ได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องคิน หรือ คิน ธนชัย ศิลปินโซโล่บอยคนแรกจากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy แอบกระซิบว่าคลีโอเป็นที่แรกที่ได้สัมภาษณ์น้องคิน ครั้งแรกที่ได้เห็นคิน เราแทบไม่เชื่อว่าคินคือเด็กผู้ชายที่อายุแค่ 17 ปีเท่านั้น ด้วยความสามารถ การวางตัว และการแสดงออกของคิน สายตา รอยยิ้มที่ทำให้เราประทับใจในตัวเขา และรู้สึกได้เลยว่า “เส้นทางการเป็นศิลปินของคินจะต้องไปได้ไกลแน่นอน” เป็นโอกาสที่ดีมาก ที่คลีโอได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับน้องคินเป็นที่แรก! เราทั้งคู่ต่างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เราได้รู้จักความเป็นตัวคินมากขึ้น ความสดใสและเป็นธรรมชาติของคินค่อย ๆ เผยให้ออกมาให้เราได้เห็น และเราเชื่อว่าถ้าทุกคนได้อ่านเรื่องราวของเขา ก็จะต้องประทับใจและตกหลุมรักความเป็นคินอย่างแน่นอน
จากนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ สู่การเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว
คินเล่าว่าเขาเล่ยกีฬามาตั้งแต่เด็ก เริ่มแรกคินฝึกเล่นไอซ์สเก็ต เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มอยากหากีฬาที่แปลกใหม่และท้าทายมากยิ่งขึ้น จึงได้หันมาลองเล่นกีฬาไอซ์ฮ็อกกี้ คินสนุกกับการเล่นกีฬา กล้าทำกล้าลุย จากความสนุกเร่ิมกลายเป็นความหลงใหล และเกิดเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตวัยเด็กของเขาเลยก็ว่าได้ คินได้เข้าสู่การเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติในเวลาไม่กี่ปี และได้คว้าแชมป์ให้กับประเทศไทย สายตาที่คินเล่าให้เราฟัง เราเห็นถึง free spirit ที่ซ่อนอยู่ในตัวคิน มันคือแววตาและน้ำเสียงของคนที่หลงใหลและมีแพชชั่น และคินทำให้เราเชื่อว่าเขารักมันจริง ๆ
“กีฬาและดนตรี” เส้นทางความฝันที่แตกต่าง แต่รวมกันได้อย่างลงตัว
“ทั้งการเล่นกีฬากับการร้องเพลงมันก็มีทั้งความเหมือนและต่างกันครับ แต่ที่แน่ ๆ ผมชอบทั้งคู่ ความเหมือนคือเราใช้เวลาทุ่มเทกับมันเท่า ๆ กัน และเราก็ชอบทั้งสองอย่างนี้เหมือนกันครับ ถ้าชอบแล้วผมเชื่อว่าเราจะทำมันออกมาได้ดีครับ ส่วนสิ่งที่ต่างกันน่าจะเป็นเรื่องการสื่อสารอารมณ์ครับ ตอนที่เป็นนักกีฬาเราอาจจะต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึก ส่วนเวลาที่เราเป็นนักร้องเราก็ต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาครับ”
คินเล่าให้เราฟังว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับเขา การเป็นนักร้อง ต้องร้องเพลง ฝึกเต้น หรือแม้แต่การแสดงสีหน้าท่าทางนับเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับคิน แต่ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่และท้าทายสำหรับเขาเช่นกัน คินเริ่มจากการเป็นศิลปินฝึกหัด เขาต้องซ้อมตามตารางที่ค่ายจัดให้ ทั้งร้องและเต้น “พาร์ทที่ยากที่สุดน่าจะเป็นการเอาความขี้อายของเราออกไปครับ เมื่อก่อนคินเป็นคนขี้เขินครับ ไม่กล้าที่แสดงต่อหน้าคนเยอะ ๆ เราจะเขินมาก ตอนนี้ก็ยังแอบเป็นบ้างนะ แต่มันก็อยู่ที่ว่าเราสามารถพัฒนาและควบคุมตัวเราได้มากน้อยแค่ไหนครับ”
“Lively, Athlete, มุ่งมั่น” คือ 3 คำที่เขานิยามความเป็นตัวเอง
คินอธิบายความเป็นตัวเองด้วย 3 คำนี้ และเราก็รู้สึกว่ามันคือเรื่องจริงนะ จากที่ได้คุยกับคิน เขาคือผู้ชายสบาย ๆ คุยสนุก ร่าเริงยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ก็ยังมีพาร์ทที่สุขุม นุ่มลึก และมีบางมุมที่เราก็ไม่คิดว่าจะเจอจากผู้ชายในวัย 17 จริง ๆ คินเป็นคนที่แข็งแกร่งเหมือนนักกีฬา แต่ในขณะเดียวก็มีมุมที่อ่อนไหวและอ่อนโยน เพราะคินก็ยังคงเป็นหนุ่มอายุ 17 ปี ที่มีความขี้เล่น รักสนุก รักเพื่อน เหมือนวัยรุ่นในช่วงอายุเดียวกัน เลยทำให้คินเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้กับเพื่อน ๆ ได้เสมอ
คินเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัว ที่มีน้องสาวอายุ 15 และน้องชายอายุ 13 ที่คินสนิทมาก เรียกได้ว่าปรึกษาถามความเห็นกับน้องสาวตลอด ไม่ว่าคินจะกังวลหรือเจอปัญหาอะไร ก็จะคอยปรึกษาพี่น้องและถามความเห็นคุณพ่อคุณแม่อย่างตรงไปตรงมาไม่เคอะเขิน คินเล่าให้เราฟังว่าเขาสนิทกับแม่มาก ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรคินก็จะมีคุณแม่ที่คอยซัพพอร์ต สนับสนุนช่วยเหลือ และให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ
“อยู่คนเดียวมันเหงา” เพลงแรกในชีวิตของ KIN
เพลงนี้คือเพลงที่บ่งบอกความเป็นคินได้มากที่สุด คินบอกกับเราว่าเขาชอบและภูมิใจมาก ๆ กับผลงานเพลงแรกในชีวิต “เพลงนี้เป็นดนตรี Electronic R&B ครับ ซึ่งจังหวะดนตรีในเพลงนี้ก็เป็นอะไรที่คินชอบอยู่แล้วครับ บวกกับการที่เราชอบดนตรีแนวนี้มาตั้งแต่แรก เลยอยากเอาใส่ในเพลงของตัวเองครับ” คินบอกว่าเขาได้อยู่ในกระบวนการทำเพลงนี้ด้วยเช่นกัน ได้มีโอกาสเลือกสิ่งที่ชอบและควาามเป็นตัวเองให้ออกมาเป็นดนตรีในแบบคินได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ใหม่สำหรับคินมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคินไม่น้อยเลย ส่วนเนื้อหาเพลงก็จะมีความ “อ้อน” แบบมีชั้นเชิง เป็นความคิดถึงกึ่งกังวล เหมือนเวลาที่เขาอ่านแชทแต่ไม่ตอบอะไรกลับมา แค่นี้ก็ทำให้เรารู้สึกเหงาได้แล้ว เป็นเพลงที่ถ่ายทอด ความรู้สึกของคนที่ไม่อยากอยู่คนเดียว จากฝีมือการเขียนเนื้อร้องและทำนองของ Stickyrice killah & jayson creer และ BEAT จาก Ezekiel Keran (FLIGHTSCH) ผสมรวมเข้ากับจังหวะกลิ่นอาย 80’s-90’s กับเอกลักษณ์เมโลดี้อยู่ใน range ที่ค่อนข้างสูง
“เราฝันจะได้ขึ้นคอนเสิร์ตร้องเพลงของเราเอง มีคนร้องตามและชอบเพลงของเราครับ”
คินบอกว่าในอนาคตถ้ามีโอกาสเขาก็อยากได้ลองเขียนเพลงเอง ทำดนตรีเองในแนวที่หลากหลายมากขึ้น มีความฝันที่อยากขึ้นไปร้องเพลงบนคอนเสิร์ตต่อหน้าคนเยอะ ๆ แต่ ณ ตอนนี้คินก็ขอตั้งใจและมีความสุขกับการเริ่มต้นในเส้นทางสายดนตรีไปก่อน
“เวลาทำอะไรสักอย่างเราเริ่มจากความชอบ ไม่ได้คาดหวังไปไกล เพราะเรารู้สึกว่า ณ เวลานั้นเราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้วครับ ถ้าผมชอบงานของตัวเองแล้ว ผมก็จะตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุด แค่นั้นเลยครับ”
คินเป็นอีกคนที่รู้จักความชอบของตัวเอง และไม่ละทิ้งความฝัน เขานำความชอบทุกอย่างที่มีมาบรรจบรวมกันในแบบที่ลงตัว และไม่คิดเสียดายอะไรที่ทำตกหล่นไประหว่างทาง เพราะที่ผ่านมาเขาได้ทำสิ่งที่ชอบอย่างคุ้มค่าและเต็มที่มาก ๆ แล้ว เราเชื่อว่าคินจะสามารถทำสิ่งที่ชอบได้อย่างเต็มที่ในทุกทางอย่างแน่นอน มาให้กำลังใจและติดตามผลงานของเขาไปด้วยกันนะ
ติดตามคินได้ทาง Instagram และ Facebook และสามารถเข้าไปพูดคุยกับคินได้ที่ Line Open Chat เลยนะ
Photographer: Rose Thanchanok