คลีโอชี้เป้า! สองไอเทมนี้จะทำให้ผิวหน้า +ผิวกายของเราอย่างไบรท์! จนต้องได้รางวัล CLEO Beauty Hall of Fame2024

อะไรดีเราต้องประกาศให้โลกรู้ 2 ไอเทมที่ได้ลองใช้แล้วรู้สึกว่าดีจนต้องให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์บิวตี้ CLEO Beauty Hall of Fame ของปี 2024 นี้ มาทั้งผิวหน้าและผิวกาย รักจริง เริ่ดจริง!

เปิดตัว 3 ไอเท็มเมคอัพสุดเริ่ดจาก IN2IT  ที่คลีโอรักมาก

ถ้าให้พูดถึงไอเท็มเมคอัพที่ใช้ยังไงก็ไม่เบื่อ หยิบมาใช้ตอนออกงานก็สวยแพง ใช้ในวันรีบ ๆ ก็สวยเป๊ะ ใช้ตอนไหนก็ได้ลุคสวยทุกครั้ง คลีโอขอยกให้แบรนด์ IN2IT เป็นแบรนด์ขึ้นหิ้งของเมคอัพราคาน่ารักแต่คุณภาพเกินต้าน ยิ่งตอนนี้เดินทางมาถึงเทศกาล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 คลีโอก็ไม่พลาดมอบรางวัลให้ IN2IT ไปอีกปี รอบนี้คว้ามงไปจุก ๆ 3 ชิ้น บอกเลยว่าทุกชิ้นที่ให้รางวัล คลีโอรักมากกก และอยากแชร์ต่อจริง ๆ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย 

สนุกให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง เพิ่มความมั่นใจใต้วงแขนด้วยไอเท็มสุดเริ่ดจาก Ri en 

มีใครเป็นสายฟรีสปิริตแบบเราบ้าง จะทำอะไรก็ต้องทำให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง ลุย ๆ พร้อมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะปาร์ตี้ ทำกิจกรรม หรือเที่ยวในแบบที่ต้องการ แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งสำคัญที่สาว ๆ อย่างเราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือเรื่องผิวใต้วงแขนนั่นเอง เพราะถ้าหากผิวบริเวณนั้นดำคล้ำ หรือมีกลิ่น ไม่เนียนสวย ก็อาจทำให้ความมั่นใจหรืออินเนอร์ความกล้าของเรานั้นหายไปด้วยได้เช่นกัน แต่วันนี้ คลีโอมีไอเท็มดูแลผิวใต้วงแขนจากแบรนด์ลูกรักอย่าง Ri en มาฝาก แอบกระซิบว่าเป็นไอเท็มที่เราใช้มาตลอด และก็มอบรางวัล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 ให้ด้วยนะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังว่ามันเริ่ดยังไง




Self Love

ชอบบอกให้มีความมั่นใจ ทั้งที่ข้างในยังรู้สึกไม่มีอะไรให้มั่น



ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ย แต่ตอนนี้จากบทสนทนาที่เราคุยกับเพื่อนๆ หลายกรุ๊ป ทุกคนกำลังเจอเรื่องอะไรหนักๆ อยู่ ไม่ว่าจะเรื่องโสด คนมีแฟนก็อึนๆ กับความรัก เรื่องงานที่อีรุงตุงนัง เรื่องครอบครัวที่บ้านมีปัญหา แล้วไหนจะต้องออกไปเจอโลกเป็นผู้หญิงสวยมั่น เอาจริงๆ วันที่ดาวน์ๆ ฮอร์โมนตกเนี่ย ความมั่นใจเรียกยังไงก็ไม่ขึ้นเลยมานั่งดูว่าอาการนี้มันมาจากอะไร แล้วเติมความมั่นในใจยังไงถึงจะเต็ม

ความมั่นหายไปเวลาที่เราเทียบตัวเองกับคนอื่น

ทุกครั้งเลยที่เห็นเพื่อนได้เงินเดือนเยอะกว่า อีกคนได้ไปทริปเมืองนอกเก๋ๆ นั่งบิสสิเนส ดูโซเชียลอีกคนถอยแบรนด์เนม แต่ทำไมเงินในบัญชีเราถึงเหลือหลักร้อย เราก็ทำงานหนักนะ หรือเราไม่เก่งมากพอ ทุกคำถามผุดขึ้นมาโดยที่เราคิดว่าตัวเองไม่ก้าวไปไหน แต่ไม่เคยหันกลับไปมองว่าเรามาไกลได้ขนาดนี้ได้ยังไง

เด็กที่บ้านอาจไม่ได้รวย แต่เราเรียนจบมีงานทำ ทุกอย่างก็ทำของเรามาเอง เรารับผิดชอบครอบครัว เรามีเงินเก็บบ้าง อาจไม่ได้หรูหราแต่เรามั่นคง หลายครั้งที่รู้สึกท้อว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นแล้วอยู่ดีๆ มีพี่ที่สนิทมาให้ข้อคิดว่า “เธอดูดีๆ สิ เธอซื้อคอนโดอยู่ไม่ต้องขอพ่อแม่สักบาท แล้วทุกวันเธอทำกับข้าวกินเอง มีความสุขง่ายๆ กับตัวเอง เธอต้องภูมิใจตัวเองนะ” คำพูดแค่นี้ฟังแล้วมีแรงบันดาลใจ รู้สึกมั่นใจเลยว่าจริงด้วย แค่เราลงมือทำ เราได้ทุกสิ่งที่อยากได้นี่ และถ้าจะเหนื่อยบ้าง ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ ความมั่นใจมาจากการโฟกัสที่ตัวเองต่างหาก

คนชอบมาดับความมั่นเพราะใช้สแตนดาร์ดของตัวเองมาตัดสิน

เรื่องง่ายๆ ที่เห็นบ่อยมากคือการคอมเมนท์ในโลกออนไลน์บอกว่าอ้วนไปหรือผอมจนน่ากลัว โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่หมอที่ไปปรึกษา ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขาที่สนิทกันมากๆ เป็นญาติยังไม่ควรพูดเลย และถ้าคนนั้นไม่ได้ร้องขอความเห็น ไม่ต้องพูดดดด รู้เหรอว่าที่เขาอ้วนขนาดนี้บางทีอาจเกิดจากปมความเศร้าที่อยู่ในใจ เขาเลยกลายเป็นคนเสพติดอาหาร เขาอาจเป็นไทรอยด์ที่ทำให้ตัวบวม หรือน้ำหนักลดเพราะไม่สบาย ท่องไว้ว่าถ้าเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเยียวยาเขาได้ ก็อยู่เฉยๆ ไป ถ้าจะถามก็ถามว่าสบายดีหรือเปล่า ถ้าเขาสบายดีก็คือจบนะ

หรือเรื่องความมั่นใจในการทำงาน คนบางคนในที่ประชุมก็ชอบพูดว่าทำไมคนนั้นคนนี้ไม่พูดไม่แสดงความคิดเห็น เขาไม่เซล์ฟ เพราะย้อนภาพอดีตไปคนนั้นอาจเคยพูดแล้วโดนเบรค โดนหาว่าไม่ฉลาด สภาพการทำงานทำให้ไม่สามารถแสดงความมั่นได้เลย ที่ทำงานไม่เคยซัพพอร์ตมีแต่กดคนอื่นให้กลัวกันเอง

คนที่ขาดความมั่นใจจะไม่มีวันไปข้างหน้าจริงเหรอ?”

ประโยคเสียดแทงนี้ก็อาจจะจริงนะ เพราะเราเห็นคนที่ทนทำงานที่ไม่ชอบมาเป็นสิบๆ ปี ทำไปบ่นไป ถามว่าทำไมไม่ลาออก เพราะไม่มั่นใจไงว่าตัวเองจะหางานที่ดีกว่านี้ได้ สิ่งเดียวที่ยึดมั่นไว้คือฉันเก่งไม่เท่าคนอื่นหรอก ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ซึ่งการตีกรอบตัวเองแบบนี้ไม่ใช่แค่ไปด่าเขาว่าติดกับคอมฟอร์ทโซน รักสบาย เป็นคนเฉื่อยแฉะ ต้องดูให้ลึกว่าความมั่นใจแบบนี้มาจากตั้งแต่เขาโตมาในครอบครัวแบบไหน เขาถูกเลี้ยงเป็นไข่ในหิน บ้านของเขาไม่ตั้งเป้าใหญ่ๆ เอาไว้ให้ลูกหลานสำเร็จ สภาพแวดล้อมตอนที่เรียนเป็นยังไง พวกนี้มีผลต่อแรงขับในชีวิตไปหมด 

เปลี่ยนจากกดดันมาเป็นสร้างพลังให้คนอื่นเถอะ

ง่ายๆ คือคำว่า empowering ทำให้ตัวเองรู้สึกมีพลังเหมือนชาร์จไฟเข้าไป พอเต็มแล้วพลังของผู้หญิงมีมากมหาศาลเลยนะ ผู้หญิงเปลี่ยนโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อไหร่ที่รู้สึกขาด พลังตรงนั้นจะคอยเติมให้เราไปต่อได้ เราจะมูฟออนจากความรักแย่ งานรั้งๆ เลิกคิดว่าเราไม่เก่งแต่กลายเป็นมีอะไรที่เราทำได้ดีกว่านี้อีก ลองลุกไปเรียนเพิ่ม, ฉันสวยกว่านี้ได้ ,กล้าที่จะเปิดใจทำอะไรใหม่ๆ วางความกลัว ความท้อแท้เอาไว้ข้างหลังก่อน หรือถ้าไม่มั่นใจรูปร่างของตัวเอง ก็เดินหน้าออกกำลังกาย ปรับการกินใหม่ เรารู้ว่าตัวเราลิมิตมั่นใจอยู่ที่ตรงไหน

ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่า “สาวๆ มั่นใจเถอะ” แต่เราสร้างสังคมให้ผู้หญิงซัพพอร์ตกันเองเยอะๆ ไม่ต้องเป็นเกรียนคีย์บอร์ดวิจารณ์ใคร ไม่ต้องอวยจนโอเว่อร์ หาแนวทางดีๆ แนะนำกัน แล้วเราจะบิ้วด์ความมั่นใจได้ด้วยหัวใจตัวเอง

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']