หนึ่งในรอมคอมที่ดังที่สุดในโลกย้อนไปเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว เมื่อปี 2001 ต้องติดชื่อ Bridget Jones’ Diary หนังที่ทำให้เรเน่ เซลล์วีเกอร์ดังกระฉูด บริดเจ็ด โจนส์ ไดอารี่เวอร์ชั่นหนังสร้างมาจากชิคลิที่ดังไม่แพ้กัน เขียนโดย เฮเลน ฟีล์ดิ้ง ช่วงนั้นเทรนด์ความรักของผู้หญิงทั้งโลก หลังจากที่บริดเจ็ทออกมาให้ได้อ่าน ก็กลายเป็นประโยคฮิตของหญิงสาว “เธอควรจะรักฉัน แบบที่ฉันเป็นนะ” เรื่องนี้คือแก่นของเรื่องเลยล่ะ
แล้วยังฮิวจ์ แกรนท์ที่หล่อมีมาดสไตล์อังกฤษสุดๆ กับโคลิน เฟิร์ธ หล่อลุงๆ คลาสสิคๆ มาเจอกับสาวโก๊ะแต่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอย่างบริดเจ็ท บวกกับเพลงประกอบที่ปังมาก เรื่องนี้เลยทำให้อินเนอร์ผู้หญิงทั้งโลกลุกฮืออย่างที่สุด เอาแค่ฉากเปิดเรื่องก็ใช่ๆๆๆๆ แล้ว บริดเจ็ทที่อกหักกำลังดวดไวน์คนเดียวในชุดนอน พร้อมแหกปากร้องเพลง All by myself มันคืออาการที่เราต้องย้อมใจตัวเอง เวลาเสียใจกับเรื่องความรักนี่นา
ผ่านมาถึงยุคนี้ หนังรอมคอมสไตล์บริดเจ็ท โจนส์ ก็แทบจะหาดูไม่ได้ พลังดาราแบบเรเน่ ฮิวจ์ แกรนท์ ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอีกต่อไป เรื่องล่าสุดที่ใกล้เคียงก็น่าจะเป็นซีรีย์ Emily in Paris วันนี้พอเราได้ย้อนกลับไปดูบริดเจ็ทอีกครั้ง ก็เลยทำให้นึกถึงตัวเอง กับความรักที่เคยพังในวันนั้น เราอยู่ตีคู่กันมากับบริดเจ็ทเลยดีกว่า ก็เลยอยากเล่าให้ฟังกันอีกสักหน ว่านี่ล่ะคือเหตุผลที่เรารัก Bridget Jones’ Diary
1. บริดเจ็ทไม่เพอร์เฟ็คท์ ออกจะโก๊ะๆ ด้วยซ้ำ
เรเน่ เซลล์วีเกอร์เล่นเป็นบริดเจ็ทที่เธอ ไม่ได้เป็นผู้หญิงสวยปัง หรือหุ่นดีจัด บริดเจ็ทคือสาวธรรมดาๆ ที่ก็อยากมีคนรักดีๆ อยากซื่อตรงกับหัวใจตัวเอง แต่เรเน่มีเสน่ห์มากพอทำให้เรารักเธอตั้งแต่ซีนแรก แล้วก็เอาใจช่วยเธอตลอดทั้งเรื่องได้ หน้ามึนๆ กับสำเนียงแปร่งๆ ของเธอ พูดติดๆ ขัดๆ เล็กๆ นั่นล่ะ ขับหนังทั้งเรื่องให้ดีงามในใจเราเลย
2. ดูแล้วจะคิดถึงยุค 90’s
แน่นอนเรารักยุคนั้นมาก ชีวิตที่ไม่ต้องใช้แต่โทรศัพท์ ไม่ต้องจ้องจอตลอด ชีวิตที่เรายังเขียนจดหมาย เขียนโน้ตให้กันอยู่ และที่สำคัญเราแทบจะไม่ต้องปกปิดความรู้สึกอะไร ให้ต้องเก็บกดภายหลังกันเท่าไหร่
.
3. เล่าเรื่องแบบเขียนไดอารี่
เป็นสิ่งที่ฮิตในการเยียวยาตัวเองของผู้หญิงยุคนั้น การจดไดอารี่ของบริดเจ็ท เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เย้ยตัวเองนิดๆ ของเธอ คือสิ่งที่ทำให้คนดูรักเธอ
.
4. ฉากที่บริดเจ็ทแต่งตัวเป็นบันนี่
นั่นคือพีคที่สุดแล้ว ความไม่แคร์สื่อของบริดเจ็ท แต่งเต็มในขณะที่ไม่มีใครแต่งเลย เป็นมุขตลกปังๆ ที่หาได้ยากในหนังยุคนี้ บริดเจ็ทไม่ต้องคีพคูล ไม่ต้องพยายาม เธอน่ารักในชุดนั้นมากๆ
5. ประโยคที่มาร์ค ดาร์ซี่บอกความในใจกับเธอ
มาร์ค ดาร์ซี่พระเอกในเรื่อง ที่เล่นโดยโคลิน เฟิร์ธ อาจไม่ได้เป็นผู้ชายเท่ หรือฮอตใดๆ นะ แต่ความตรงทื่อของเขา กับประโยคที่เขาพูดกับบริดเจ็ท “ผมชอบคณ มากกกกก ในแบบที่คุณเป็นคุณนี่ล่ะ” มันโดนมากกกกกเลย
6. เพราะบริดเจ็ท เธอก็เหมือนๆ เรา
ไม่ว่าจะเป็นกางเกงในแกรนนี่รุ่นเต็มตัว ความพัง ความเฉิ่มเบ๊อะต่างๆ ของบริดเจ็ท ดูแล้วรู้สึกเธอไม่ได้เลิศเลออะไรขนาดนั้น เธอเลยเชื่อมโยงกับเราได้ไม่ยาก
7. อย่าได้พลาดฉากนักดับเพลิงของบริดเจ็ทนะ
คลาสสิคที่สุดแล้ว ต้องบอกว่า มันต้องอย่างนี้! รอมคอมที่แท้จริงน่าเอกต้องมาขนาดนี้! ก้นเป็นก้น แล้วไง?
8. ความกวนเล็กๆ ของบริดเจ็ท
ฉากที่เธอจะลาออกกับแดเนียล หัวหน้าเธอที่ฮิวจ์ แกรนท์เล่น แล้วบริดเจ็ทเล่นมุขกวนเขาให้ฮากันทั้งซีนน่ะ นั่นคือน่ารักน่าหยิกมาก
9. ฉากทะเลาะกันของผู้ชายสองคน
คืออีกฉากที่เป็นหนึ่งในความที่สุดของหนังรอมคอม เพลง It’s Raining Men บิ๊วมากในฉากนี้ แล้วฟินตรงผู้ชายสองคนสู้กันจริงจัง มาร์ด ดาร์ซี่เท่ฮอตขึ้นมาทันที
10. ถ้าเขาไม่ใช่จริงๆ บริดเจ็ทก็ไม่เอา
พอบริดเจ็ทรู้ว่าแดเนียลหลอกเธอ ต่อให้เขาหลงเธอยังไง คนอย่างบริดเจ็ทก็ขอไม่เลือกความไม่ชัดเจน บริดเจ็ทเลยสร้างความลุกฮือขึ้นมาในใจผู้หญิงได้
11. Bridget Jones’ Diary มีภาคต่อ
ดูทีเราเลยดูทั้ง 3 ภาคต่อกันให้สาแก่ใจได้ เริ่มจากบริดเจ็ทค้นหาความรักในภาคแรก บริดเจ็ทเจอผู้ชายที่ใช้ในภาคที่สอง และบริดเจ็ทมีเบบี้ในภาคที่สาม เรื่องนี้ยิ้มนานเลย