2023 คือยุคของการต้อง “ชนะ” ในความสัมพันธ์ เราเลยต้อง ชิงเทก่อน ให้มันจบๆ แบบตัวแม่จะแคร์เพื่อ
บอกเลยว่านี่คือยุคของการมีชั้นเชิงในความรักสุดๆ มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรงัดมาให้หมด ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มวงการนี้ แต่บอกเลยว่าถ้าได้เข้ามาแล้วหัวจะปวดมากค่ะ มันคือควาามสัมพันธ์ที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็คุยกันแบบฟีลแฟน หรือที่เรียกว่าคนคุยนั่นแหละ แต่ตอนคุยมันไม่ได้คุยกันปกตินี่สิ มันจะมีชั้นเชิงอะไรบางอย่าง เป็นการกั๊กๆ กัน ตอบช้าแบบดึงเชิงบ้าง พูดไม่หมดบ้าง หรือคุยเผื่อเลือกบ้าง (อันนี้ไม่ได้บอกว่าผิดนะ) มันคือเหลี่ยมที่ทั้งสองฝ่ายกั๊กเอาไว้แล้วงัดมันออกมาเมื่อถึงจุดพีคของความสัมพันธ์ แล้วก็บู้มจ้าา จบกันที่เลิกคุย แยกย้าย บ๊ายบาย
ความน่าปวดหัวของการคุยกันหรือการเดทในสมัยนี้คือ “เราจะแพ้ไม่ได้” อาจจะเพราะกลัวโดนเขาเท กลัวเขาโกสต์หนีหายไปไม่บอกไม่กล่าว กลัวว่าจะมีอะไรที่ไม่แฟร์กับเรา เราเลยต้องทำกลับเพื่อปกป้องใจเราไม่ให้ช้ำ หรือเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเป็นคนแพ้ มีเพื่อนคนนึงเป็นสาวโสดที่เรียกว่าเชี่ยวเรื่องการคุยกับหนุ่มๆ มาก เดทติ้งแอปเธอเล่นจนครบ เธอบอกว่าทุกคนที่คุยก็ลงเอยคล้ายๆ กันหมด คือคุยๆ กัน อีกฝั่งเริ่มหาย ตอบช้าลง สุดท้ายก็เท จนหลังๆ เวลาที่เธอคุยกับหนุ่มๆ ถ้าเธอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีเธอจะ ชิงเทก่อน ทันที เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนเท เธอบอกว่าไม่ได้ตั้งใจทำ แต่ทุกคนยุคนี้กลายเป็นแบบนี้แล้วจริงๆ
ตัวแม่แบบเราก็ “ชิงเทก่อน” ไปเลยสิคะ
กลายเป็นว่าทุกวันนี้ แค่เราจะคุยกับใครสักคนจริงๆ เรายังไม่สามารถวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะอยู่กับเรา อาจจะเพราะโลกที่มันหมุนไปไกลมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรักเลยกลายเป็นเรื่องฉาบฉวยหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ หรือด้วยความที่ความรักบนโลกออนไลน์มันง่ายจนเกินไป แค่กดฟอล ทักดีเอม คุยกัน คอลกัน นัดเจอกัน ไม่เวิร์คก็จบเลย มันค่อนข้างจะรวดเร็วตามสูตรของมันประมาณนึง
ความยากคือเราจะดูแลหัวใจตัวเองได้ยังไงในยุคที่การเดทเป็นแบบนี้ อย่างแรกเลยคือลองถามตัวเองก่อนเลยว่า “เราอยากคุยเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์จริงๆ หรือแค่คุยเอาสนุก” เพราะเราอาจสนุกแต่เขาไม่สนุกด้วย หรือในทางกลับกัน เขาอาจแวะมาคุยเล่นขำๆ แต่เราจริงจัง เราต้องกำหนดความต้องการของการคุยครั้งนี้ให้ชัด บางคนอาจบอกว่า เอ้า ก็เพิ่งคุยกัน จะไปรู้ได้ไง แต่ถ้าคุยไปสักพัก ทุกอย่างมันจะตอบได้เองว่าเราต้องการอะไรกันแน่ และต้องทำอะไรต่อ
ถ้าเอาแบบชัวร์ๆ คือถาม ถ้าคิดว่าเราชอบคนนี้มากแล้วกลัวเขาเท เราต้องบอกความต้องการเราไปเลย ว่าเรารู้สึกยังไง ถามเขาว่าเขามีเวย์เดียวกับเราไหม ถ้าไม่ใช่แล้วจะเอายังไงต่อ ลุยต่อหรือคุยเหมือนเดิมแต่ไม่คืบหน้าอะไร จริงๆ มันไม่ผิดหรอกที่เขาหรือเราจะเท แต่การเทด้วยวิธีการหายไปดื้อๆ แบบ Ghosting อาจจะใจร้ายไปหน่อย อาจจะง่ายกว่าเวลาเทก็จริง แต่มันไม่แฟร์กับอีกคนเลย ถ้าอยากเทจริงๆ ก็ลองบอกอีกฝ่ายตรงๆ นะ
อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO