“คริสต้า The Voice หรือ คริสต้า ชิม” เด็กสาววัย 15 ที่เราอาจจะเคยได้ยินเสียงเธอมาตั้งแต่ The Voice Kids เมื่อปี 2020 สองปีผ่านไป คริสต้าเติบโตขึ้นในวัยสิบห้า เธอกลับมาประกวดร้องเพลงอีกครั้งในรายการ The Voice All Stars ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับเสียงที่สตรองขึ้น ภาษาไทยที่แข็งขึ้น และความมั่นใจที่มากขึ้น แต่ความไร้เดียงสาและความธรรมชาติของคริสต้าก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน คลีโอได้คุยกับน้องคริสต้า ทำให้เรารู้เลยว่า อายุไม่ใช่เครื่องวัดความสามารถและความคิดจริงๆ เธอคือผู้หญิงที่อินสไปร์อีกคนนึงเลยก็ว่าได้ มาทำความรู้จักกับคริสต้ากันนะ

จุดเริ่มต้นในการร้องเพลงของคริสต้านั้นติดตัวเธอมาตั้งเด็ก โดยที่เธอก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านี่จะกลายมาเป็นพรสวรรค์และความฝันของเธอ คริสต้าเล่าให้เราฟังว่าตอนเด็กๆ ช่วงที่เธออายุประมาณ 4-5 ขวบ เธอก็เริ่มร้องเพลงแล้ว เพลงที่เธอร้องคือเพลงการ์ตูนดิสนีย์ที่พ่อแม่เปิดให้ฟัง พอโตขึ้นอีกหน่อย เธอก็เริ่มสนใจการร้องเพลงมากขึ้น จนคริสต้าอายุ 8-9 ขวบ คุณแม่ก็ลองพาเธอไปออดิชั่นประกวดร้องเพลงเพื่อให้มีประสบการณ์มากขึ้น แต่ด้วยความเด็ก ณ ตอนนั้น ทำให้คริสต้าไม่สามารถแยกการร้องเพลงและการเรียนออกจากกันได้ เลยทำให้เธอโฟกัสไม่ค่อยได้ จนช่วงอายุ 11 ขวบ เธอก็ห่างหายไปจากการร้องเพลงและกลับไปเรียนหนังสือจริงจัง
“ตอนนั้นที่คริสต้าเรียนร้องเพลง คริสต้าไม่ได้เป็นตัวเองขนาดนั้น เลยทำให้ความเป็นตัวตนของคริสต้าเวลาที่ร้องเพลงหายไป”
หายจากการร้องเพลงไปเกือบ 2 ปี คริสต้าก็กลับมาร้องเพลงอีกครั้ง ความรู้สึกของเธอในครั้งนี้เปลี่ยนไป พอเธอได้จับไมค์ขึ้นมาร้องเพลง มีคนดูเธอร้องเพลงเยอะขึ้น ทำให้รู้สึกว่านี่แหละ คือทางของเธอ
The Voice คือความฝันของเธอ
คริสต้าบอกว่าการประกวด The Voice คือความฝันของเธอเลย และเธอก็ทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริง ครั้งแรกที่คริสต้าประกวดเดอะวอยซ์คิดส์ ตอนนั้นเธออายุเพียงแค่ 13 ปี และทำให้เราได้รู้จักเธอในฐานะ คริสต้า The Voice Kids “ตอนนั้นคริสต้าไม่ได้ซีเรียสมาก แค่อยากลองดูว่าจะเราทำได้ไหม แต่สุดท้ายก็ทำได้ และเป็นโมเมนต์ที่คริสต้าดีใจที่สุดในชีวิตเลยค่ะ”
คลีโอถามคริสต้าว่ากลับมารอบนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง เธอก็ตอบกลับมาว่า “สิ่งที่คริสต้าพัฒนาได้เยอะที่สุดคือเรื่องของภาษา ภาษาไทยของคริสต้าชัดขึ้นมาก พอกลับมาแข่ง The Voice All Stars ก็กดดันเหมือนกัน ก่อนที่จะมาแข่ง คริสต้าก็จะย้อนกลับมาดูตัวเองใน The Voice Kids แล้ววิเคราะห์ตัวเองว่าเราทำถูกผิดตรงไหนบ้าง พอมาแข่งในครั้งนี้ คริสต้าเลยอยากให้ทุกคนเห็นว่าคริสต้าพัฒนาขึ้น และฝึกซ้อมมากขึ้นกว่าเดิม”
เวลาที่เห็นเธอในรายการ หลายคนอาจจะมองว่าคริสต้าคือเด็กที่เรียบร้อย ขี้อาย เธอบอกว่าจริงๆ แล้วคริสต้าเป็น Perfectionist ที่โฟกัสมากๆ อย่างเวลาร้องเพลง เวลาที่มีโน้ตที่ผิดนิดเดียวก็จะกลับไปคิดใหม่ทันที รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ เธอก็จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา คริสต้าเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลตำแหน่งรับที่โรงเรียน ถ้าคริสต้ารับลูกวอลเลย์บอลไม่ได้ เธอจะกลับไปคิดและฝึกซ้อมที่บ้าน หรืออย่างการเรียนหนังสือ ถ้าเกิดว่าเธอได้คะแนนที่ไม่ค่อยดี ก็จะกลับไปฝึกฝนและอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น
ถ้าเราเลือกที่จะเอาการร้องเพลงมาอยู่ในชีวิต การเรียนก็ต้องไม่ทิ้ง ต้องพยายามมากขึ้น ต้องโปรดัคทีฟมากขึ้น แบ่งเวลาให้ตัวเอง

“การเป็น Perfectionist สำหรับคริสต้าคือสิ่งที่ดี เพราะมันช่วยให้เราเป็น best of our potential จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้” – คริสต้า The Voice
ทกุอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้องเพลง การเรียน หรือการเล่นกีฬา คริสต้าจะถือคติ “ทุกอย่างที่เราทำต้องดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” เธอคือเด็กสาวที่เชื่อในความพยายามและพุ่งชนไปให้สุดแรง เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะส่งผลไปถึงอนาคต เธอบอกว่า “ไม่ว่างานที่เราไปร้องเพลงจะมีคนดูเยอะหรือน้อย ก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด”
ในเวลาที่ท้อแท้ เซฟโซนของเธอก็คือครอบครัว คริสต้าสนิทกับคุณพ่อและคุณแม่มาก มีอะไรก็บอกแม่ เล่าให้แม่ฟังเสมอ จนเธอถึงกับพูดว่า “คุณแม่คือเพื่อนรักของคริสต้า จนบางครั้งคุณแม่รู้จักคริสต้ามากกว่าเรารู้จักตัวเองด้วยซ้ำ คุณแม่คือกระจกสะท้อนคริสต้า อะไรที่ผิดหรือไม่ถูกต้อง แม่ก็จะคอยเตือนให้เราระวังตัวในวิธีที่ไม่ได้พูดตรงๆ แต่แม่จะมีวิธีสอนคริสต้าให้เป็นเด็กที่ดีและมีคนรัก ส่วนคุณพ่อจะเป็น warmth ให้กับคริสต้า เป็นที่พักพิงให้คริสต้า”

จากคริสต้า ถึง คริสต้าในอีก 5 ปีข้างหน้า
ถามคริสต้าว่า อยากได้คุยกับตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า เธออยากบอกว่าอะไร เธอก็ตอบกลับมาว่า “How are you doing? เราต้องตั้งใจทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ และต้องทำให้ดีที่สุด รักตัวเองมากที่สุด ดูแลตัวเองให้ดี ต้องรู้สึกภูมิใจในตัวเองว่า This is the result of what i did”

ความคิดของคริสต้าเป็นอะไรที่ทำให้เราทึ่งมากๆ เพราะความคิดของเธอนั้นอินสไปร์และจุดประกายเราได้จริงๆ ตอนที่ได้คุยกับคริสต้า แววตาของเธอเป็นประกาย ความสดใส และหัวใจที่เต็มไปด้วยความฝันของคริสต้านั้นส่งต่อมาให้เราได้จริงๆ สิ่งที่คริสต้าบอกกับเราเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ทัชใจ เธอบอกว่า “ทุกอย่างที่เราทำมันจะพาเราไปสู่อนาคตที่เรากำหนดเอง เราต้องรักตัวเองก่อน ถ้าเรารักตัวเองไม่ได้ เราก็ไม่สามารถรักคนอื่นได้” รักตัวเองของคริสต้าเลยเป็นอะไรที่ง่ายๆ เธอเล่าว่าเธอจะให้เวลาตัวเองอย่างน้อย 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็น self-care time ในหนึ่งชั่วโมงนี้จะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองแฮปปี้ขึ้น เช่น ร้องเพลงคาราโอเกะ ทาเล็บ แต่งหน้า มาส์กหน้า แค่นี้ก็เรียกว่ารักตัวเองแล้ว
“ทุกอย่างที่เราทำ มันกำหนดให้เราเป็นคนที่เราจะเป็นในอนาคต ถึงแม้ว่าเรามีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่มันก็อยู่ที่ความตั้งใจของเราเอง ซึ่งคริสต้าภูมิใจในตัวเองมากๆ ที่ตั้งใจทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้” – คริสต้า
ติดตามผลงานของคริสต้า และเป็นกำลังใจให้เธอกันนะ