ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Uncategorized

ณิชา ทวีเจริญสุข ศิลปินที่รู้ตัวว่าเกิดมาเพื่อวาดรูป และเชื่อว่า “ศิลปะ ไม่เคยโกหก”

ศิลปินสาว ณิชา ทวีเจริญสุข

ผู้หญิงที่ทำอะไรด้วยแพชชั่น เธอจะรู้ว่าสิ่งที่ทำซื่อตรงกับหัวใจ และคนที่เป็นอาร์ติสท์มักได้รับพรนี้ เหมือนกับอาร์ติสท์สาวคนนี้ @lafynagirl ณิชา ทวีเจริญสุข

“ก่อนจะคิดนอกกรอบ เราต้องมีกรอบ และการทำงานของเกิลคือการคิดให้ทะลุกรอบที่สร้างไว้ จากนั้นก็ทะลุไปอีกกรอบ คือถ้าไม่ตีกรอบไว้ก่อน เราก็จะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นการมีกรอบคือจุดเริ่มต้นของการคิดนอกกรอบ สำหรับเกิล”

และนี่คือสิ่งที่ เกิล-ณิชา ทวีเจริญสุข @lafynagirl ศิลปินสาว ที่สื่อสารตัวตนของเธอผ่านงานศิลปะ และปัจจุบัน เรียกได้ว่าผลงานของเธอ ในฐานะนักวาดภาพประกอบ ไม่ได้มีกรอบของงานอยู่แค่ในหน้าหนังสือ หรือประกอบงานเขียน งานสิ่งพิมพ์เพียงเท่านั้นอีกต่อไป เพราะเมื่อเธอค้นพบความชัดเจนที่ต้องการสื่อสารผ่านการวาดภาพใน “สไตล์” และ “ตัวตน” ออกมาอย่างแตกต่างจากณิชาคนเดิมที่เริ่มต้นกรุยทางงานศิลปะด้วยตัวเองมาตลอด วันนี้งานของเธอยังปรากฏทั้งบนเวทีคอนเสิร์ต ห้างสรรพสินค้า เสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ มีงานนิทรรศการ งาน Art Collection และอื่นๆ อีกมากมาย

ที่เราจะบอกก็คือ…ถ้าใครหลงใหล และต้องการพาตัวเองก้าวต่อไปบนทางสายศิลปะ หากคุณมีแพสชั่นที่มากพอ มีประสบการณ์ดิ่งลึกจนตกผลึกและสามารถดึงสิ่งใช่ สีที่ชอบ และทะลุกรอบที่วางไว้ของตัวเองออกมาได้ เมื่อนั้นเส้นทางสายนี้ก็จะเปิดรับและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่หลงใหลได้ต่อๆ ไป

และนี่คือเรื่องราวของศิลปินสาว ที่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ เธอก็มีบททดสอบ มีจุดเปลี่ยน มีการเดินทาง และค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับเธอในวันที่เธอสามารถพูดได้ว่า

“ถ้าเรามีแนวทางที่ชัด สักวันหนึ่งงานที่ใช่ก็จะมาหาเราเอง และเราก็แค่ใช้ชีวิตอย่างที่เราเป็นได้โดยไม่ต้องฝืน”

 ศิลปินสาว ผู้พร้อมจะก้าวไปในทุกเส้นทางแห่งศิลปะ 

เกิล-ณิชา ทวีเจริญสุข ศิลปินสาวที่โตมากับคุณยายที่ชอบวาดรูป เลยสอนให้หลานตัวเล็ก ที่กลับจากโรงเรียนมาวาดรูปด้วย เธอจึงชอบขีดเขียนวาดภาพระบายสีมาตั้งแต่เด็ก

จากเด็กหญิงที่ไม่ชอบพูดคุยสื่อสารสุงสิงกับใครเท่าไรนัก ณิชาสื่อสารกับงานศิลปะของเธอมาโดยตลอด จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยเธอก็เลือกที่จะเรียนทางด้านการวาดรูป ที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง และโดยที่ยังไม่ทันเรียนจบ เธอก็สามารถหารายได้พิเศษจากผลงานการวาดภาพของเธอ และสักพักโดยที่เธอยังไม่ทันเรียนจบเธอก็ดรอปการเรียนไปหนึ่งปี เพื่อไปค้นหาคำตอบว่าจริงๆ แล้วเธอมีความสามารถมากพอในสายงานอาชีพนี้หรือไม่ และจากคำตอบที่ได้…ใช่ เธอมั่นใจว่าเธอจะไปต่อในเส้นทางที่ชีวิตนำพาเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กอนุบาล จนถึงทุกวันนี้

การออกเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 เดือน การได้เข้าไปชมงานศิลปะของศิลปินต่างชาติตามแกลเลอรี่ต่างๆ การได้เปิดโลก การเปิดใจ และการได้ใช้ชีวิตที่ก้าวออกจากกรอบ คือการค้นหาตัวตนที่ทำให้เธอชัดเจนมากขึ้นกับตัวเอง และชัดเจนมากขึ้นที่จะเปลี่ยนแนวทางการลงสีที่ต่างไปจากเดิม ซึ่งเธอบอกว่า “สิ่งสำคัญคือ ก่อนจะออกจากกรอบ ที่มีคนชอบบอกว่าเราต้องคิดนอกกรอบ เกิลว่าก่อนจะไปถึงจุดนั้นเราต้องสร้างกรอบของเราขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราถึงจะก้าวจากกรอบ แล้วทะลุกรอบออกไปได้ ซึ่งสำหรับเกิลตอนนี้ เกิลสนุกกับการสร้างกรอบ แล้วก็ก้าวทะลุกรอบนี้เพื่อไปเจอกรอบใหม่แล้วก็ทะลุออกไปอีก นี่คือแนวทางที่เกิลใช้กับการทำงานตัวเอง” 

นั่นจึงทำให้หลังจากดรอปการเรียนไปหนึ่งปี พอกลับมาภาพบนเฟรมผ้าใบที่เคยมีแต่สีพาสเทล อ่อนหวาน หรือภาพพอร์เทรตสีเอิร์ธโทน ค่อยๆ เลือนหายไป ผลงานของณิชาในเวอร์ชั่นที่ได้รับการกะเทาะตัวตนคนเก่าออกไปกลายเป็น ภาพที่มีสีโทนร้อนการใช้สีเข้มๆ และแนวการวาดยังเปลี่ยนมาเป็นดาร์คแฟนตาซี มีกลิ่นอายนิยายกอร์ธิคอบอวล ทั้งหมดมาจากสิ่งที่เธอชื่นชอบ ที่หลอมรวมอยู่ในตัวตน หากบางครั้ง…“เราก็ต้องยอมกระเทาะเปลือกบางอย่างออกไปก่อน ถึงจะพบตัวตนของเราอีกแบบ ที่เราเองก็ไม่รู้มาก่อน และตัวตนนี้แหละที่อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา แบบที่เราเป็น ไม่ใช่แบบที่คนอื่นอยากให้เราเป็น”

“เพราะศิลปะไม่เคยโกหก ศิลปะจะเชื่อมโยงตัวเราเองกับโลกภายนอก ช่วงไหนที่เราเปลี่ยนไป งานก็เปลี่ยน แต่ก็ปกติของศิลปินทุกคนจะมีโมเม้นนี้ ถึงงานจะเปลี่ยน แต่ในชิ้นงานจะมีกลิ่นอายเหมือนเดิม ถ้าเรารู้จักใคร เห็นลงานปุ๊บจะรู้เลยว่านี่คืองานใคร ถึงเขาจะมีวิธีการต่างออกไปจากที่เคยทำ”

“ศิลปะคือการเชื่อมต่อ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด แต่เราต้องรู้จักตัวเอง ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร และจะไปให้ถึงตรงไหน”

ผลงานจะพาเราไป

ก่อนจะมาถึงจุดนี้ เกิล-ณิชา ผ่านมาแล้วทั้งช่วงเวลาค้นหาตัวเอง การหมดความมั่นใจ แม้จะมีผลงานที่เธอคิดว่าเธอทำดีแล้ว แต่อาจารย์กลับมองว่าไม่ดีพอจนเกือบทำให้เธอสอบไม่ผ่าน แต่หลังการเดินทางกลับจากอังกฤษ และใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย 1 ปี การได้ไปฝึกงานที่นิตยสารคลีโอ ตัวตนที่เธอค้นหาเจอ ก็ปรากฏขึ้นบนผลงานที่สร้างขึ้นมาอีกครั้ง และน่าจะเรียกได้ว่า นอกจากความมั่นใจจะกลับมา ผลงานของเธอ ยังเข้าตาใครหลายคน จนทำให้เธอเองก็ไม่คาดคิดว่า จากคนวาดรูป ทำงานศิลปะ เป็นงานไฟน์อาร์ต หรือการวาดรูปลงสีด้วยมือของเธอเองแบบที่เธอชอบ ในวันนี้สามารถไปปรากฏอยู่ในที่ต่างๆ ได้ ตั้งแต่ งานคอนเสิร์ต ตกแต่งภายในช้อป หรืองานออกแบบแพ็กเกจจิ้งต่างๆ

“เกิลอาจจะโชคดี วันหนึ่งได้คุยกับรุ่นพี่ที่ทำงานคอนเสิร์ต เขาเห็นงานแล้วคิดว่างานเกิลน่าจะทำเป็นวิชวลอาร์ตบนเวทีคอนเสิร์ตได้ งานเกิลเลยขยายวงกว้างออกไปอีก ไปอยุ่ในอุตสาหกรรมเพลง น่าจะเป็นเพราะการที่เราไม่ปิดตัวเอง เราสนุกกับการทำงานเบลนด์กับคนอื่น ขณะเดียวกันเรายังรักษาความเป็นตัวเองได้ ตอนนั้นก็เลยสนุกกับงานทุกอย่างที่เข้ามา ได้เอาภาพสีน้ำที่เราวาดไปเบลนด์เข้ากับงานในโปรแกรมดิจิทัล ซึ่งการทำอะไรหลายๆ อย่าง เกิลได้มาจากการเรียนในมหาวิทยาลัยในเรื่องของการจัดระบบความคิด พอระบบความคิดเราดี เราก็สามารถแตกออกไปสร้างสรรค์อะไรอย่างอื่นได้ต่อไปอีก”

“เกิลชอบใช้สีน้ำ เพราะมันทำให้เรารู้สึกแผ่วเบาในใจ” เหมือนเป็นกฎอย่างแรกที่เราจะรู้ว่าเราคือใคร ต้องการอะไร และทำสิ่งที่เราชอบและถนัดให้ได้ดี แต่อะไรที่เราไม่ถนัดไม่ต้องฝืนไปโฟกัส หรือปรับจุดด้อยให้ดีขึ้น นี่คือคำแนะนำของเกิล ที่เธอบอกว่ามีช่วงหนึ่งที่เผลอไปทำสิ่งที่ไม่ถนัด คือไปฝึกทำงานในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลที่ได้คือแม้จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมและทำได้บ้าง แต่ก็ทำให้พอกลับมาทำงานด้วยมือก็รู้สึกงานดรอปลงไปอยู่พักหนึ่งเลย

“เรารู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่อวาดรูป และเราทำได้ดี เราก็โฟกัสแค่สิ่งนี้ไป สำหรับเกิลนะ แต่คนอื่นอาจะทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ แต่สำหรับเกิลเลือกที่ทำจุดเด่นให้ดีไปเลย ส่วนพาร์ทอื่นๆ ที่ไม่ถนัดก็ให้คนอื่นมาช่วยทำ จากตอนแรกที่เกิลทำงานวาดรูปคนเดียว ตอนนี้เกิลมีผู้ช่วยสองคน ที่ช่วยทำในส่วนที่เราไม่ถนัด ให้ชิ้นงานออกมาสมบูรณ์ขึ้น”

เติมพลังสร้างสรรค์ด้วยการออกเดินทาง

เวลาว่างและการเติมแรงบันดาลใจ ของหญิงสาวคนนี้ก็คือการเดินทาง อย่างที่เธอบอกก่อนจะคิดนอกกรอบได้เราต้องรู้จักกรอบของเราว่ามีขอบเขตแค่ไหน ก่อนจะระบายสีท้องฟ้าให้ออกมาสวยได้อย่างที่ต้องการก็ต้องออกไปสัมผัสท้องฟ้าจริงๆ ด้วยเช่นกัน

“เกิลชอบเดินทางมาก เคยขับรถไปทางภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แล้วรู้สึกชอบมาก ชอบวิวสองข้างทางที่เจอ ชอบสีของท้องฟ้าที่ไม่เหมือนท้องฟ้าในกรุงเทพ เป็นฟ้าที่สวยกว่ามาก การได้จับภาพตรงนั้นแล้วมาเชื่อมต่อกับข้างในตัวเราแล้วอินสปายออกมาเป็นงานต่างๆ ที่เราทำ มันสนุก และการได้ไปเจอคนอื่นๆ การได้สัมผัสสิ่งต่างๆ ระหว่างทาง ที่ก็เหมือนการทำงาน ที่เกิลสนุกกับระหว่างการทำงาน มากว่าจุดหมายที่แท้จริงของงาน”   

การเป็นคนที่ยิ้มรับกับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตได้แบบเกิลในตอนนี้ ที่เธอบอกว่า “ศิลปะสอนเกิล เรารู้ว่าเป็นคนมีเซลฟ์เอสตีมที่แข็งแรง เราจัดการความทุกข์ได้ดี เราบาลานซ์สิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดี จากคนที่เคยปล่อยให้ใครก็ได้มาหยิบความรักจากฉัน ตอนนี้เกิลรู้แล้วว่า คนแบบไหนที่เราควรจะให้ หรือคนแบบไหน เราให้ได้แค่ไหน ไม่ใช่ใครก็ได้ ไม่ใช่ใครทุกคนแบบเมื่อก่อน เมื่อเรารักตัวเองเป็น เราก็จะรักคนอื่นเป็น และเราจะไม่เจ็บปวดจากความรัก ที่เราคิดว่าหยิบยื่นให้ใครแล้วเขาไม่รับ เพราะเราจะไม่ให้ความรักกับคนที่เขาไม่เห็นค่าความรักเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ยืดหยุ่นกับชีวิต ไม่ฟิกตัวเองมากไป และทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีและมีความสุข นี่คือศิลปะกับการใช้ชีวิตแบบของเกิล…ศิลปินสาวน้อยที่ยังมีอนาคตไกลและพร้อมระบายสีสันในชีวิตให้มีสีแบบที่เธอต้องการ…และคุณเองก็ทำได้เช่นกัน

ณิชายังกำลังสร้างแบรนด์ที่ชวนผู้หญิงทุกคนมาฟรี สปิริตไปด้วยกัน กับนก Feel It and Fly Away นก FiFy ร่วมกับพี่เอ๋ สุพิชา บอกอของคลีโออีกด้วย ติดตามงานน่ารักๆ ของเธอและพี่เอ๋กันได้ที่ @feelitandflyaway

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ บิวตี้ คลีนิกที่สร้างมาจากความอดทนของผู้หญิงคนนี้

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']