Be true to yourself หรือ จริงใจกับตัวเอง ซื่อสัตย์กับความรู้สึก และรู้ว่าเราต้องการอะไร ในโลกที่มีคนมากมายบอกว่า คนเราควรเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนี้ถึงจะดี แล้วยังมาบอกให้เรา be true to yourself อีกนี่มันยังไง ทำไมฟังแล้วรู้สึกท้าทาย
ลองนึกเล่นๆ ดูเวลาที่คนถามเราว่า “ช่วงนี้เป็นยังไงมั่งอ่ะ” บางทีถึงไม่โอเค เราก็ตอบว่า ก็ดี หรือ ก็โอเคนะ เพราะเราอาจจะไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย หรือเราคิดว่าเราก็โอเคจริงๆ มั้ง หรือบางทีแค่คิดว่าเขาถามไปอย่างนั้น เข้าเรื่องที่จะคุยเลยดีกว่า มันคงจะดีกว่าถ้าเราบอกคนอื่นได้จริงๆ ว่า “ช่วงนี้เราเป็นยังไง” “ช่วงนี้เรารู้สึกอะไร” ไม่ใช่ว่าเราจะส่งพลังลบออกไปนะ แต่การได้บอกความรู้สึกออกไปจริงๆ ส่วนหนึ่งมันช่วยให้เราถามตัวเองว่าเรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ อาจจะไม่ดี แต่ก็อาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้
เมื่อไหร่ที่เรารู้ความรู้สึกของตัวเอง ที่กำลังรู้สึกแย่ เราจะกล้าขุดลึกลงไปว่าปัญหาคืออะไร กล้ากว่าตอนที่ยังไม่ยอมรับว่าเราไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่พูดออกไปจริงๆ อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกอย่างที่รู้สึก แม้ไม่ได้แสดงออกมา แค่ได้ลงมือแก้ปัญหาเมื่อมันโผล่เข้ามาในชีวิต
ยอมรับในตัวเอง
เรามีตัวตนหลากหลายรูปแบบ มีหลายอารมณ์ บางครั้งเรามีความสุข บางครั้งเศร้า อึดอัดใจ อิจฉา ริษยา ต่างๆ นานา ที่จะรู้สึกได้ การรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานะไหนของอารมณ์ความรู้สึก แล้วเกลี่ยมันวางไว้เห็นภาพให้ชัด เราจะสัมผัสได้ถึงความเป็นเราอย่างแท้จริง ตัวตนที่แท้จริงของเราเมื่อถูกเปิดเผย แสดงออกชัดๆ ไม่สร้างภาพ ไม่พยายามสร้างความประทับใจเกินจริง
หากถูกถามว่า “ช่วงนี้เป็นยังไง” ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ยอมรับมันได้ กล้าที่จะเข้าใจว่า คนอื่นอาจไม่เข้าใจ และความรู้สึกนี้ยังคงสำคัญไม่ว่าใครจะบอกว่าไม่ก็ตาม ควบคุมความรู้สึกของเราให้ได้ ไม่ให้ตกไปอยู่ใต้คำพูดของใคร
ฝันได้แต่อยู่กับความจริงด้วย
เส้นทางของเราไม่ว่าจะถูกปัดไปทางทิศไหน เราก็ยังเลือกที่จะเดินไปในทางของเราได้ เริ่มก้าวแรกได้ทันทีที่ใจอยากจะไป คนส่วนใหญ่จะรู้สึกช็อค ไม่แน่ใจ อึดอัด เมื่อชีวิตเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือบางทีก็เรียกมันง่ายๆ ว่าการเติบโต ทัศนคติในการมองเรื่องต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเราโตขึ้นในแต่ละก้าว ซึ่งอาจจะไม่ได้พร้อมคนในวัยเดียวกันก็ได้
การเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไม่ได้หมายถึงว่าเราทิ้งความฝัน แต่เข้าใจในความเป็นจริงคือส่วนหนึ่งของการเติบโต อะไรที่ไม่เวิร์คก็แค่เปลี่ยน ถ้ามีกำลังทำตามฝัน แม้จะไม่เหมือนซะทีเดียวก็ลุย เมื่อไม่เวิร์คปรับมัน ความฝันจะหน้าตาบิดเบี้ยวไปบ้างแล้วยังไง นี่คือชีวิตเรา
ทัศนคติที่เราเลือกใช้สำคัญ
ไม่ว่าเราจะเริ่มทำอะไรบางอย่างใหม่สักกี่ครั้ง อะไรจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนไปเลยคือตัวเรา เราไม่ได้ต้องโลกสวย แต่ถ้าเรามองว่าชีวิตตัวเองห่วย ทุกอย่างจบเลยทันที เมื่อเราพลาดพลั้งทำบางอย่างเฟล มองในมุมดีๆ คือเราได้ลองแล้ว แต่ไม่เวิร์ค นี่คือโอกาสในการลองทำอย่างอื่นสินะ เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวัน เราอาจจะรู้สึกก็เหมือนๆ กัน ใช่ พระอาทิตย์ดวงเดิม แต่ไม่เหมือนเดิมหรอกนะ
ให้อำนาจตัวเองมองโลกอย่างที่เราอยากจะเห็น เป็นอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็น เพื่อให้คนรอบข้างเข้าใจตัวเราแบบที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก
ทำสิ่งที่มีความสุขแม้จะเวลาที่ไม่มีใครเห็นก็ตาม
เราไม่จำเป็นต้องรวยที่สุด ประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุด ถึงจะเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดได้ เราเป็นยังไงตอนที่ไม่ได้มีใครสนใจต่างหาก เราในแต่ละวันที่แสนจะคล้ายกันนานไปเป็นปี จนถึงช่วงชีวิตหนึ่ง นั่นแหละคือตัวเรา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
เราอยากจริงใจกับตัวเองไม่ใช่เพื่อความสำเร็จ แต่เพื่อวันนึงเมื่อเราสำเร็จในแต่ละก้าวแล้วเราจะแสนภูมิใจ ความเชื่อในตัวเราจะพุ่งสูง ไม่ใช่แบบมีอีโก้ แต่มันคือความเชื่อว่าชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนไปมากจนหลงลืมไปเลยว่าจริงๆ แล้วเราเป็นแบบไหน ควรจะคิดยังไง คนใกล้ตัวก็จะสัมผัสได้ว่านี่แหละเราที่แท้จริง
เราเชื่อนะว่าการจริงใจกับตัวเอง เป็นตัวเอง ใช้ความกล้า กล้าที่จะเชื่อว่าเราทำได้ มันคือการเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบที่ชีวิตเป็นของเราจริงๆ ด้วยความเชื่อนั้นในตัวเองและเป้าหมายในชีวิตเรา ที่ต้องการทั้งแพสชั่นและเชื้อเพลิงระหว่างทาง เมื่อเส้นทางมันเป็นของเราเอง เราจะรู้ว่าเราต้องการอะไร และอะไรที่ไม่จำเป็น ตัดสินอะไรแบบไม่เสียดาย และแม้จะไปไม่ถึงเป้าหมายในช่วงเวลาที่จำกัด เราจะไม่เฮิร์ทหนักมาก เพราะตัวเราที่เติบโตขึ้นทุกวันที่มันจริงมากๆ คือคุณค่าที่หาไม่ได้จากที่ไหนแล้ว
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand