ไม่เคยดูหนังอะไรที่เล่าเรื่องผู้หญิงวัย 20’s ได้จังงังขนาดนี้ The Worst Person in the World หนังนอร์เวย์ที่จั่วหัวว่าเป็นรอมคอมสายดาร์ค และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยม กับได้รับรางวัลดาราหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลคานส์ 2021 ที่ผ่านมา บวกกับภาพเปิดหนังรูปผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มร่า ก็ทำให้เราต้องรีบเข้าโรงไปดูทันที
ไม่ได้หาข้อมูลของหนังใดๆ มาก่อน รู้แค่ว่าเป็นหนังนอร์เวย์รอมคอม ปรากฏว่า The Worst Person in the World อื้อหือออมากๆๆๆๆ ตั้งแต่ซีนแรกยันซีนจบ นี่คือหนังสำหรับผู้หญิงจริงๆ และผู้หญิงวัย 20’s หลายๆ คนดูแล้วน่าจะโดนหนัก กับผู้หญิงที่ผ่านวัยนั้นมาแล้ว ถ้ามองย้อนกลับไปที่ตัวเองวัยนั้นก็จะโดนมากเหมือนกัน
หนังเป็นเรื่องของจูลี่ สาววัยกำลังจะเข้า 30 ที่สวยสดใสสุดๆ กับ 4 ปีที่เธอถามตัวเอง ตอบตัวเองซ้ำๆๆๆ ทั้งเรื่องความรัก และอาชีพของเธอ จูลี่ก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยากมีอาชีพที่เธอหลงใหล และอยากมีคนรักที่เธอรักและเข้ากันได้ดี แต่ด้วยความที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวตนของเธอคืออะไร คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอตลอด ทำให้จูลี่ค่อนข้างเลือกคนรักไปตามอารมณ์ของเธอ และสิ่งที่เธอคิดว่าใช่ในเวลานั้น
หนังเปิดฉากด้วยจูลี่เป็นช่างภาพ เธอถ่ายภาพนายแบบจนมีความสัมพันธ์กัน ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่แปลกนะ วัยนั้นอารมณ์มาเหนือสิ่งอื่นใด และพอจูลี่ไปเจอกับผู้ชายอีกคนที่เป็นนักวาดการ์ตูนดัง เธอก็ปลื้มเขาทันที เพราะเขาดัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนเขาจริงจังเลยด้วยซ้ำ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ล่ะที่เริ่มเข้มข้น เมื่อเขาที่อายุ 45 แล้วบอกจู่ลี่หลังจากคบกันมาเล็กน้อยว่า “ผมว่าเราอย่าคบกันเลย ผมรู้ว่าผู้หญิงแบบคุณน่ะ ผมจะต้องหลงรักมาก และจะต้องเจ็บปวด เพราะคุณเด็กกว่าผมมาก คุณยังอยู่ในวัยที่ต้องค้นหาตัวตนของคุณ”
คนที่ผ่านโลกมาจนตอนนี้อายุสี่สิบกว่าแบบแอกเซล พระเอกในเรื่อง ก็จะพยักหน้าเข้าใจมากๆๆๆ ทันที ใช่ๆๆๆ วัยนั้นน่ะ มีความรัก มีแฟน ไม่ได้อยากจะลงหลักปักฐาน เพราะโจทย์ใหญ่คืออาชีพที่ใช่ การยอมรับในตัวเองที่จะสร้างความมั่นคงในใจให้มากกว่า
แต่จูลี่ไม่เข้าใจสิ่งที่แอกเซลพูดหรอก แน่นอนทันทีที่เธอเหมือนต้องเดินจากเขาไป เธอก็รู้สึกว่าเธอรักผู้ชายคนนี้ จูลี่กลับไปคบกับเขา และทั้งสองก็ดูเหมือนจะมีความสุขดีนะ หนังทำเป็นบทต่างๆ ต่อๆ กัน พาดหัวชื่อแต่ละบทแบบง่ายๆ อย่าง “เมื่อมีคนอื่นเข้ามา” “นอกใจ” อะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้เราเข้าไปอยู่ในชีวิตของจูลี่แบบเหมือนเดินทางไปกับเธอตามเฟสชีวิตของเธอเลย
จูลี่รักในความคูลของแอกเซลก็จริง แต่ก็มีบางครั้งที่เธอรู้สึกว่าเข้ากับสังคมเขาไม่ได้ เธอไม่อินกับเพื่อนของเขา ไม่อินกับเวลาต้องอยู่ท่ามกลางเขาถกกับเพื่อนๆ เรื่องฉลาดๆ ที่เธอดูเป็นติ่ง หนังกำลังจะทำให้เราเห็นว่าอะไรทำให้จูลี่เริ่มสงสัยในตัวเอง และนอกใจแอกเซล หนังทำได้เนียนและเรียลมาก ฉากที่แอกเซลแสดงงานเปิดตัวหนังสือวาดภาพของเขา แอกเซลคือคนดัง คือดาวเด่นที่ใครๆ ก็อยากมาได้ลายเซ็น ต่างกับจูลี่ที่เธอยืนอยู่คนเดียวในงาน เธอไม่ได้เป็นใครทั้งนั้น และเธอเองก็ยังไม่มีความสามารถอะไรชัดแบบเขา
ตอนนี้ล่ะดูแล้วชอบมากๆๆๆ ในความเป็นผู้หญิงมันจะมีน้อยใจลึกๆ กับตัวเองนะ ว่าเราล่ะ? เรายังทำอะไรไม่ดีเลย? จูลี่เดินออกจากงานไปเรื่อยๆ และผ่านปาร์ตี้แห่งหนึ่งที่ดูน่าสนุก วัยสาวของเธอเร้าๆ ให้เข้าไปเถอะ จูลี่ก็เข้าไปในงาน กินไวน์ และเต้นรำ ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จักใคร จนเธอได้เจอกับเขา ไอวิน หนุ่มอีกคนที่อยู่ในงาน ทั้งสองต่างมีคนรักแล้ว และพยายามรักษาระยะ หนังทำได้ดีมากๆๆๆ เป็นการปิ๋งกันแบบเผยตัวตนสุดๆ ฉากที่ทั้งคู่นั่งบนเตียง ยั่วยวนกันสุดขีด แต่ไม่มีอะไรกัน และฉากที่เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ฉากนี้อย่างเกรียนเลย แต่ก็ไม่มีอะไรกันอีก
จบที่ฉากทั้งคู่แยกย้ายกันในตอนเช้า ตัดสินใจไม่แลกเบอร์ แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง เป็นฉากง่ายๆ แต่เรียลมากๆ มันเหมือนกับว่าจูลี่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองของเธอไปกับผู้ชายอีกคน เธอสนุก ได้อยู่ในอารมณ์เฟลิต และลืมคำถามในหัวของตัวเองไป
แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้จูลี่เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับแอกเซล จนหาเรื่องมาเลิกกับเขาต่างๆ นานา คนดูอาจรู้สึกว่าจูลี่เป็นอะไร อยู่ดีๆ ทำไมติสท์ไปเลิกกับเขา แต่นั่นคือคำถามของผู้หญิงวัยนั้นที่มาจากการค้นหาตัวเองนี่ล่ะ แล้วหาข้ออ้างในความสัมพันธ์ โทษโน่นนี่ไป แต่ความจริงไปเจออีกคนที่ไม่เหมือนคนรัก แล้วสั่นคลอนมากกว่า แอกเซิลมาเหนือชั้นกว่า ประสบการณ์ของเขาทำให้เขาถามเธอว่า “คุณมีใครหรือเปล่า?” ทันที แต่จูลี่ปฎิเสธแล้วอ้างเรื่องเขา ว่าเขาทำให้เธอรู้สึกด้อยค่า เธอต้องคอยตามความเป็นเขา เขาดูถือไพ่เหนือกว่า บลาๆๆๆๆ จนแอกเซลบอกว่า
“คุณจะไปก็ได้นะ แต่ผมบอกเลยว่า การคุยกันแบบเราสองคนแบบนี้ บทสนทนาแบบนี้ วิธีที่เราคุยกันแบบนี้ มันจะไม่มีอีกแล้วในชีวิตคุณ”
เขารู้ว่ามันพิเศษ มีความหมาย และมันคือโมเมนท์ทองของชีวิต แต่เธอยังค้นหาตัวเอง อยากสำรวจตัวเองอยู่ เธอรู้ว่ามันพิเศษ แต่เธออาจจะไม่ได้เข้าใจได้แบบเขา
ฉากนี้ทำให้เราต้องย้อนมองคนที่เคยผ่านมาในชีวิตเลยว่า เราเคยคบใครที่รู้สึกพิเศษในเวลานั้น แล้วมันผ่านมา แล้วก็ไม่เคยมีอีกเลยมั้ย แน่นอนว่ามี และตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดเหมือนวันนี้หรอก เราคิดว่ามันพิเศษ แต่ฉันก็น่าจะมีอะไรพิเศษอย่างนี้ได้อีก บางครั้งประโยคที่ว่า “รู้เมื่อสาย” มันเป็นแบบนี้จริงๆ
ฉากจบของเรื่องนี้ก็เหมือนตอบทุกสิ่งที่จูลี่สงสัยเกี่ยวกับตัวเอง เอาจริงๆ แล้วสิ่งที่ทำลายล้างเธอที่สุดก็คือ ความเป็นตัวตน อาชีพ แพชชั่นของเธอจริงๆ เหมือนกับว่าถ้าเรายังไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ เราก็มักจะให้ความรักมาเป็นฟูก หรือเหวี่ยงไปที่คนรัก The Worst Person in the World บอกอะไรเราเยอะมาก ถ้าดูแล้วเข้าไปอยู่เป็นจูลี่ สวมตัวเองเข้าไปในหัวใจ ในสมองเธอ หนังเรื่องนี้มีคำตอบให้เราเลยนะ ดูแล้วรู้สึกอยากลดอีโก้บางอย่างของตัวเอง และอยากเพิ่มพลังแพชชั่นของตัวเอง และก็ก่อนรักใครอยากรักตัวเอง และเข้าใจตัวเองให้ดีก่อนจริงๆ
จังหวะทางเดินชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง อาจต้องผ่านอะไรมา ลองผิด ลองถูก เสียใจ เสียดาย สับสน แต่ในที่สุดทุกอย่างก็จะตบๆ เราให้เข้าแทร็ค แล้วเดินต่อไปได้ด้วยขาของเราเอง จูลี่มาบอกเราไว้อย่างนั้นนะ
การแสดงของนางเอก Renate Reinsve เหนือชั้นมาก เธอเปล่งประกาย และเป็นธรรมชาติที่สุดแล้ว พระเอก Anders Danielsen Lie ก็คูลจริง เขาเป็นทั้งนักแสดงและเป็นหมอในชีวิตจริงด้วยนะ ถ้ายังเข้าในโรง ไปดูเถอะเรื่องนี้ ชะงักงันในความรู้สึกไปหลายวันเลย ผู้กำกับเรื่องนี้คือ Joachim Trier เขาค้นพบ Renate Reinsve ว่าเธอเป็นนักแสดงที่เจิดจรัสที่สุด เขาจึงสร้างเรื่องนี้มาเพื่อซัพพอร์ตความเป็นเธอ คาแร็คเตอร์จูลี่มีความเป็น Reinsve มาก และนี่คือหนังเรื่องแรกที่เธอเล่นเป็นดารานำ หลังจากที่แสดงมาหลายปี แต่เธอบอกว่า “ไม่มีใครมองเห็นฉันเลย”
อ่านเรื่องหนังรอมคอมเรื่องอื่นๆ ได้ที่ CLEO THAILAND