ แต่ก็อย่างว่านะ ใจคนเรามันเปลี่ยนได้เสมอ มันเป็นเรื่องปกติถ้าวันนึงสิ่งที่เราเชื่อมันมาตลอด ตื่นขึ้นอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นก็ได้ พอดูจบ เราได้ฟีลที่ต่างจากครั้งก่อนหน้าที่เคยดูไว้เมื่อปีที่แล้วเลย เลยมานั่งตกผลึกสิ่งที่ได้มาจากหนังเรื่องนี้ออกมา

ความรักไม่ได้มีแค่ด้านเดียว
จากในหนังเราจะได้เห็นความรักในสองแง่มุมจากทอมและซัมเมอร์ ได้เห็นความเศร้าและเสียใจสุด ๆ ของทอม ที่เอาแต่โทษซัมเมอร์และโกรธเธอที่ทำให้ชีวิตรักของเขาต้องพังลง และก็ได้เห็นความอิสระความฟรีของซัมเมอร์เมื่อมีความรัก ซัมเมอร์ที่ไม่อยากเป็นแฟนใคร เพราะไม่อยากเข้าไปอยู่ใรความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง เธอจึงเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้เราเห็นว่าการที่เรายึดมั่นในความรักแบบสุด ๆ แบบทอมก็ไม่ได้ และการที่เลือกรัก เบื่อก็เท รักก็รักแบบซัมเมอร์ มันก็ไม่ได้ผิดอะไร

การที่ชอบอะไรเหมือน ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะคู่กัน
“I love The Smiths” ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่ทำให้ทอมตกหลุมรักซัมเมอร์เข้าอย่างจัง เพราะว่าเธอชอบฟังเพลงเหมือนกับเขายังไงล่ะ ทอมคิดว่านี่แหละคือพรหมลิขิตที่ฟ้าส่งซัมเมอร์มาให้เขา แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ จริงอยู่ที่ความชอบที่คล้ายกันจะนำมาสู่การลงเอยคบกัน หรือเป็นจุดเริ่มต้นในบทสนทนาที่ดีได้ แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมรับนะว่า แค่ชอบฟังเพลงเหมือนกัน ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง มันยังอีกหลาย ๆ ปัจจัยที่ทำให้เรารักใครซักคน หรือคบกับใครได้ซักคนไปยาว ๆ

ความโสดเป็นเรื่องปกติมาก ๆ
อย่างที่ซัมเมอร์บอก บางคนอาจจะเอนจอยกับการมีชีวิตดี ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายก็ได้ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเราไรค่าหรืออะไร เราแค่มีความสุขกับสิ่งที่เลือกก็เท่านั้น ถึงจะเหงาบ้างบางครั้ง แต่เราก็ยังแฮปปี้ที่จะใช้ชีวิตแบบเอนจอยไลฟ์โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องความสัมพันธ์ที่วุ่นวาย

อย่าเอาความสุขของเราไปขึ้นอยู่กับใคร
ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้คือมันชัดมาก ๆ ว่าทอมเอาซัมเมอร์เป็นเครื่องมือชี้วัดความสุข เขามีความสุขเพราะซัมเมอร์ และแน่นอนว่าเขาก็เศร้าเพราะซัมเมอร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่ทอมทำแบบนั้น มันก็ไม่ค่อยจะแฟร์กับซัมเมอร์ซักเท่าไหร่นะ เหมือนเป็นการกดดันมากกว่า ว่าเธออย่ามาทำให้ฉันเสียใจนะ เพราะฉะนั้นเวลาคบใครหรือจะรักใคร เราต้องมีความสุขจากตัวเองให้ได้ก่อน อย่าลืมที่จะรักตัวเองก่อนที่จะไปรักกคนอื่นนะ
เราไม่สามารถบังคับใครให้มารักเราได้
ทุกคนมีความรู้สึกเป็นของตัวเอง มีทางเลือกเป็นของตัวเอง เราสามารถเลือกได้ว่าจะรักหรือว่าไม่รักใคร เมือนที่ซัมเมอร์เลือกที่จะจบความสัมพันธ์กับทอม ถึงแม้ว่าทอมจะรักซัมเมอร์มากแค่ไหน หรือพยายามมากขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถทำให้ซัมเมอร์กลับมารักเขาแบบที่เขาต้องการได้อยู่ดี

By Jiratchaya