ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Books

Reasons to Stay Alive แด่ผู้แหลกสลาย ไดอารี่แห่งการต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป



Reasons to Stay Alive หรือฉบับไทยชื่อว่า แด่ผู้แหลกสลาย เขียนโดย Matt Haig นักเขียนหนังสือผลงานดังอย่าง Midnight Library ที่หลายคนน่าจะรู้จัก เขาเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หนักถึงขั้นที่ว่าเราอ่านหนังสือของเขายังรู้สึกถึงพลังงานนั้นผ่านตัวหนังสือได้เลย

แมตต์เล่าเอาไว้ใน Reasons to Stay Alive ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่าตัวเองป่วยจริงจังแล้วล่ะ เขาอายุ 24 ปี แล้วกำลังอยู่ในที่ๆ สวยระดับที่เป็นเกาะในฝันของใครหลายๆ คน อิบิซา ประเทศสเปน แมตต์อยู่ในภาวะสิ้นยินดี ไม่อยากทำอะไร หรือกินอะไร พูดอะไร “ผมไม่ได้อยากตาย แค่ไม่อยากมีชีวิตอยู่”

เนื้อหาต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องของความตาย ไม่เหมาะกับผู้ที่สภาพจิตใจอ่อนไหวนะคะ

คุยกับตัวเอง

เขาคุยกับตัวเอง ไม่แปลกหรอก ใครๆ ก็คุยกับตัวเองกันทั้งนั้น แต่บทสนทนานั้นมันวนไปวนมาอยู่ในอ่างแห่งความคิดเกี่ยวกับเรื่องความตาย เขาอธิบายความไม่เข้าใจของผู้คนเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและความตายเอาไว้ว่า การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคอื่นจะไม่ทำ แต่ผู้คนกลับยังคิดว่าโรคซึมเศร้า ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น 

แมตต์รู้สึกอะไรหลายอย่างระหว่างทาง รวมทั้งรู้สึกว่ายาไม่ได้ช่วยอะไร ทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในหัวของเขา และไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่แมตต์เคยดื่มหนักมากๆ ถึงขั้นเมาค้างไปสัมภาษณ์งานเลยล่ะ เราจะไม่ตัดสินว่าเหล้าเป็นเจ้าตัวร้าย แต่การไม่รู้ลิมิตของมนุษย์ต่างหาก ที่ร้ายแรง

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด แมตต์ผ่านวัยเด็กที่มีครอบครัวที่ดี ส่วนสังคมเพื่อนจะเรียกว่าแปลกได้ไหมนะ แบบที่พบเห็นได้ทั่วไป เด็กแกล้งกันในโรงเรียน เขาพยายามจะไม่เป็นตัวเอง หลายสิ่งทำให้รู้สึกแปลกแยกและสะสมอัดแน่นมาแสนนาน

คำว่าแหลกสลายอาจใกล้เคียงที่สุด

ถ้าใช้คำว่า ‘แหลกสลาย’ อธิบายอาการของแมตต์ในช่วงที่ป่วยหนักคงจะไม่ผิดเท่าไหร่ ใครได้อ่าน Reasons to Stay Alive จะเข้าใจได้ว่าไม่เกินจริง แมตต์ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพที่คนเป็นโรคซึมเศร้าเห็นได้ชัดขึ้น อย่างเช่น เขา ‘รู้สึกเหมือนล้มทั้งที่ยืนนิ่ง’ ‘เศร้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด’ หรือ ‘ต้องการหยุดเป็นตัวเอง’ เป็นต้น นี่คือแค่ตัวอย่างอาการที่แมตต์อธิบายเป็นตัวหนังสือได้ 

ในช่วงหนึ่งแค่เดินไปซื้อของในถนนถัดไปไม่กี่ช่วงตึก มันเหมือนเขาต้องใช้ความพยายามเท่ากับการตัดใจเล่นพาราชู้ดยังไงอย่างงั้น

สิ่งที่คลีโอก็สงสัยและแมตต์ตอบเอาไว้ในหนังสือ

ซึ่งอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงเสมอไปก็ได้นะ แต่เราสงสัยว่าทำไมถึงได้ยินข่าวผู้ชายฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้าบ่อย ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ประมาณการอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายล่าสุด ระหว่างปี 2000-2019 ผู้คนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 4 และผู้ชายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า และอัตรานี้จะสูงกว่าในประเทศที่มีรายได้สูง

อาจจะด้วยความเชื่อของความเป็นชาย ต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหว หรืออ่อนแอ พวกเขาอาจลังเลที่จะขอความช่วยเหลือแม้จะเป็นนาทีสุดท้ายก็ตาม

อาการที่อาจบ่งชี้ว่าใช่

แมตต์บอกว่าบางคนสับสน ‘ซึมเศร้า‘ กับ ‘เศร้า’ และมันไม่ใช่โรคที่มีอาการอย่างหวัด ในระยะแรกผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันเป็นเหมือนโรคที่ล่องหน คนๆ นั้นอาจจะรู้สึกแย่กับอะไรบางอย่าง แต่มันก็ดันไปปนกับเรื่องอื่น ผสมๆ กับความเหนื่อยล้าไม่รู้จะบอกใครได้บ้าง

‘ความเหนื่อยล้า’ แบบไม่มีสาเหตุชัดเจน

‘เชื่อมั่นในตัวเองต่ำ’ สังเกตได้ยาก คนบางคนก็ไม่สะดวกใจจะพูดถึงความรู้สึกของตัวเองและพอไม่ค่อยเชื่อตัวเองก็พาลจะไม่ค่อยอยากเจอใคร

‘ทำอะไรช้าลง’ คิดช้า เคลื่อนไหวช้า พูดช้า

‘เบื่ออาหาร’ หรืออาจจะอยากอาหารมากกว่าปกติ

‘หงุดหงิดง่าย’

‘ร้องไห้บ่อย’

’ภาวะสิ้นยินดี’ ไม่เพลิดเพลินกับอะไรแม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่เคยชอบมาก

‘เก็บตัวกะทันหัน’ จู่ๆ ก็พูดน้อยลง แมตต์บอกว่ามีบางครั้งที่เขาเองก็พูดอะไรไม่ออก เหมือนลิ้นเปลี้ยไปเลย และก็รู้สึกว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์

บางครั้งคนๆ หนึ่งอาจจะต้องการความช่วยเหลือแม้เขาจะไม่ได้พูดออกมา หรือยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร  อาการหลายอย่างสังเกตได้ในคนใกล้ชิดเท่านั้นแหละ เราจะรู้เลยว่าปกติเขาพูดมากกว่านี้ แต่ทำไมอยู่ดีๆ เงียบไปเลย ไม่ใช่เงียบจากการช็อคหรือเหนื่อยจะพูดบางครั้งบางคราว แต่เป็นเงียบไปเหมือนกลายเป็นอีกคน โรคซึมเศร้าไม่ได้ต้องการแค่ยา หรือว่าการบำบัด แต่คนรอบข้างต้องเป็นพลังที่พร้อมจะสู้ไปกับเขา

ความรักคือยาที่จะช่วยฆ่าโรควิตกกังวลที่มักจะมาพร้อมกับโรคซึมเศร้าราวกับฝาแฝด “การมีคนที่รักคุณและคุณรักอยู่ด้วย ช่วยได้มาก รักคือทัศนคติต่อการใช้ชีวิต และรักช่วยเราได้”

แด่ผู้แหลกสลาย: Matt Haig: 9786168221761: Readery.co

เราจะอยู่ข้างเขาอย่างไรดี?

คนป่วยซาบซึ้งใจเสมอ แม้จะไม่ต้องการ เขาต้องการคนที่รับฟัง รับฟังอย่างไม่ตัดสินและอย่าพูดว่านี่คือเรื่องปกติ ใครๆ ก็เป็น หรือ ร่าเริงหน่อย อะไรแบบนั้นเลย เขาอาจจะพูดอะไรออกมาเหมือนว่านี่ไม่ใช่ตัวเขาที่เรารู้จักเลย เข้าใจว่าเขากำลังป่วย อาจไม่ได้หมายความอย่างที่พูด อย่าเก็บมาคิดมาก ถ้าเป็นไปได้ อย่าทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าแปลกแยกมากกว่าที่เป็นอยู่ ในทุกเรื่องที่เขาทำหาเวลา พยายามทำความเข้าใจ ว่าสิ่งที่มองว่าง่าย มันกลายเป็นเรื่องยากไปแล้ว อดทนกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แล้วยอมรับสภาพปัจจุบัน แค่อยู่ข้างๆ กันก็พอ ถ้าการอยู่กับคนป่วยมันหนักเกินไปบางครั้งก็ไปผ่อนคลายความเครียดบ้างเถอะ

วิธีใช้ชีวิตจาก Matt Haig 10 จาก 40 ข้อที่เราว่าดีมาก

1.ใจดีกับตัวเอง ทำงานให้น้อยลง นอนให้มากขึ้น

2.“การอ่านและการเขียนเป็นวิธีฝึกสมาธิที่บำรุงจิตใจได้ดีที่สุดเท่าที่ใครเคยพบ” – เคิร์ต วอนเนกัด (อ่านไปเถอะ ดื่มด่ำกับมัน อย่าหวังว่าจะจบหรือไม่มีวันจบ)

3.มีเมตตาและใจดีกับคนอื่น

4.ใช้ชีวิตอยู่กับต้นไม้

5.อย่ากังวลถึงสิ่งที่อาจจะไม่เกิดขึ้น

6.ไม่ต้องให้คนทั้งโลกเข้าใจคุณ บางคนไม่เข้าใจสิ่งที่ไม่เคยเจอกับตัว ขณะที่บางคนเข้าใจได้

7.ตีสามไม่ใช่เวลาที่เหมาะแก่การทบทวนชีวิต

8.อย่ากังวลกับเวลาที่คุณหมดเปลืองไปกับความสิ้นหวังเลย ช่วงเวลาหลังจากนั้นจะมีค่ามากขึ้นสองเท่าเชียวล่ะ

9.โปร่งใสต่อตัวเอง สร้างเรือนกระจกสำหรับจิตใจไว้ แล้วลองสังเกตมันดู

10.จงกล้าหาญ เข้มแข็งเข้าไว้ หายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินหน้าต่อไป คุณจะนึกขอบคุณตัวเองทีหลัง

และข้ออื่นๆ เราอยากให้ทุกคนอ่านใน ‘แด่ผู้แหลกสลาย’ หรือเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษคือ Reasons to Stay Alive หากต้องการจะเข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และมองโลกผ่านสายตาของ Matt Haig 

หนังสือเล่มนี้จะให้อะไรคุณมากกว่า how to ทั่วไป เพราะเขาไม่ใช่ life coach ไม่ได้เก่งที่สุด มีชีวิตที่ดีที่สุด เขาแค่ได้ผ่านจุดหนึ่งของชีวิตมา จุดที่ใครก็ไม่อยากผ่านไป ขณะที่ใครหลายๆ คนกำลังพยายามผ่านมันอยู่ หรือคนส่วนหนึ่งไม่สามารถผ่านมันไปได้แล้ว อย่างน้อยถ้าเราไม่ใช่คนป่วย แต่เข้าใจอาการป่วยที่แสนจะซับซ้อนนี้บ้างสักเสี้ยวหนึ่งก็อาจจะช่วยให้ใครบางคนผ่านมันไปได้อย่างที่แมตต์ก็ได้ผ่านมาอย่างที่เขาเองก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นเหมือนกัน 

ซื้อหนังสือ

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']