“อย่าทนอยู่กับความเจ็บปวด เพราะชีวิตจะพังพินาศได้” คือความเข้าใจของเราในวันนี้ หลังจากที่ได้ดู Eat Pray Love อีกครั้ง
เพราะสามครั้งที่ผ่านมา เราจำฉากในนิวยอร์คหรืออิตาลีไม่ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง จำไม่ได้ว่ามันเคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ! ระหว่างที่ดูหนังไปก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็ที่บาหลีเลย ครั้งที่สี่ก็เลยเหมือนดูหนังเรื่องใหม่ ฟังดูเหมือนเป็นคนที่ช่างไม่เข้าใจชีวิตอะไรได้ขนาดนั้น จะบอกเล่ากับใครก็อาย แต่ก็ต้องยอมรับกับตัวเองจริงๆ ว่า เราเคยดู Eat Pray Love ไม่รู้เรื่อง และคิดว่ามันเป็นหนังน่าเบื่อเรื่องหนึ่ง
ผ่านมา 10 ปี ดูอีกทีก็พอจะเข้าใจได้ว่า หนังบางเรื่อง มันมีวัยของมัน ความรู้สึกหลงทางในวัยเพิ่งจบมหาวิทยาลัย มันคนละความรู้สึกกับหลงทางในวัยที่ทำงานมาแล้วสักพักใหญ่ๆ ที่เคยคิดแทบตายว่าเราอยากจะทำอะไร เป็นอะไร ตัวเลือกมันกว้างตามความรู้ความสามารถของเราในวันนั้น วันที่เราไม่กลัวอะไร กระโดดลงไปทำอย่างที่ใจอยากจะทำ ทำได้ไหมไม่รู้ ลองดูเดี๋ยวก็รู้เอง
พอเวลาผ่านไปเหยียบเข้าสู่วัยที่เรียกอย่างใจร้ายว่า วัยกลางคน ก็กลับมาถามตัวเองอีกทีว่า ที่ทำอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร และมัน ‘ใช่’ สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ หรือ แต่จะก้าวออกไปหัวใจก็ล้นไปด้วยความกลัว
อลิซาเบธ (หญิงสาวที่มีรอยยิ้มของจูเลีย โรเบิร์ตสอย่างที่เราเห็นในหนัง) เธอคุยกับตัวเองเยอะมาก ตกตะกอนกับตัวเองไม่น้อย แต่ก็ยังเหมือนว่าชีวิตของเธอนั้นไร้บาลานซ์ที่ดีอยู่ดี แม้จะมีสิ่งที่อยากทำ แต่เรื่องรักก็มักจะมาทำให้บาลานซ์ชีวิตของเธอเอนเอียง และเพื่อรักษาสมดุลที่ว่า เธอเลยเลือกออกเดินทาง
ระหว่างทางอลิซาเบธค้นพบอะไรมากมาย ทุกสิ่งที่อยู่ในใจเธอขุดมันขึ้นมาเยียวยา เธอเรียนรู้ที่จะรักและรู้จักให้อภัยตัวเอง บังเอิญกับสิ่งที่เราเองก็หยิบมันมาใช้เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งรู้ว่ารักและให้อภัย สองสิ่งที่ให้กับคนอื่นง่ายดาย แต่พอเป็นตัวเราเองไม่แน่ใจเลยว่าทำเป็น
“นี่เรากำลังไม่รักตัวเองอยู่ไหม” “ทำไมถึงทำสิ่งที่ไม่น่าภูมิใจอย่างนั้น” เราในวัย 32 ปี มีหลายสิ่งที่ยังไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ แต่กำลังทำเพื่อที่จะได้ก้าวต่อไป เพราะแม้จะเดินทางไกลแค่ไหน ถ้าไม่รักและไม่ให้อภัย ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ไปไหน ยังหยุดอยู่ที่เดิมอยู่ดี
ที่อิตาลี แม้ว่าโรมจะขยายใหญ่ขึ้นเต็มไปด้วยความสวยงามในแบบของเมืองหลวงเก่าแก่ แต่ก็มีมุมหนึ่งกลายเป็นที่เปลี่ยวร้าง แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวความยิ่งใหญ่ในอดีต สุสานของออกัสตุส จักรพรรดิโรมันผู้ยิ่งใหญ่ ในวันนั้นที่เธอไปก็กลายเป็นสุขาของคนไร้บ้านไปซะแล้ว เหมือนเป็นบาดแผลที่เราไม่อยากให้มันหาย เพราะคุ้นเคยกับความเจ็บนี้ ไม่อยากเปลี่ยนอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่ถูกเปลี่ยน ทุกอย่างทรุดโทรม ถูกทำลาย แต่ก็สร้างกลับขึ้นมาใหม่อีกได้
“ฉันก็เชื่อมั่นว่า ชีวิตฉันคงไม่ยุ่งเหยิงนักหรอก โลกก็เป็นอย่างนี้ เราจะตกหลุมพรางถ้ามัวยึดติดกับส่วนใดส่วนหนึ่ง ความวิบัติคือของขวัญ วิบัติก็คืออุบัติของสิ่งใหม่”
อลิซาเบธสอนให้เรายืดอกปะทะกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง อย่าทนอยู่กับความเจ็บปวดเพียงเพราะว่าชีวิตจะพินาศ ถึงเวลาแล้วก็ต้องไปต่อ ไม่มีใครจมอยู่ในสุสานได้ตลอดไป เว้นแต่ว่าจะเป็นร่างที่ถูกฝังเอาไว้ซะเอง
เขียนโดย Piim
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand