โรคซึมเศร้าที่หลายคนเข้าใจคือภาพของคนที่เก็บตัว เศร้า ร้องไห้และเขาต้องบ่นเรื่องการอยากฆ่าตัวตายอย่างชัดเจน แต่ถ้าได้เห็นภาพนี้ของสตีเฟน รีส ซึ่งเป็นภาพของชายหนุ่มที่มีความสุขกำลังเล่นกับหลานตัวน้อยด้วยรอยยิ้มที่สดใส ไม่มีใครรู้เลยว่าอีกไม่นานเขาเลือกที่จะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะโรคซึมเศร้าแบบไม่มีใครเอะใจมาก่อน
ตามการรายงานของ walesonline.co.uk พี่สาวของสตีเฟนเล่าถึงน้องชายคนนี้ว่าเขาเป็นคนที่ไปที่ไหนก็เหมือนเป็นแสงสว่างวาบเข้ามาในจุดนั้น ปาร์ตี้ไหนมีเขา สตีเฟนคือชีวิตและจิตวิญญาณของงานที่ไปอย่างไม่มีข้อสงสัย การจากไปของเขาทำให้พี่สาวช็อคมาก เพราะสตีเฟนอายุแค่ 26 ปี เป็นคนที่มีครอบครัวน่ารัก มีแฟนสาวที่ดีงาม และเขาเองไม่เคยพูดถึงปัญหาสุขภาพจิตที่กำลังเผชิญเลย การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นแค่ภาพเดียวในหลายๆ ภาพสุดท้ายของคนที่เพิ่งจะถ่ายรูปพร้อมรอยยิ้ม แต่อีกไม่นานพวกเขาเลือกจะตัดสินใจลาโลกแบบที่คนรอบข้างไม่เคยรู้ถึงความดาร์คที่ก่อตัวอยู่ในใจ บางคนอาจเก็บไว้มาเนิ่นนาน และเขาไม่กล้าและกลัวว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจ
เหมือนกับที่เราเห็นหลายๆ คนเตือนว่าคำที่ปลอบบางคำอาจไม่ช่วยอะไร แถมยังไปสร้างความกดดันให้กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย เราอยากแชร์ให้สาวๆ คลีโอได้ลองหันกลับไปเช็คหัวใจและสิ่งที่อยู่ในใจคนข้างๆ เพื่อน แฟนหรือครอบครัว โรคซึมเศร้าเป็นไปได้ตั้งแต่เด็กถึงคนแก่ ภายนอกที่เราได้เจอเขาอาจดูสดใสทุกครั้งที่เจอ สิ่งที่เห็นอาจเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งนิดเดียว แต่ภายในใจนั้นมันช่างเวิ้งว้าง ไม่เห็นจุดหมาย มืดมิด ไม่มีความสุขไปจนรู้สึกทรมานออกมาที่ร่างกาย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักคนอื่น แต่ความเจ็บปวดอย่างหนักที่เขาต้องรับสภาพนั้น บางทีก็อาจเกินที่จะรับได้ สิ่งที่เราทำได้คือสังเกต คอยถาม เป็นคนรับฟัง เป็นคนที่อยู่ข้างๆ ที่สำคัญเมื่อถึงเวลาที่ต้องรับการรักษาแล้วก็ต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับยาช่วงแรกๆ ที่คนกินยาจะบอกว่าทรมานสุดๆ ต้องทำให้เขามีกำลังใจ เชื่อเถอะว่าถึงเวลานั้นทุกคนอยากได้มือใครสักคนยื่นมาช่วยเขาออกจากหลุมดำนี้
เพราะยากมากที่เราจะเข้าใจในความรู้สึกของคนที่เป็นซึมเศร้า มีการวิจัยใหม่ในการป้องกันการฆ่าตัวตายของ Campaign Against Living Miserably พบว่ามีคนถึง 61% กำลังใช้ความพยายามที่จะบอกคนใกล้ตัวว่าพวกเขารู้สึกอยากฆ่าตัวตาย และจิตแพทย์ในเมืองไทยเองยังบอกว่าคนที่ทำสำเร็จส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่า เพราะเป็นเพศที่ไม่ค่อยได้ระบายความรู้สึกเครียดกดดันต่างๆ ที่อยู่ข้างในออกมาเท่าไหร่ การพูดคุยด้วยความเข้าใจมีส่วนช่วยให้ก้าวข้ามผ่านความคิดลบๆ ไปได้บ้าง
ดังนั้นความน่ากลัวของโรคซึมเศร้าไม่ใช่แค่การสังเกตสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่ให้เราพยายามตรวจเช็คความรู้สึกของคนรอบตัวและหมั่นดูแลหัวใจตัวเองเสมอ ถ้าถึงเวลาที่ต้องไปพบกับผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็ต้องไปรับคำแนะนำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะ