แค่จะเขียนเรื่องนี้ ต่อมน้ำตาเริ่มจะทำงานรับวันจันทร์กันเลย นี่เราต้องตื่นเช้าเพื่อไปเผชิญความจริงของชีวิต รถก็ติด ไหนจะงาน ต้องเข้าประชุมกับพวกขี้โม้พูดมาก ลูกค้าที่เราต้องปั้นหน้าสวย ความหวังของที่บ้าน เยอะสิ่งจนอยากหนีเข้าป่า แต่คิดๆ แล้วว่าเข้าป่าไป เราก็อาจจะไปทะเลาะกับลิงกังก็ได้ งั้นอยู่สู้ความจริงไปดีกว่า เพราะความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่คนอื่น แต่อยู่ข้างในใจและสมองของเราต่างหาก
หลังจากได้ไปเจอบทความของ ดร.เจนนี่ หวัง นักจิตวิทยาลูกครึ่งเอเชียน-อเมริกันที่เชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาจะคิดใหม่ทำใหม่กับความล้มเหลว และความล้มเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญจนทำให้มีหลายงานวิจัยบอกว่าเราจะเอาชนะความล้มเหลวได้ด้วยวิธีคิดที่ต่างกัน เพราะเรามี “ชุดความคิดที่ต้องโตขึ้น” และ “ชุดความคิดที่ต้องเอายึดถือไว้”
ความคิดที่เรายึดไว้หมายถึงความเชื่อของเราที่เป็นจุดแข็ง เป็นความสามารถพิเศษบางอย่าง ไม่ว่าเราจะใช้ความพยายามมากแค่ไหน จุดแข็งนั้นยังเด่นเหมือนเดิม เพิ่มเติมกว่านี้ไม่ได้แล้ว ส่วนวิธีคิดที่เราสามารถหล่อเลี้ยงให้โตขึ้นเรื่อยๆ คือการพยายามดันตัวเองไปข้างหน้า ความล้มเหลวจะเป็นแหล่งเติมเชื้อไฟให้ไปถึงฝันได้แบบมั่นคง ทางแยกตรงนี้จะเลี้ยวไปทางแห่งความสำเร็จหรือทางของคนอ่อนแอก็แพ้ไป วัดตรงที่เราตีความความล้มเหลวว่าเป็นโอกาสหรือท้อแล้วเลิกทำไปเลย
เพราะความล้มเหลวดูฟรุ้งฟริ้งกว่าที่คิด!ดร.เจนนี่บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จจะรู้ว่าต้องทำยังไงกับความกลัวในใจแล้วปรับความคิดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าเราจะเจอความยากอะไรให้ผ่าน 4 ขั้นตอนนี้ไปให้ได้
เพราะความล้มเหลวดูฟรุ้งฟริ้งกว่าที่คิด!
ดร.เจนนี่บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จจะรู้ว่าต้องทำยังไงกับความกลัวในใจแล้วปรับความคิดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าเราจะเจอความยากอะไรให้ผ่าน 4 ขั้นตอนนี้ไปให้ได้
1. ถ้าจะแย่ก็ต้องปล่อยให้แย่ไป
ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต อยู่ที่เราจะมองยังไง อับอายเก็บตัว ตอกย้ำว่าเออ แกมันห่วย หรือเราจะลองยอมรับความเยินๆ ของตัวเอง แล้วกล้าเล่าเรื่องนี้ให้คนที่ไว้ใจฟังดู เลือกคนที่จะไม่ซ้ำเติมแต่ให้เขารับฟัง แล้วกลับมามองตัวเองว่าเรากล้าพูดในความน่าอายที่ทำไปหรือเปล่า
2. เปลี่ยนความพังให้มีทางเดินใหม่
ลองถามตัวเองว่า…“เรื่องที่พลาดนี้เราได้เรียนรู้อะไรให้ตัวเองโตขึ้นบ้าง”, “จะมีวิธีไหนที่เราใช้จุดแข็งของตัวเองในเหตุการณ์นี้ได้บ้าง”
3. เห็นความสวยงามของความพยายามที่เกิดขึ้น
ถ้าเป้าที่ต้องทำให้สำเร็จใหญ่มาก ค่อยๆ ย่อยทีละอย่างให้เล็กลงและทำได้จริง ใส่ความอยากรู้อยากเห็น ความตื่นเต้นและสนใจเรื่องต่างๆ เสมอ อย่าลืมจำความรู้สึกและพลังตอนที่เรากำลังเดินผ่านความล้มเหลวนี้ไว้ให้ดี แล้วให้เวลาตัวเองประเมินว่าสิ่งที่เราทำไปมีฟีดแบ็กยังไง เกิดเป็นคนคือได้ทดลองหนทางใหม่ๆ เสมอ
4. ทำไปซ้ำๆ จนเข้าเส้นเลือด
ครั้งแรกยังไม่เห็นก็ทำซ้ำให้รู้ไปว่าพยายามแล้วจะไม่สำเร็จ มันอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างในครั้งแรก แต่พอเจอบ่อยๆ เราจะรับมือได้ไหลลื่นขึ้น
นึกไว้เสมอว่าการล้มและพลาดช่วยให้เราเก่งขึ้น เข้าใจปัญหาว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่หยุดที่จะผลักดันตัวเองไปถึงปลายทาง นี่อาจจะเป็นความหมายของการมีชีวิตแบบคนที่ประสบความสำเร็จ คือไม่กลัวปัญหาอะไรแล้วก็เป็นได้