ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Entertainment, Series

สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ นักแสดงเรื่อง HeartBeat ที่คลีโอที่เดียวเท่านั้น!!



กรี๊ดมากกกกกกกก คลีได้สัมภาษณ์นักแสดงนำจากซีรีส์เรื่อง HeartBeat แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่เดียวในไทย!! แล้วแต่ละคนฮอตๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น วอนจีอัน อ๊กแทคยอน พัคคังฮยอน ยุนโซฮี คือระดับตัวท็อปที่เราคุยด้วยแล้วแทบจะกรี๊ด ใครอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ ห้ามพลาดเลยนะ

  1. ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้

อ๊กแทคยอน: ตอนผมได้รับบทเรื่อง HeartBeat มาลองอ่าน เป็นตอนที่ผมกำลังถ่ายซีรีส์เรื่องก่อนหน้าอยู่พอดีครับ บทในซีรีส์เรื่องนั้นค่อนข้างหนักและเครียด เมื่อผมอ่านบทเรื่อง HeartBeat ผมรู้สึกว่าใจเบาสบายขึ้นและรู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยา นั่นทำให้ผมตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ครับ…อีกอย่างผมอยากเป็นเล่นเป็นแวมไพร์สุดเซ็กซี่ด้วยครับ (หัวเราะ)

วอนจีอัน: ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวสนุกและมีสีสันมาก และผู้ชมน่าจะชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ ฉันเลยตัดสินใจรับเล่นค่ะ

พัคคังฮยอน: นี่เป็นซีรีส์เรื่องแรกของผมเลยครับ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะต้องปฏิเสธ อีกอย่างตัวละครชินโดชิกของผม มีความแตกต่างจากบทอื่นๆที่ผมเคยได้รับตอนที่แสดงละครเวที เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีความบริสุทธิ์อยู่ในตัว ผมรู้สึกว่าเป็นบทบาทที่น่าสนใจและอยากจะถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุดครับ

ยุนโซฮี: ฉันอยากแสดงซีรีส์แนวแฟนตาซีมาตลอดเลยค่ะ ก็เลยตัดสินใจรับเล่นโดยไม่ลังเลเลย แต่ถึงแม้ซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นแนวแฟนตาซีแต่ก็มีความแตกต่างจากแฟนตาซีทั่วไป เพราะเป็นแฟนตาซีที่มีความสมจริง แวมไพร์ในเรื่อง HeartBeat ก็แตกต่างจากภาพของแวมไพร์ที่หลายคนคุ้นเคยมากๆ 

  1. ซีรีส์เรื่องนี้มีชื่อว่า HeartBeat คำนี้มีหมายและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในซีรีส์อย่างไร 

ยุนโซฮี: อย่างแรกเลยตัวละครหลักของเรื่อง คือแวมไพร์ที่ชื่อว่าซอนอูฮยอล เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นมนุษย์ เพื่อสัมผัสอาการหัวใจเต้นจากการมีความรัก

พัคคังฮยอน: นอกจากแวมไพร์อูฮยอลแล้ว ชื่อเรี่องมีความเกี่ยวพันกับคาแรคเตอร์หลักทั้งสี่เลยครับ ตัวละครแฮวอน ในตอนแรกสิ่งที่จะทำให้ใจของเธอเต้นคือ “บ้าน” และเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ครอบครองมัน สำหรับตัวละครโดชิกของผมก็เป็นอีกคนที่อยากจะมีอาการใจเต้นมาโดยตลอด ส่วนตัวละครอินแฮ ถึงแม้เธอจะเป็นมนุษย์ แต่เธอเป็นคนเย็นชา แต่แล้วเมื่อเธอมาเจอกับแวมไพร์อูฮยอล หัวใจของเธอกลับเริ่มที่จะเต้นตึกตักกับเขาบ้าง

วอนจีอัน: คำว่า Heart Beat นอกจากจะหมายถึงอาการใจเต้น ยังมีความหมายแฝงที่สะท้อนอยู่ในเรื่องราวของซีรีส์ด้วยนะคะ อยากให้ลองติดตามชมกัน ว่ามีความหมายอะไรซ่อนอยู่

อ๊กแทคยอน: ผมคิดว่าทุกคนตอบคำถามและอธิบายได้ดีแล้วครับ ตามนั้นเลย (หัวเราะ)

  1. คุณรับบทเป็นใคร และคุณคิดว่าตัวละครของคุณมีเสน่ห์ตรงจุดไหน

ยุนโซฮี: ฉันแสดงเป็นนาแฮวอนค่ะ เธอมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและเป็นตัวแทนบริษัทการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เสน่ห์ของตัวละครของฉันคือ … เงิน (หัวเราะ)

พัคคังฮยอน: ผมรับบทเป็นชินโดชิก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เสน่ห์ของผมก็เหมือนกับนาแฮวอนครับ คือ เงิน ถึงจะไม่มากเท่าเธอก็ตาม เสน่ห์อีกอย่างคือความอบอุ่นและความทุ่มเทเพื่อผู้หญิงที่รักครับ

วอนจีอัน: ฉันรับบทเป็นจูอินแฮค่ะ เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างทรหดอดทน พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะอยู่รอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันว่าเสน่ห์ของเธอคงจะเป็นความอดทนและสู้ชีวิตนี่ล่ะค่ะ

อ๊กแทคยอน: ผมเล่นเป็นแวมไพร์ซอนอูฮยอลครับ เสน่ห์ของตัวละครผมน่าจะอยู่ตรงที่ กล้าเสี่ยงทุกอย่างเพื่อความรัก เขาตั้งเป้าหมายไว้และมุ่งมั่นที่จะไปถึงเป้าหมายให้ได้ 

  1. ระหว่างถ่ายทำมีอะไรที่คุณรู้สึกว่าท้าทายหรือว่ายากบ้างหรือไม่

อ๊กแทคยอน: ผมเล่นเป็นแวมไพร์ ส่วนที่ยากที่สุดก็คือเวลาถ่ายทำกับพวก CG (คอมพิวเตอร์กราฟฟิค) เพราะตอนที่เราแสดงมันไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยุ่ตรงหน้าให้เห็นจริง ผมต้องอาศัยจินตนาการเยอะอยู่เหมือนกันครับ

วอนจีอัน: ส่วนที่ยากสำหรับฉัน น่าจะเป็นความอึดของฉันเองค่ะ ฉันรู้สึกว่าร่างกายฉันยังไม่อึดพอ 

พัคคังฮยอน: ผมยังจำวันแรกของการถ่ายทำได้ดีเลยครับ ปกติผมจะร้องเพลงและแสดงบนเวทีต่อหน้าผู้ชม แต่พอมาแสดงซีรีส์เราต้องแสดงต่อหน้ากล้อง เป็นสิ่งที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่ผมคุ้นเคย เลยรู้สึกว่าท้าทายและต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน แต่คุณอ๊กแทคยอน คุณวอนจีอัน และคุณยุนโซฮี รวมถึงผู้กำกับ ช่วยให้คำแนะนำผมได้มากเลยครับ

ยุนโซฮี: สำหรับฉันเองห่างหายจากการแสดงไปนานเหมือนกันค่ะ ผลงานเรื่องนี้ห่างจากเรื่องก่อนหน้านี้พอสมควร ช่วงแรกที่ถ่ายทำเลยมีติดขัดอยู่บ้าง แต่ฉันได้ผู้กำกับคอยให้คำปรึกษาเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีส่วนที่ยากบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ดีเพราะมีผู้กำกับให้คำแนะนำ และยังมีคุณแทคยอนช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับกองถ่าย ทำให้การทำงานไม่เครียดค่ะ 

  1. คุณชื่นชอบหรือประทับใจการถ่ายทำฉากไหนเป็นพิเศษบ้างหรือไม่

ยุนโซฮี: ฉากปาร์ตี้เป็นฉากที่ฉันประทับใจมากที่สุดค่ะ เพราะในเรื่องนี้มีฉากที่พวกเรารวมตัวกันครบทุกคนอยู่ไม่กี่ฉาก ที่จริงแล้วนี่น่าจะเป็นฉากแรกเลยที่นักแสดงทั้งหมดได้มาถ่ายทำด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา นับตั้งแต่วันนัดอ่านบท ดังนั้นพวกเราเลยสนุกกันมากๆค่ะ และตัวฉากที่จัดให้เป็นงานปาร์ตี้ก็มีความสนุกอยู่ในตัวด้วยเหมือนกัน – แต่ฉันเล่าให้ฟังแบบละเอียดมากไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะเผลอสปอยล์ แต่ที่ฉันพอจะบอกได้ก็คือ พวกเราประทับใจกับการถ่ายทำมากและมันก็เป็นฉากที่สนุกจริงๆ 

พัคคังฮยอน: ผมเองก็ชอบฉากปาร์ตี้เหมือนกันครับ มันเป็นฉากที่สนุกมาก นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิดยังมีนักแสดงสมทบอีกประมาณ 80 – 100 คนเลยครับ ถึงแม้พอคนอยู่รวมกันเยอะๆ จะมีความรู้สึกอบอ้าวเหมือนอยู่ในซาวน่าไปบ้าง แต่บรรยากาศโดยรวมก็น่าประทับใจ อีกอย่างเมื่อคุณมีช่วงเวลาที่ไม่ได้ได้มาอย่าง่ายๆ ช่วงเวลาเหล่านั้นจะกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุด

วอนจีอัน: สำหรับฉันเป็นฉากที่พวกเราทั้งสี่คนกินอาหารเย็นด้วยกันค่ะ มันเป็นฉากที่ค่อนข้างยาวและบทพูดเยอะ ฉันประทับใจฉากนี้ เพราะช่วงซ้อมก่อนการถ่ายทำจริง พวกเราได้แลกเปลี่ยนไอเดียและความเห็นกันเยอะมากค่ะ 

อ๊กแทคยอน: ผมขอเลือกฉากที่อยู่ในตอนที่ 1 เลยครับ มันเป็นฉากที่ตัวละครของผมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอย่างยาวนาน แล้วเพิ่งมารู้ว่าตื่นก่อนกำหนดเพียง 1 วัน เขาเลยโกรธอินแฮ คนที่บังเอิญปลุกเขาให้ตื่นมาก เลยพยายามที่จะกัดคอและดูดเลือดเธอ แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายถูกกัดเสียเอง ที่ผมจำฉากนี้ได้ไม่ลืมก็เพราะ ผมไม่คิดว่าคุณจีอันจะกัดผมจริงๆ แต่ปรากฏว่าเธอกัดจริงครับ และมันก็เจ็บมากด้วย 

  1. คุณอ๊กแทคยอน เห็นว่าในเรื่องนี้คุณได้เล่นฉากต่อสู้ด้วย เป็นอย่างไรบ้าง

อ๊คแทคยอน: ผมเคยมีประสบการณ์เล่นฉากแอ็คชั่นจากงานเรื่องก่อนๆอยู่บ้าง สำหรับเรื่องนี้ผมมีพลังวิเศษ ฉากต่อสู้ส่วนใหญ่เลยแตกต่างออกไป ผมต้องใช้จินตนาการในการแสดง มากกว่าการต่อสู้จริงจัง ถึงแม้ผมจะไม่ได้รู้สึกว่ามันยากเท่าไหร่ แต่ผมก็เพิ่งมาพบว่าผมกลัวความสูงจากการทำงานในเรื่องนี้ครับ เพราะมีอยู่หลายฉากที่ผมต้องโหนสลิงบินไปรอบๆ และผมรู้สึกว่ามันน่ากลัว 

  1. คุณวอนจีอัน ช่วยอธิบายตัวละครจูอินแฮของคุณให้พวกเรารู้จักมากขึ้นอีกนิดได้หรือไม่ ตัวละครนี้มีความแตกต่างหรือเหมือนกับตัวคุณอย่างไร 

วอนจีอัน: อย่างแรกเลยตัวละของจูอินแฮของฉันเป็นคนที่มีเหตุผลมากๆค่ะ เป็นคนที่มีชีวิตอยู่กับความเป็นจริง พอฉันแสดงเป็นเธอไปสักพัก ฉันก็พบว่าเธอมีความแตกต่างกันฉันมาก เธอเป็นคนมีความอดทนและเก่งกว่าฉันเยอะเลย แต่ถ้าจะหาจุดที่คล้ายคลึงกันก็พอจะมีอยู่บ้างค่ะ เพราะฉันเองก็เคยใช้ชีวิตคนเดียวมาประมาณ 2 ปี จุดนี้จึงเหมือนกับเธอที่ใช้ชีวิตตามลำพังมาโดยตลอด ฉันก็เลยยิ่งทึ่งอินแฮค่ะ ว่าเธออยู่คนเดียวมานานแบบนี้ได้ยังไงกันนะ ฉันพยายามนำประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาใช้ เพื่อให้เชื่อมโยงกับตัวละครของเธอ

  1. คุณพัคคังฮยอน HeartBeat เป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของคุณ คุณได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานครั้งนี้บ้าง

พัคคังฮยอน: ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมหมดเลยครับ ผมได้เรียนรู้เยอะๆมาก จนถึงตอนนี้ก็มีสิ่งใหม่ๆให้ได้เรียนรู้อยู่ตลอด ปกติผมจะแสดงอยู่บนเวที เมื่อต้องมาแสดงอยู่หน้ากล้อง ก็มีสิ่งใหม่ๆที่จะต้องทำความเข้าใจ อย่างเช่นเรื่องของบล็อกกิ้ง และวิธีการแสดงที่เหมาะสมกับซีรีส์ ซึ่งจะใช้ทักษะคนละแบบกับละครเวที ต้องขอบคุณเพื่อนๆนักแสดงทุกคนเลยครับที่ช่วยทำให้ผมเรียนรู้ได้อย่างมาก

  1. คุณยุนโซฮี คุณต้องเล่นเป็นสองตัวละคร คุณรู้สึกชอบและเชื่อมโยงกับตัวละครไหนมากกว่ากัน

ยุนโซฮี: ฉันชอบตัวละครนาแฮวอนมากกว่าค่ะ อย่างแรกเลยเพราะฉันใช้เวลาทำการบ้านเกี่ยวกับตัวเธอมากกว่าตัวละครอีกตัว และอีกเหตุผลคือฉันอยากใช้ชีวิตแบบเธอบ้าง เพราะเธอมีชีวิตที่หรูหรามาก – ที่จริงฉันรู้สึกอยากเป็นเธอมากกว่ารู้สึกว่าตัวละครนี้เชื่อมโยงหรือคล้ายกับฉันค่ะ

  1. ถ้าคุณพบว่าตัวเองกลายเป็นแวมไพร์ที่มีพลังวิเศษ อย่างแรกเลยที่คุณจะทำคืออะไร

อ๊กแทคยอน: ผมอยากแปลงร่างเป็นค้างคาวและบินไปรอบๆครับ ผมอยากสำรวจภายในถ้ำมานานแล้ว

วอนจีอัน: ฉันอยากจะบินเหมือนกันค่ะ อยากจะบินไปให้สูงๆเลย

พัคคังฮยอน: ถ้าเป็นแวมไพร์อาจจะหายใจได้โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน ผมอยากจะไปสำรวจใต้ทะเลลึกหรือไม่ก็ไปในอวกาศเลยครับยุนโซฮี: ฉันอยากแปลงร่างเป็นแมวค่ะ จะได้คุยกับแมวของฉันรู้เรื่อง

ดูซีรีส์ HeartBeat ได้ที่ Prime Video เท่านั้นนะ

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']