Hi ken ! กว่าจะมาเป็นสาวบาร์บี้ สู่แอนิเมชั่นโด่งดังไปทั่วโลก

สาวสวย บาร์บี้ (Barbie) Hi ken ! กว่าจะมาเป็นสาวบาร์บี้สู่แอนิเมชั่นโด่งดังไปทั่วโลก เกิดจากแนวความคิดของ Ruth Handler ที่ได้พบกับตุ๊กตา Bild Lilly ที่ประเทศสวิตเวอร์แลนด์ เธอได้ซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้กับลูกสาวของเธอ ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจอยากที่จะสร้างตุ๊กตาหญิงสาวในแบบต่างๆเพิ่มมากขึ้นอีก เพื่อเป็นการเพิ่มของเล่นให้กับเด็กผู้หญิงทุกๆคนให้มีความหลากหลายเหมือนกับเด็กผู้ชาย ชื่อ Barbie มาจากไหน? ชื่อมาจาก Barbara Millicent Roberts ลูกสาวของ Ruth Handler เรียกสั้นๆว่า Barbie หลังจากที่บาร์บี้ขายดีและประสบความสำเร็จได้ไม่นานแต่กลับโดนถูกฟ้องจากบริษัทผู้ผลิต Bild Lilli ข้อหาลอกเลียนแบบสินค้า จนสุดท้ายก็สามารถตกลงกันได้โดยที่บริษัทของบาร์บี้ได้ซื้อลิขสิทธิ์ของ Bild Lilli  มาครอบครอง จนกลายเป็นสินค้าตุ๊กตาในตำนานมาอย่างยาวนานและได้ขยายอาณาจักรมาเป็นการ์ตูน บาร์บี้ถูกแจ้งเกิดจากการออกแสดงในงาน American International Toy Fair นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 1959 หลังจากได้มีการเปิดตัวไป ยอดขายถล่มทลายจำนวนกว่า 30,000 ตัว ที่ถูกครอบครองหัวใจเด็กสาวทั่วประเทศ  บาร์บี้ยุคแรกในราคา 3 […]

รู้ยัง หาวไม่ได้แปลว่าง่วงเสมอไป

“นอนน้อยมากเลย ง่วงอีกแล้ว” “น่าเบื่อจริงๆ ประชุมอีกแล้วหรอ” หาวไม่ได้แปลว่าง่วงเสมอไป การหาวนอกจากจะง่วงเพราะเกิดจากการนอนน้อยแล้วนั้น รู้หรือไม่ว่าการเบื่อก็เป็นสาเหตุของการหาวได้นะ  หาว ได้ยังไง?  เกร็ดความรู้จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ กล่าวว่า เกิดจากการสังเกต คือ การหาวเพราะสภาพทางร่างกาย และการหาวเพราะสภาพทางจิตใจ -การหาวเพราะสภาพทางร่างกาย หาวเพราะง่วงนอน เห็นได้จากก่อนที่เราจะนอน ก็จะรู้สึกง่วง ความตื่นตัวลดลง เราก็จะหาวติดต่อกันแล้วก็ง่วงมากขึ้น หรือช่วงหลังตื่นนอนทันทียังสะลึมสะ ลือ ก็หาวหลังจากนั้น ก็สดชื่นขึ้น จึงมีประเด็นว่า การหาว อาจเกิดเพราะก๊าซคาร์บอนไดออก ไซด์สูงขึ้น และออกซิเจนลดต่ำลงในช่วงที่เพิ่งตื่นนอน หรือเพราะหาวแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นเพราะร่างกายอาจได้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น – การหาวเพราะสภาพทางจิตใจ คือ หมายถึงการเบื่อ เป็นภาษาทางกายสากล ไม่ว่าคนเชื้อชาติไหน ถ้าหาวก็บ่งถึงว่ามีอาการเบื่อหน่าย บางครั้งการหาวจากคนหนึ่งก็อาจส่งผลให้คนอื่นๆที่อยู่รวมกันมีอาการหาวได้ ดังนั้น การหาวก็เป็นพฤติกรรมการแสดงออกทางสังคมอย่างหนึ่ง การหาวคือความผิดปกติ รึป่าวนะ ทางการแพทย์ได้มีการยืนยันว่า การหาวไม่ได้เป็นโรค เป็นเพียงพฤติกรรมการแสดงออกอย่างหนึ่งเท่านั้น การหาว น่าจะเป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์เรา ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ และอาจไม่ได้สื่อถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีอาการหาวมากๆ และติดต่อ กัน ร่วมกับมีอาการง่วงนอนมากผิดปกติ […]

รู้ยัง สีฟ้าช่วยไดเอตได้จริงๆ นะ

สีมีผลต่อการกิน สีสันมีผลต่อความอยากอาหาร จริงหรือไม่ วิจัยเผยว่า อาหารสีฟ้าช่วยลดความอยากอาหารลง เพราะสีฟ้ามีผลทำให้สมองตอบสนองรู้ว่าทานไม่ได้และเป็นพิษคล้ายกับว่าทานผงซักฟอก น้ำยาต่างๆ เพราะสีน้ำเงินหรือสีฟ้า ให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง สบาย เป็นอิสระ ผ่อนคลายเป็นเหตุให้สมองเราผ่อนคลายจึงทำให้สมองลดความอยากกินอาหารลง

รสชาติน้ำตา บอกอารมณ์ได้จริงหรอ

รสชาติน้ำตา บอกอารมณ์ได้จริงหรอ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเวลาร้องไห้น้ำตาถึงมีรสชาติได้ยังไงกัน ทำไมรสชาติเค็มแต่ไม่แสบตานะ วันนี้มีคำตอบ เกร็ดความรู้น่าสนใจของรสชาติน้ำตาที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ จากโรงพยาบาล วิชัยยุทธ กล่าวว่า น้ำตามีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ ไม่ได้เพียงไหลออกมาเมื่อร้องไห้เสียใจ ดีใจ หรือหวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอมและรักษาดวงตาให้ชุ่มชื้นได้อีกด้วย สาเหตุที่น้ำตาถึงเค็ม? ส่วนประกอบของน้ำตา 98% คือ น้ำ และอีก 2% คือ สารและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น เกลือโพแทสเซียม เกลือโซเดียม ซึ่งสารสองชนิดนี้เป็นสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) สำคัญที่มีอยู่ในร่างกาย นอกจากนั้นในร่างกายของเรามีแร่ธาตุซึ่งมีเกลือเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ของเหลวในร่างกายจะมีความเค็ม นอกจากนี้อารมณ์ก็มีผลต่อความเค็มของน้ำตาอีกด้วย หากร้องไห้เพราะความเครียดหรือเสียใจ ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนแห่งความเครียด คือ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามาก ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมน้อย ดังนั้นเมื่อเราร้องไห้จึงทำให้น้ำตามีความเค็ม  หากร้องไห้เพราะความดีใจ ร่างกายจะหลั่งสาร เอ็นโดรฟิน (Endorphin) เป็นสารที่ทำให้มีความสุข ทำให้ร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง ดังนั้นน้ำตาที่ออกมาจึงมีรสเค็มน้อยกว่าน้ำตาเวลาเครียดหรือเสียใจ อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO




Self Love

“ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ เวลามีคนชม” ลองเปิดใจยิ้มรับ และขอบคุณดูไหม?



สงสัยมาตลอดเวลาเราชมใคร หรือกับตัวเราเองที่ถูกชม แล้วแทนที่คนนั้นจะสบตา ขอบคุณ ยิ้ม กลับเจอการปฏิเสธตัวเองแนวว่า “ไม่หรอกค่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เก่งมากหรอกค่ะ มีคนเก่งกว่านี้เยอะเลยค่ะ” ทั้งๆ ที่บางทีอาจเป็นแค่คำชมธรรมดาจากคนใกล้ชิด “โหวว วันนี้สดใสนะ” อะไรแบบนี้

ทำไมเราอึดอัดใจเมื่อได้รับคำชม?

มันมีเหตุผลกว้างๆ อยู่ไม่กี่ข้อ หนึ่งในนั้นก็คือเราอาจรู้สึกไม่มั่นใจ เมื่อคนเราไม่มีความมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ ก็จะรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับการได้รับคำชื่นชม หรือแม้แต่คำพูดดีๆ เท่านั้น จะรู้สึกไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริง ถ้าเลือกได้ขอให้ไม่มีใครมาสนใจเลยจะดีกว่า ไม่อยากให้ใครเห็นด้านดี เพราะเขาอาจจะมองเห็นด้านแย่ของเราด้วย 

ส่วนคนที่มั่นใจในตัวเองมากประมาณหนึ่ง ก็อาจจะรู้สึกเห็นด้วยนะ แต่จะยอมรับมันดีไหม เพราะอาจคิดว่าสังคมน่ะ ไม่ชอบคนมั่นหน้าเท่าไหร่หรอก พวกเขาอยากให้เราดูถ่อมตัวกับคนชมมากกว่า 

หรือเราชินกับการเด้งกลับทุกอย่างเป็นเรื่องลบ พอใครมาชมเราเลยเอ๊ะ! ขึ้นมาทันที นั่นคือเรากำลังมีกำแพง

และอีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ชินเวลามีคนชม เราอาจโตมากับครอบครัวที่ไม่ค่อยใช้คำชมต่อกัน หรือเคยมีเหมือนกันนะ เด็กที่ถูกพ่อแม่พูดตลอดให้ฟังตั้งแต่เล็กเวลาคนมาชม “อย่าไปชม เดี๋ยวมันเหลิง” 

COURTESY OF NETFLIX © 2020

คำชมคือคำให้กำลังใจเราได้เหมือนกัน

ไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตาม จริงๆ การยอมรับคำชมนั้นจะทำให้ใจเราพองโต และรู้สึกมีกำลังใจกับตัวเองได้นะ เหมือนกับที่เราเองได้มอบคำชมให้คนอื่น แล้วเขาบอกเราว่ามีกำลังใจจัง เราก็มีคุณค่าพอที่จะได้รับสิ่งนั้นด้วยเหมือนกัน เราเลยอาจต้องเปลี่ยนแอตติจูดมาเป็นยินดีกับคำชม และถ้าไม่ชินจริงๆ ก็ต้องฝึก ไม่ตั้งกำแพงก่อน อ่อนโยนกับใจตัวเอง ยิ้มรับ ขอบคุณ และฝึกทำกลับไปที่คนอื่นๆ ด้วย 

ลองวิธีตามนี้จากเรานะ

1. หาจุดตรงกลาง รับคำชมแบบไม่น่าหมั่นไส้ 

ถ้าเราเขิน กลัวดูน่าหมั่นไส้ ไม่ชิน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่ได้รับคำชมแล้วเลือกที่จะถ่อมตัว หรือผลักคำพูดดีๆ เหล่านั้นให้ไกลออกไป พวกเขายอมรับและคนรอบตัวก็ไม่ได้รู้สึกขัดหูขัดตา หมั่นไส้ในความมั่นหน้าของพวกเขาด้วย รับคำชมอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เทคว่ามันเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ในชีวิต ยิ้มรับ กล่าวขอบคุณ และมองเห็นสิ่งดีในตัวคนอื่นเช่นกัน

2.อย่าลืมขอบคุณ

ยิ้มรับ และขอบคุณเป็นอาการที่น่ารัก และทำให้เราสดใสขึ้นได้แน่นอน ไม่ต้องอยู่กับคำชมนั้นนานก็ได้ถ้ารู้สึกอึดอัด ก็ค่อยๆ เปลี่ยนหัวข้อ หรือชมคู่สนทนากลับไป แต่อาจจะมีช่วงที่ปล่อยให้คนชมได้อธิบายสักหน่อยก็ได้ว่า ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้น(ถ้าเธออยากจะพูดน่ะนะ) แล้วเอาคำชมนั้นน่ะกลับมาสะท้อนกับตัวเองว่า เราพัฒนาต่อได้นะ เราทำได้ดีกว่านี้ได้ เป็นแรงใจให้ตัวเองดีด้วย

3.เขาชมในสิ่งที่เราเองทำเพราะก็คิดว่าดี

อย่างเช่น เขาชมชุดที่เราใส่ว่าสวย ก็ถูกแล้ว ถ้าไม่สวยเราก็คงไม่ใส่ (อันนี้ไม่ต้องพูด) อาจจะตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ ฉันเห็นชุดนี้ครั้งแรกแล้วรู้เลยว่ามันใช่” ไม่ต้องรู้สึกเขินอายในรสนิยมของเรา หรือทำผลงานได้ดีมาก ก็เป็นเพราะเราตั้งใจกับมันจริงๆ รับคำชมเท่าที่งานได้ถูกนำเสนอออกไป ส่วนที่อยากทำให้ดีขึ้น เราไม่พูด แต่ทำกับงานต่อไปแทน “ขอบคุณมากเลยค่ะ ฝากติดตามงานต่อไปด้วยนะคะ”

4.เปิดใจกว้างรับคำชมนั้น

การรับคำชมจากใจที่จริง เหมือนเราได้ฝึกเปิดใจตัวเองให้กว้างขึ้นด้วยนะ เรากำลังรับน้ำใจที่คนอื่นมองเห็นในตัวเรา และลดกำแพงตัวเองลง ถ้าเราไม่สงสัยว่าเขาจริงใจจริงหรือ หรือสงสัยว่าเราเป็นแบบนั้นหรือ นั่นคือเรากำลังให้ความสัมพันธ์อะไรบางอย่างของเรากับเขา เล็ดลอดเข้ามาแล้วล่ะ มิตรภาพอาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากเรื่องแบบนี้เลย

อ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

More