ชีวิตทุกวันนี้ถ้าเราตั้งใจฟังดีๆ จะรู้ว่ามีการสื่อสารกันระหว่างตัวเรากับพลังงานรอบๆ ตัวที่เชื่อกันว่าจักรวาลกำลังบอกอะไรเป็นนัยๆ กับเราตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราจะหยุดฟังหรือฝืนถึงรู้ว่าไม่ใช่ เป็นการใช้ความรู้สึกข้างในการให้ความหมายกับสิ่งต่างๆ ว่าเราทำแล้วมีความสุขจริงเหรอ เราใช้ร่างกายและสมองหนักไปมั้ย คนที่คบนี่เพื่อนแท้หรือเปล่า คุณสามารถตอบตัวเองได้ แค่หยุดแล้วใช้เซนส์สัมผัสถึง 9 สัญญาณต่อไปนี้ดู
1.เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ
เมื่อเช้ากำลังคิดถึงคนๆ หนึ่ง แล้วตกบ่ายเดินเจอกันแบบดื้อๆ หลังจากไม่ได้มาหลายปี พูดถึงคนที่ไม่เคยพูดถึงแล้วอีกวันเขาโทรมา หรือวันเกิดอยู่ๆ ก็ได้ของขวัญที่อยากได้แต่ไม่เคยบอกใครมาก่อน เรื่องบังเอิญพวกนี้คิดดีๆ ก็อาจจะบังเอิญ เป็นโชคดีบางอย่าง หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เหมือนมีใครมาบอกหรือให้อะไรเรา ถ้าเป็นเรื่องเฮงก็ถือว่าดีที่มีใครมาคุ้มครอง แต่ถ้าไม่ดีก็แปลได้ว่าให้เราระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
2.ฝันแปลกๆ ที่ตื่นมาแล้วยังจำได้
ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าความฝันที่เราจำได้อยู่ในลำดับการนอนตอนสุดท้ายก่อนจะตื่น แต่ความซับซ้อนของความฝันอาจเชื่อมโยงกับสภาพจิตใจตอนนั้น ซึ่งความฝันบางอย่างอาจกำลังบอกว่าเราเครียดอยู่นะ มีใครคิดถึงอยู่ หรือเป็นโมเมนท์ให้เราได้เจอคนในโลกคู่ขนานก็เป็นได้ มัลติเวอร์สก็มานะจ๊ะ
3.ลักษณะคนที่อยู่รอบตัว
ดูให้ดีเราจะเห็นว่าคนรอบข้างส่วนใหญ่มีนิสัยที่ไม่ค่อยต่างจากเรา สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่เรามีเวลาทบทวนกับตัวเอง อย่างถ้าเราทำงานแล้วเจอแต่เพื่อนร่วมงานที่ไม่คลิกกัน ก็เป็นสัญญาณบอกได้ว่าคุณเหมาะกับที่ทำงานนั้นจริงๆ หรือเปล่า หรือเพื่อนที่เข้ามาช่วยเราได้ถูกจังหวะชีวิต คนนี้อาจจะเป็นเพื่อนยามยากของเราไปเลยก็ได้
4.ร่างกายและสุขภาพกำลังฟ้องอะไร
ปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นออฟฟิศซินโดรมขึ้นมา จักรวาลกำลังเตือนว่าขยับตัวไปทำอย่างอื่นบ้างเถอะ สิวขึ้นที่หน้าเพราะท้องผูกกินอาหารไม่ดี ผื่นลมพิษคันไม่หายมาจากความเครียดทั้งนั้น ไปจนการป่วยหนักๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าต้องเปลี่ยนนิสัย และการใช้ไลฟ์สไตล์แบบใหม่ได้แล้ว อาการทางร่างกายและสุขภาพจิตเลยเป็นสิ่งที่สะกิดบอกเราชัดเจนมาก
5.การค้นพบ VS การสูญเสีย
สิ่งของแทนใจของคนรักที่จากไป อยู่ๆ ก็เจอแบบง่ายๆ เหมือนเป็นข้อความที่จิตวิญญาณพยายามจะสื่อบอกเราหรือเปล่า ของบางอย่างที่พังจนต้องตัดใจทิ้งอาจสื่อความหมายว่าบางเรื่องต้องเลิกเศร้ากับอดีตแล้วเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ได้แล้ว
6.ความล่าช้าติดขัด
ไฟล์ตโดนเลื่อน นัดที่ตั้งใจจะเจอกับคนนี้ก็โดนเท บางคนเหมือนจะได้พบกันก็ดันมีเหตุให้ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ งานที่ดูง่ายๆ แต่ทำไมเจอความเยอะเหลือเกิน อุปสรรคเต็มไปหมด สัญญาณพวกนี้เป็นไปได้ว่าจักรวาลอาจให้เรารอ อย่าเพิ่งผลีผลาม เพื่อให้เราเจอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตจริงๆ
7.สัญชาตญาณบอก
จิตใต้สำนึกเป็นช่องทางที่จักรวาลพยายามบอกบางอย่างแบบแนบเนียน อยู่ๆ ก็แว่บขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย บางครั้งเราต้องเชื่อความหยั่งรู้หรือเซนส์ส่วนตัว และการนั่งสมาธิสามารถช่วยให้เราคอนเน็คท์กับตัวตนได้แม่นยำขึ้น
8.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในแต่ละวันว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ บ่อยๆ แล้วเราใช้ชีวิตยุ่งจนลืมใส่ใจ บางครั้งแม่ที่เดินมาเปิดประตูบ้านให้เราทุกวัน พี่แม่บ้านที่คอยจัดโต๊ะทำงานแบบเนี้ยบทุกเช้า แค่เราหันกลับมามองเรื่องพวกนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าต้องตอบแทนพวกเขาบางอย่างแล้วแหละ
9.สิ่งที่ติดอยู่ในหัว เอาออกไปไม่ได้
เพลงที่หลอนหู ภาพติดตา บางซีนที่เจอหรือความฝันที่ยังฝังหัวอาจมีความหมายที่ฟ้ากำลังบอกเรา เปิดใจฟังเพื่อเข้าใจถึงคำตอบ
ทั้งหมดดูเป็นเรื่องที่พิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่อยากให้ลองเชื่อจักรวาลหรือเชื่อสิ่งที่ตัวเองรู้สึก เพราะสุดท้ายเราคงไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจากความสุขและความสำเร็จในด้านต่างๆ ลองตั้งใจรับข้อความว่าจักรวาลพยายามจะบอกอะไรเรา ยิ่งเราฟังมากแค่ไหน เราจะได้รับสิ่งที่สื่อมาอย่างไม่น่าเชื่อ