เวลาที่มีเรื่องอะไรอยู่ในหัวเยอะ ๆ นี่มันก็หนักเหมือนกันนะ หนักทั้งสมองทั้งทั้งหัวใจเราเอง เพราะบางทีมันก็มากเกินไปจนทำเราไม่มีความสุข หม่นตั้งแต่ตื่นนอน ทำอะไรก็ไม่แฮปปี้ สิ่งที่ช่วยทำให้เรื่องในหัวที่ยุ่งเหยิงนั้นออกไปก็คือ การค่อย ๆ เอามันออกไปทีละเรื่อง บางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสรุปเราคิดอะไรอยูาบ้าง เพราะมันตีกันเต็มไปหมด เรื่องงาน ความรัก เงิน การใช้ชีวิตเรา มันเกี่ยวข้องพันกันจนเป็นปมที่ต้องใช้เวลาคลายประมาณนึงเลย
เราว่าแต่ละคนมีวิธีแสดงระบายความรู้สึกออกมาต่างกัน บางคนเลือกที่จะเล่าให้ใครสักคนฟัง อาจจะเป็นเพื่อนสนิท น้องสาวพี่สาว หรือคนรัก พูดสิ่งที่อึดอัดให้มันได้ออกไปบ้างก็ทำให้โล่งขึ้นเยอะ หรือบางคนอาจจะเลือกระบายด้วยการสาดบ่นทุกอย่างลงโซเชียล พิมพ์ยาว ๆ ลงเฟซบุ๊ค ลงทวิตเตอร์ หรือบางคนก็อาจจะแก้ปัญหาด้วยการเสพความสุขให้ตัวเอง ใช้เงินแก้ปัญหา พาตัวเองไปชอปปิง กินของอร่อย เมาให้เละ วิธีการระบายมันเลยขึ้นอยู่กับแต่ละคนมาก ๆ ว่าจะทำแบบไหน
วันนี้ไปเจอมาอีกวิธีหนึ่ง และคิดว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากระบายทุกอย่างออกมา แต่ก็ไม่อยากให้ใครมารับรู้ วิธีที่ว่านี้ก็คือ การเขียนความรู้สึกทั้งหมดที่มีลงบนกระดาษ ถามว่าเราเคยลองแล้วรึยัง เราลองมาแล้วสองสามวัน มันเวิร์คเลยนะ ความรู้สึกมันต่างกับการที่เล่าเรื่องอะไรให้คนอื่นฟัง เพราะอันนี้จะไม่มีใครได้ยินสิ่งที่เราพูดเลย มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ และมันก็ดีมาก ๆ เหมือนกันนะ
เราได้รู้ว่าที่จริงเรารู้สึกอะไร
ข้อดีของการเขียนบนกระดาษคือมันจะเป็นความลับที่มีแต่เราที่รู้คนเดียว เขียนแล้วเก็บไว้ไม่ต้องให้ใครอ่าน พอมีแค่เราคนเดียวที่รู้ เราก็ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เรากำลังจะระบายออกมามันจะดูแย่ ดูน่าสงสาร หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่นไหม เราสามารถระบายออกมาได้เต็มที่ รู้สึกอะไรอยู่ตอนนั้นก็เขียนออกมาเลย ถ้ามันเยอะมาก ๆ ก็อาจจะเริ่มจากความรู้สึกความคิดที่มีอยู่ ณ ตอนนั้นก็ได้ แล้วค่อย ๆ ไล่ไปเรือย ๆ เดี๋ยวมันก็จะพรั่งพรูออกมาเอง แต่ที่สำคัยคือเราห้ามโกหกตัวเองนะ รู้สึกยังไง คิดอะไร เขียนลงมาให้หมด
เราได้ระบายมันออกมาทั้งหมด
วันอรกอาจจะเขิน ๆ หน่อย หรือไม่ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนแล้วไม่ชิน แต่ถ้ามันเริ่มจุดติดแล้วเท่านั้นแหละ เขียนยาวติดสปีดแน่นอน ตอนที่เราเขียนออกมานนี่แหละ คือเวลาที่เรากลั่นกรองความรู้สึกของตัวเองแล้วพ่นมันออกมา พ่นออกมาจนในหัวเริ่มโล่ง ใจเราก็ไม่หนักอึ้ง แล้วก้จะเริ่มรู้สึกดีขึ้นนะ
ไม่มีใครมานั่งตัดสินในสิ่งที่เราคิด
อย่างที่บอกว่าการทำแบบนี้จะไม่มีใครมาเห็นนอกจากตัวเราเอง กระดาษใบนั้นที่เราเขียนจึงเป็นเหมือนจดหมายลับที่มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ ข้อดีมาก ๆ ของการทำแบบนี้ก็คือ ไม่มีใครมาตัดสินปัญหาหรือความความรู้สึกเรา ไม่ว่าสิ่งที่เราเขียนลงไปมันจะเล็กหรือใหญ่ ร้ายหรือดีแค่ไหนก็ตาม ไม่ต้องมากังวลว่าเล่าไปแล้วคนฟังจะรู้สึกแปลก ๆ กับเรารึเปล่านะ จะมีคนเอาไปเล่าต่อไหม หรือเราต้องระวังคำพูดอะไรไหม แต่ถ้าเราระบายลงกระดาษก็ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง
ใจเราจะสงบขึ้น
มันสงบกว่าการพูดเยอะมาก เราได้อยู่กับตัวเอง โฟกัสที่ความรู้สึกเราเป็นหลัก เหมือนได้เข้าไปสำรวจตัวเองในเวลาเดียวกัน เราจะนิ่งขึ้น ใจเราจะสงบ เรียกว่าเป็นการค่อย ๆ คลายความรู้สึกให้เบาลงมากกว่า ซึ่งความรู้สึกมันคือความโล่ง้เหมือนได้พูดระบายนั่นแหละ มันก็แอบต่างนิดนึงในแง่ของวิธีการ ที่แน่ ๆ คือเราจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น จริงใจกับความรู้สึกตัวเองมากขึ้น รู้ว่าเรารู้สึกอะไร แล้วเขียนลงไปบนกระดาษอย่างช้า ๆ
กลับมาอ่านแล้วได้เห็นตัวเอง
ข้อดีอีกอย่างของการเขียนคือ เราสามารถย้อนกลับมาอ่านได้ เป็นความรู้สึกของเราในอดีตที่เรียลที่สุด เราจะได้เห็นพัฒนาการทางความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในทุกวัน บางวันอาจจะดีขึ้น บางวันก็อาจจะแย่ลง ก็ไม่เป็นไร มันคือการเรียนรู้ตัวเอง ยอมรับตัวเอง และทำให้ตัวเองได้เข้าใจอะไรมากขึ้น