ชีวิตจริงยิ่งกว่าในซีรีย์ ของเธอคนนี้ ลีบูจิน ลูกสาวคนโตของ ลีก็อนฮี ( Lee Kun Hee ) ประธานแห่งซัมซุงกรุ๊ป ซึ่งลีก็อนฮีก็รักลูกสาวคนนี้มาก นอกจาก ลีบูจิน จะมีหน้าตาที่สะสวยแล้ว เธอยังฉลาด และเชื่อฟังคำของพ่อมาตลอด ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง จนสื่อเกาหลีให้ฉายาเธอว่า “Little Lee Kun-hee ” เลยล่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ลีก็อนฮี มีลูกทั้งหมด 4 คน คือ ลีแจยง ลีบูจิน ลีซโยฮุน และลียุนฮยุง โดย 2 ใน 4 คนนี้เลือกแต่งงานกับกลุ่มตระกูลร่ำรวยหรือที่เรียกว่า แชโบล แต่ ลีบูจิน เธอเลือกที่จะไล่ตามรักแท้
ประวัติโดยย่อของ ลีบูจิน
ลีบูจิน (Lee Boo-jin) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1970 และจบปริญญาตรีจากสาขา Children’s Studies มหาวิทยาลัยยอนเซ หลังจากนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากสถาบันเทคโนโลยีแมสชาซูเซตส์ ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งประธาน และ CEO เครือ Shilla ที่ดูแลทั้งโรงแรม และธุรกิจ Duty Free ซึ่งเป็นธุรกิจที่โดดเด่นในอาณาจักร Samsung ซึ่งเธอคนนี้ถือเป็นผู้หญิงที่สวย เก่ง ฉลาดครบเครื่อง เลยทีเดียว
ประวัติโดยย่อของ อินวูแจ
อินวูแจ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1968 เขาเข้ามาสมัครทำงานในซัมซุงโดยเริ่มจากงานรักษาความปลอดภัย เขาเป็นคนที่รับผิดชอบในหน้าที่การงานมาก ลีก็อนฮีจึงให้เขาไปทำงานกับลูกสาวอย่าง ลีบูจิน
เรื่องราวความรักของเขาทั้งสอง
เนื่องจาก ลีบูจิน ต้องไปออกงานบ่อยๆ ลีก็อนฮี ผู้เป็นพ่อจึงส่งบอดี้การ์ดไปดูแลลีบูจิน เขาคนนั้นมีชื่อว่า อินวูแจ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้อาจทำให้คนเป็นพ่อต้องมารู้สึกเสียใจภายหลัง
ลีบูจิน เธอมีข้อจำกัดที่เธอไม่สามารถเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นได้ คือเธอไม่สามารถคบเพื่อนเยอะ โดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ จึงทำให้เมื่อข้างกายเธอจู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดที่ดูแข็งแรงปกป้องเธอได้อย่าง อินวูแจ มาคอยติดตาม เธอจึงเกิดความหวั่นไหวภายในใจขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
พวกเขาทั้งสองต้องเผชิญกับการคัดค้านของคนในครอบครัวทั้งครอบครัวของ ลีบูจิน และ อินวูแจ โดยเหตุผลหลักๆ คือเรื่องฐานะ และการศึกษา ของทั้งสองที่ต่างกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นอีบูจินก็สู้เพื่อความรักของเธอ เธอพยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมพ่ออยู่บ่อยๆ เพื่อให้เขายอมรับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ นอกจากนี้เธอยังไปช่วยงานพ่อแม่ของอินวูแจอยู่บ่อยครั้ง ใช้เวลาพิสูจน์รักนานกว่า 4 ปี จนทำให้ทั้ง 2 ครอบครัวยอมรับในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ ทำให้ต่อมาในปี ค.ศ. 1999 ทั้งสองได้แต่งงานกัน
รอยร้าว- จุดแตกหัก
อินวูแจ เขาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาจนเคยชินและไม่ยอมพัฒนาความสามารถของตนเอง เขาถูกส่งไปเป็นรองประธานบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ แต่เนื่องจากเขาไม่มีความสามารถจึงถูกตั้งข้อสงสัยในการทำงาน แต่เขาก็ยังไม่ปรับปรุงตัวเอง แตกต่างกับภรรยาของเขา ลีบูจิน อย่างสิ้นเชิง เธอได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงานของโรงแรมชิลลา ทำให้ผลประกอบการของโรงแรมเพิ่มเป็นเวลาหลายสิบปีติดต่อกัน จนทำให้ปี ค.ศ. 2010 เธอถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจการโรงแรมชิลลา อย่างเป็นทางการ กลายเป็นประธานบริษัทหญิงคนแรกของบริษัทในเครือซัมซุงกรุ๊ป
ตัดภาพมาที่อินวูแจ ฐานะที่ร่ำรวยมากขึ้นทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีนิสัยที่ดุร้าย จากการรายงานข่าวจากสื่อในเกาหลี กล่าวว่ามีหลายครั้งที่ อินวูแจดื่มจนเมาและใช้ความรุนแรงกับลีบูจิน และเขามีประวัติการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับดาราสาวชาวเกาหลีมากกว่า 35 ครั้ง ซึ่งขณะนั้นในปี 2008 ลีบูจินที่กำลังตั้งครรภ์ เธอก็เริ่มหมดความอดทนกับอินวูแจ แต่ก็ยังให้โอกาสเขา จนถึงปี 2014 อีบูจินก็หมดความอดทนและประกาศขอหย่าอย่างเป็นทางการ
ในปี 2017 ศาลครอบครัวก็ประกาศให้ทั้ง 2 ยุติความสัมพันธ์สามี – ภรรยา โดยที่สิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรเป็นของลีบูจิน ซึ่งอินวูแจจะได้รับทรัพย์สินเป็นจำนวน 8,600 ล้านวอน ซึ่งลีบูจินยอมรับคำตัดสิน แต่อินวูแจบอกว่าจะยื่นอุทธรณ์เพราะเขาต้องการทรัพย์สินครึ่งนึงของลีบูจิน จนมาถึงปี 2019 ศาลได้มีคำตัดสิน ให้ลีบูจินแบ่งทรัพย์สินกว่า 14,000 ล้านวอนแก่อินวูแจ
ปัจจุบัน
ลีบูจินกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ เวลาว่างก็ใช้เวลาอยู่กับลูก และเธอก็บริหารธุรกิจโรงแรม และ Duty Free ต่อ
สามารถอ่านบทความอื่นๆ ของ CLEO ที่: