ไม่มีใครรู้ภัยสงคราม ที่มาจากอีโก้ อำนาจ ความขัดแย้งได้ดีเท่าคนที่โดนพิษสงคราม เหมือนกับเด็กน้อยคนนี้ ซาดาโกะ เด็กหญิงชาวญี่ปุ่นที่โดนพิษรังสีนิวเคลียร์ถล่มฮิโรชิมาในวันนั้น
เด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิคือเด็กหญิงหนึ่งในผู้โชคดีที่รอดชีวิตมาจากระเบิดนิวเคลียร์ถล่มเมืองฮิโรชิมา ในประเทศญี่ปุ่นในปี 1945 วันนั้นเธออายุเพียง 2 ปี เธอได้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กน้อยที่ฝันอยากเป็นนักวิ่ง และในอีก 8 ปีถัดมา พิษของรังสีปรมาณูก็ได้พรากชีวิตของเธอไป ระเบิดเพียงลูกเดียวที่ทำลายคนในเมือง 200,000 คน ทำลายทั้งความฝัน ความหวัง และทุกสิ่งไปหมดสิ้น และทิ้งรอยแผลในใจสืบต่อมาให้แก่คนรุ่นหลัง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เราเลยคิดว่าผู้นำประเทศทุกคนควรอ่านเล่มนี้!!
ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว คือผลงานการเขียนของ อิลิเนอร์ เคอร์ (Eleanor Coerr) เธอคือนักเขียนที่หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น และเรื่องของซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัวได้จับใจของเธอ จนต้องหาทางตามหาข้อมูลต่างๆ เพื่อเขียนเป็นวรรณกรรมออกมาให้ได้ อิลิเนอร์เดินทางไปฮิโรชิม่า และรู้สึกช็อคกับการทำลายล้างด้วยระเบิดเพียงลูกเดียวครั้งนั้น และได้เห็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงเด็กหญิงซาดาโกะในสวนสันติภาพแห่งฮิโรชิมา อิลิเนอร์ตามหาหนังสือจดหมายข่าวที่ตีพิมพ์เรื่องของซาดาโกะ จนไปเจอกับจดหมายข่าวโคเคชิในห้องของมิสชันนารีอเมริกันที่อยู่ในฮิโรชิมา
อิลิเนอร์จึงได้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นและเขียนวรรณกรรมเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัวขึ้นมา เธอเขียนประหนึ่งเข้าไปอยู่ในหัวใจของซาดาโกะ อิลิเนอร์บอกว่า “มันเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ฉันถูกหมายไว้ให้เป็นคนเขียนเรื่องของซาดาโกะ” และวรรณกรรมเล่มนี้เอง ที่ทำให้คนทั่วโลกตั้งใจร่วมกัน ว่าจะปกป้องชีวิตทุกชีวิตจากภัยของสงคราม เมื่อเราได้ร้อยหัวใจเราเข้าไปกับหัวใจดวงน้อยอันบริสุทธิ์ ซาดาโกะ เธอมีความหวังว่าจะหายจากโรคร้าย นกกระเรียนคือสัญลักษณ์ของความหวัง ที่เธอเชื่อว่าถ้าพับได้ 1,000 ตัวเมื่อไหร่ เธอก็จะกลับไปมีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง
“ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ประพันธ์ขึ้นจากชีวิตจริงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ผู้มีชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ พ.ศ. 2486 ถึง พ.ศ. 2498
ซาดาโกะอาศัยอยู่ในเมืองฮิโรชิมา เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูลงในเมืองนี้เพื่อจะได้ยุติสงครามโลกครั้งที่สอง สิบปีต่อมาเธอก็เสียชีวิต เนื่องจากผลของกัมมันตรังสีจากลูกระเบิดดังกล่าว
ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ทำให้ซาดาโกะเป็นวีรสตรีของเด็กในประเทศญี่ปุ่น…นี่คือเรื่องราวของซาดาโกะ”
– บทเปิดเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว
นอกจากเราจะได้เข้าใจหัวใจของเด็กหญิงผู้โดนพิษของสงครามแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีความจริงของสงครามให้เราต้องลองนึกภาพชีวิตของผู้คนเวลานั้น พวกเขาต้องเจอกับการทำลายล้างที่ไม่มีทางแม้แต่จะต่อสู้ใดๆ
“ผู้คนเสียชีวิตทันทีไปแล้ว 140,000 คน ที่เหลือรอดอยู่ 70,000 ผู้ที่เหลือรอดนั้น จริงๆ แล้วก็มิรู้ว่าจะเรียกว่าผู้รอดชีวิตได้อย่างเต็มปากเต็มคำหรือไม่ เพราะแต่ละร่างนั้นล้วนไม่สมประกอบ หลายคนเดินไปทั้งๆ ที่ตัวเป็นดินโคลนอาบฝังแน่นลงไปที่ผิว บางคนมีเนื้อหลุดตามส่วนต่างๆ เป็นชิ้นๆ ร่างพิกลพิการนั้นพยายามเดินไปอย่างช้าๆ บ้างก็ร้องขอน้ำกินแล้วล้มลงสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตากัน พวกเขาเดินกระย่องกระแย่งก้าวเท้าอย่างไม่มั่นคงและไร้เรี่ยวแรง แต่ตัวแข็งทื่อเหมือนซอมบี้ ใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาทะลักออกมา จมูกปากขาดวิ่ง ผิดรูปไปหมดดูน่าสยดสยองไม่ต่างจากใบหน้าของผี คนเกือบทั้งเมืองตกอยู่ในสภาพแบบนั้น” – ข้อความจากหนังสือ ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว
ซาดาโกะพับนกได้ทั้งหมด 644 ตัว เมื่อเธอเสียชีวิตเพื่อนในชั้นเรียนช่วยกันพักอีก 356 ตัว
“ฉันจะต้องหายป่วย” “แล้ววันหนึ่งฉันจะเป็นนักวิ่งลมกรด” คือเสียงในหัวใจของซาดาโกะ เมื่อเธอได้จับนกกระเรียนสีทอง “เธอไม่เคยอุทธรณ์ต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเป็นพักๆ เกือบตลอดเวลา ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงขึ้นขยายลึกลงไปในใจ เธอกำลังหวั่นกลัวความตาย เธอต้องต่อสู้กับความกลัวนี้ไปพร้อมๆ กับต่อสู้กับโรคร้าย นกกระเรียนสีทองช่วยเธอ มันเตือนให้เธอมีความหวังอยู่เสมอ”
เรื่องของซาดาโกะกับนกกระเรียน ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นงานประติมากรรมเพื่อรำลึกถึงชีวิตของเธอ ที่ถูกค่าไปจากระเบิด “Little Boy” เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 และผลของกัมมันตภาพรังสีที่ตามมา ทำให้ซาดาโกะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในอีก 10 ปีต่อมา การก่อสร้างนี้สร้างขึ้นจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของซาดาโกะ
** ข้อความในเนื้อหานี้ได้มาจาก หนังสือเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว (Sadako and The Thousand Paper Cranes) วรรณกรรมเพื่อเพรียกหาสันติภาพ เขียนโดย อีลิเนอร์ เคอร์ แปลโดย ถิรนันท์ อนวัชฯ