นับตั้งแต่เหตุการณ์การโกนศีรษะของบริทนีย์เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงานของเธอก็ขึ้นๆ ลงๆ (น่าจะลงมากกว่าขึ้นนะ) และตอนนี้บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องเพลงป๊อปที่เคยฮ้อตที่สุดของวงการก็กลายเป็นข่าวที่ผู้คนทั่วโลกกำลังจับตามองอีกครั้ง ล่าสุดบริทนีย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลในลอสแองเจลิสและบอกว่าเธอ “ฉันสมควรที่จะมีชีวิต” และ “ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเป็นทาสของใคร”
ชีวิตนักร้องดังของบริทนีย์ตั้งแต่เข้าวงการจนถึงปี 2017 เธอได้แสดงและปล่อยเพลงใหม่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าชีวิตช่วงหลังของเธอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อก็ตาม แต่สองปีมานี้ เราจะเริ่มเห็น #FreeBritney ขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์
เกิดอะไรขึ้น?
เกิดอะไรขึ้นกับบริทนีย์ กับชีวิตที่ต้องอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ในศาลที่ดุเดือดมาหลายปีของเธอ ใครที่พอจะรู้เรื่องราวของเธอมาบ้าง แต่ตามข่าวไม่ทันว่าเธอมาถึงจุดนี้ได้ยังไง คลีโอจะขอไล่เรียงเรื่องราวมหากาพย์ของเธอให้..
.
ปี 2007
ในช่วงต้นปี 2007 บริทนีย์ถูกช่างภาพปาปารัสซี่ถ่ายรูปขณะโกนหัวของตัวเองในร้านทำผมในแอลเอ หลังจากออกจากศูนย์บำบัดยาเสพติด ต่อมาเธอก็ใช้เวลาอีก 2-3เดือนเข้าบำบัดตามสถานที่ต่างๆโดยสมัครใจ
ในปีถัดมา เธอปล่อยอัลบั้ม Blackout ซึ่งได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกและขายได้ 3 ล้านอัลบั้มทั่วโลก แต่การแสดงของเธอเพลง ‘Gimme More’ ที่งาน MTV VMAs กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยหลายคนบอกว่าบริทนีย์ดูจิตใจยังไม่มั่นคงเท่าไหร่
.
ปี 2008
ในเดือนมกราคม 2008 บริทนีย์ถูกจัดให้อยู่ใน “เกณฑ์ 5150” ซึ่งคือการประเมินทางจิตเวชรวม 72 ชั่วโมงโดยไม่สมัครใจ เธอถูกถ่ายภาพโดยปาปารัสซี่ตอนถูกพาออกจากบ้านในแอลเอ แต่เธอก็อยู่ในโรงพยาบาลเพียง 2 วันเท่านั้น 2-3สัปดาห์ต่อมา เธอถูกจัดให้อยู่ภายใต้อีก “เกณฑ์ 5150” อีกครั้ง และในขณะที่อยู่ในโรงพยาบาล ศาลก็ตัดสินว่าเธอควรอยู่ภายใต้การดูแลของ “ผู้ดูแล” ชั่วคราวของเจมี่ สเปียร์ส พ่อของเธอ
“ผู้ดูแล” คืออะไร? โดยพื้นฐานแล้ว “ผู้ดูแล” อย่าง เจมี่ สเปียร์ส จะถือว่าเป็นผู้ควบคุมทุกแง่มุมในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเงิน และเรื่องส่วนตัว แปลว่าถ้าบริทนีย์ต้องการเงิน แม้จะแค่เพียง 5 ดอลล่าร์ สำหรับกาแฟ เธอต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลก่อน เจมี่ พ่อของเธฮจึงถือได้ว่าสามารถควบคุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาชีพของเธอ รูปลักษณ์ของเธอ และแม้แต่ชีวิตที่โรแมนติกของเธอทั้งหมด บุคคลที่อยู่ภายใต้การดูแลจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ขับรถ แต่งงาน หรือตั้งครรภ์ บริทนีย์สูญเสียการดูแลลูกทั้ง 2 คนของเธอคือฌอนและเจย์เดน ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 2 ขวบและ 1 ขวบ
ต่อมาในปี 2008 บริทนีย์ได้คัมแบ็กจากผลงานอัลบั้มแรกของเธอ Circus ซึ่งออกจำหน่ายในเดือนธันวาคม เธอมีการแสดงในที่สาธารณะและได้รับรางวัล MTV และงานนี้ก็ทำให้บรรดาแฟนคลับรู้สึกเหมือนกับว่าบริทนีย์คนเก่ากลับมาแล้ว
ข้อกำหนดของการจัดตั้ง ‘ผู้ดูแล’ ถูกกำหนดให้หมดอายุในเดือนธันวาคม แต่ผู้พิพากษาได้สั่งกำหนดการใหม่ให้ เจมี่ สเปียร์ส กลายเป็น ‘ผู้ดูแล’ ถาวร ในขณะเดียวกันทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ‘ผู้ดูแล’ ร่วมถาวรในมรดกของเธอด้วย
.
ปี 2009
บริทนีย์ออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกด้วยการแสดง Circus ของเธอ ในขณะที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อของเธออย่างถูกกฎหมาย ถึงแม้จะมีข้อความเสียงรั่วออกมาพ่อของบริทนีย์ร่วมมือกับทนาย และใช้เรื่องสิทธิ์การเยี่ยมเยียนกับลูกทั้งสองคนของเธอเป็นข้อโต้แย้งเพื่อไม่ให้เธอต่อสู้กับสิทธิ์ดูแลในศาล
.
ปี 2010-2011
แฟนๆ ของบริทนีย์หลายคนสังเกตว่าเธอมีอาการเซื่องซึมบนเวที เป็นที่เชื่อกันว่าเธอถูกบีบบังคับให้แสดงต่อไป แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ต้องการก็ตาม
ในปี 2011 เธอประกาศหมั้นกับเจสัน ทราวิคสมาชิกทีมผู้บริหารของเธอ ถึงแม้บริทนีย์จะยังอยู่ภายใต้การดูแลของบิดาของเธอ แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่หมั้นกัน เจสันกลายเป็นผู้ร่วม ‘ดูแล’ เรื่องส่วนตัวของเธอด้วย เจมี่ สเปียร์สจะยังคงควบคุมอาชีพและการเงินของบริทนีย์ได้อย่างเต็มที่ แต่เจสันเองก็สามารถกำหนดทุกอย่างในชีวิตส่วนตัวของเธอได้ด้วย
ทั้งคู่แยกทางกันภายในสิ้นปี 2012 ก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน เจสันลาออกจากการเป็นผู้ร่วมดูแล และเจมี่ สเปียร์สก็กลับมาควบคุมทุกอย่างอีกครั้ง
ปี 2013
อัลบั้มที่แปดของ Britney ในชื่อ ‘Britney Jean’ ได้ถูกปล่อยออกมาในเดือนธันวาคม 2013 และได้รับการวิจารณ์อย่างหนัก แม้ว่าเธอจะเรียกมันว่าเพลงที่เป็นส่วนตัวที่สุดเท่าที่เธอเคยปล่อยออกมา แต่แฟนๆ บางคนก็สงสัยในเสียงของเธอ ว่ามันคือการบันทึกเสียงของคนอื่นในบางเพลงรึเปล่า
ปี 2015
บริทนีย์มีแสดงโชว์ “Britney: Piece Of Me” ที่ลาสเวกัส ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โชว์นี้เริ่มมีมาตั้งแต่ปลายปี 2013 และมันก็ป๊อปปูล่ามากจนได้ขยายเวลาแสดงไปอีกหลายครั้ง
ในช่วงกลางปี 2015 แฟนๆ สังเกตเห็นว่าพลังของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เธอเปลี่ยนจากการแสดงที่แทบไม่มีพลังงานเลยเป็นการแสดงที่ดูตื่นเต้นและกระปรี้กระเปร่าราวกับว่าเธออยากจะอยู่ที่นั่นจริงๆ ช่วงนี้คือโมเม้นที่เธอได้ออกแบบท่าเต้นเอง และกลับมามีรูปร่างดีแถมเธอยังยิ้มและสนุกกับตัวเองด้วย
.
ปี 2016
สิ่งต่างๆในชีวิตเธอดูเหมือนจะดีขึ้น เธอได้รับรางวัลที่เธอปราถนามา กับรางวัล Millennium Award ที่งาน Billboard Awards เธอดูมีความสุขและมีสุขภาพดี เธอดูมีความสุขบนเวที ต่อมาในปีต่อมา เธอออกอัลบั้มที่ 9 ของเธอชื่อ Glory ซึ่งได้รับผลบวกมากกว่าอัลบั้มที่แล้วของเธอมาก
ปี 2018
ภายในสิ้นปี บ้านพักที่เวกัสของบริทนีย์ได้มีการต่อเติมขยายสองครั้ง เดิมทีการแสดงของบริทนีย์ที่ลาสเวกัสได้เซ็นสัญญาไว้ที่ 2 ปี แต่เนื่องจากการแสดงที่มีแต่คนชมและรางวัลมากมาย ทำให้มีการยืดระยะเวลาแสดงเป็นเวลา 4ปีเต็มกับการแสดงเกือบ 250 รายการ หลังจากนั้นไม่นาน บริทนีย์ก็มีกำหนดการที่จะเปิดโชว์การแสดงใหม่ที่ชื่อว่า ‘Domination’
.
ปี 2019
ในช่วงต้นปี บริทนีย์เลื่อนการแสดงโชว์ ‘Domination’ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าพ่อของเธอมีสุขภาพไม่ดี
เธอเคยเขียนเล่าว่า “2-3เดือนก่อน พ่อของฉันเข้าโรงพยาบาลและเกือบเสียชีวิต เราทุกคนซาบซึ้งมากที่เขารอดออกมาได้” ฉันต้องตัดสินใจที่ยากลำบากที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวของฉันอย่างเต็มที่ในเวลานี้ “
เพียง 2-3 วันหลังจากที่ยกเลิกการแสดงโชว์ มีคนเห็นบริทนีย์ขับรถในแอลเอ เงื่อนไขอย่างนึงของการมีผู้ดูแลของเธอคือเธอจะขับรถเองไม่ได้ และยังไม่เคยมีใครเห็นเธออยู่หลังพวงมาลัยเลยมาตั้งแต่ปี 2008
เธอหายหน้าไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นมีการเปิดเผยว่า พ่อของเธอพาไปอยู่ที่สถานบริการสุขภาพจิตโดยไม่เต็มใจ
และนี่คือช่วงที่แฮชแท็ก #FreeBritney ถือกำเนิดขึ้น
ข้อแรกเลย ในเดือนมีนาคม พ่อของบริทนีย์กลายเป็น ‘ผู้ดูแล’ เพียงคนเดียวหลังจากทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ลาออกจากการเป็นผู้ดูแลร่วมของเขา
ในเดือนเมษายน ผู้ช่วยทนายความที่เคยทำงานด้วยคนนึงออกมาอ้างว่าบริทนีย์หยุดกินยาของเธอขณะฝึกซ้อมโชว์ Domination และเจมี่พ่อของเธอก็เรียกร้องให้เธอกลับไปแสดงโชว์ต่อ มิฉะนั้นเขาจะยกเลิกโชว์ทั้งหมด เมื่อเธอปฏิเสธเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนยกเลิกโชว์และพาเธอไปอยู่ที่สถานบำบัด
#FreeBritney เริ่มได้รับความนิยมและ ลินน์ สเปียร์ส แม่ของเธอก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่บอกว่าบริทนีย์ ถูกควบคุมโดยความไม่ประสงค์ของเธอ บริทนีย์ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเคลียร์ข้อกล่าวหาว่าเธอนั้น“ควบคุมไม่ได้” เธอขอเวลาจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในแบบของเธอเอง
ในเดือนพฤษภาคม บริทนีย์และครอบครัวของเธอไปขึ้นศาลเพื่อประเมินรายปีของการเป็น ‘ผู้ดูแล’ของเธอ ในขณะที่แฟนๆ ออกมาประท้วงข้างนอกศาลโดยถือป้าย “Free Britney” ข่าวว่าเธอพยายามขอร้องให้ผู้พิพากษา “พิจารณายุติ” การมี ‘ผู้ดูแล’
ผลสรุปคือ.. ผู้ดูแลจะยังคงต้องมีต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้จัดการที่รู้จักกันมานานของเธอบอกกับสื่อ TMZ ว่าเขาคิดว่าเธอ “จะไม่แสดงอีก”
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันอยากให้เธอหาที่ที่สงบและมีความสุข ไม่ว่านั่นจะมีความหมายว่าอะไรสำหรับเธอ” เขากล่าว “มันไม่เกี่ยวกับอาชีพอีกต่อไป – มันเกี่ยวกับชีวิต”
ในเดือนกันยายน บริทนีย์และอดีตสามีของเธอ เควิน เฟเดอร์ไลน์ ซึ่งเป็นพ่อของลูกๆ ได้บรรลุข้อตกลงการดูแลบุตรฉบับใหม่ ซึ่งหมายความว่าเธอได้สิทธิ์การดูแลบุตร 30 เปอร์เซ็นต์ (โดยไม่ต้องมีคนมาดูแล) ของฌอน วัย 13 ปีและจาเดน วัย 12 ปี ในขณะที่เควินได้รับสิทธิ์ 70 เปอร์เซ็นต์
ไม่นาน เฟเดอร์ไลน์ได้ยื่นคำขอในนามของลูกชาย ให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้เจมี่ (คุณตา) เข้าหาเด็กๆทั้งสองโดยเขาอ้างว่าเจมี่ทำร้ายพวกเขา ศาลได้อนุมัติสั่งห้ามตามคำขอ
ไม่นานหลังจากข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงควบคุมตัวและคำสั่งห้าม เจมี่ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้ดูแลของบริทนีย์ชั่วคราว โดยกล่าวถึงปัญหาด้านสุขภาพ จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2020 โจดี้ มองกอเมอรี่ผู้จัดการของบริทนีย์ได้รับการอนุมัติให้มารับฐานะผู้ดูแลชั่วคราวแทนพ่อของเธอ แต่เจมี่ก็ยังคงรักษาการควบคุมทางการเงินของเธออยู่ดี
ในช่วงปลายปี 2019 และต้นปี 2020 ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นว่า Instagram ของ Britney กลายเป็นสถานที่แปลกๆ เธอโพสต์วิดีโอจำนวนมากเกี่ยวกับการเต้นของเธอ เดินไปรอบๆ บ้านของเธอ และเพียงแค่โพสท่าอยู่หน้ากล้อง
มันอาจไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆคาดหวังจากดาราเพลงป็อปที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะวิดีโอคริสต์มาสที่แปลกประหลาดถูกโพสต์พร้อมคำบรรยายใต้ภาพว่า “ไม่มีเหตุผลใดที่คุณจะต้องแสดงความคิดเห็นที่หยาบคายและกลั่นแกล้งผู้คน”
อย่างไรก็ตาม บริทนีย์สามารถใช้ชีวิตในฐานะแม่และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มีช่วงเวลาที่ดี เธอออกเดทกับแซม แอสการี (Sam Asghari) เทรนเนอร์ส่วนตัวมาตั้งแต่ปี 2016 และดูเหมือนเธอจะมีความสุขกับเขาจริงๆ
.
ต้นปี 2020
ในเดือนมกราคมบริทนีย์พูดใน Instagram Story ว่าอิสรภาพมีความสำคัญต่อเธอเพียงใด
ในช่วงเวลานี้ เธอได้ยื่นคำร้องอีกครั้งต่อศาลให้ยกเลิกการมีผู้ดูแลของเธอ และกำหนดการพิจารณาคดีอย่างเต็มรูปแบบจะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2020
ในเดือนมีนาคม แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Us Weekly ว่าเธอปฏิเสธที่จะทำดนตรีอีกเพื่อเป็นการประท้วงต่อผู้ดูแลของเธอ
ในช่วงต้นเดือนมีนาคม เจย์เดนลูกชายของเธอไปโวยวายใหญ่ใน Instagram Live ซึ่งเขาเรียกเจมี่ คุณตาของเขาเองด้วยคำพูดที่หยาบคายและแสดงความคิดเห็นว่าแม่บริทนีย์คงไม่ทำเพลงใหม่อีกแล้ว
เมื่อเจย์เดนถูกถามว่าบริทนีย์อยู่ภายใต้การดูแลของเจมี่หรือไม่ เขาตอบว่า “ผมไม่รู้” แต่เมื่อคนอื่นเขียนว่า “ช่วยแม่ของคุณให้เป็นอิสระด้วย” เจย์เดนตอบว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพยายามทำ”
ศาลได้ออกคำสั่งให้บริทนีย์อยู่ภายใต้ผู้ดูแลต่อถึงสิ้นเดือนสิงหาคม การขยายเวลาเกิดขึ้นเนื่องจากศาลถูกปิดศาลในช่วงระบาดของโควิด19
บริทนีย์ยังหวังที่จะเริ่มต้นครอบครัวกับแฟนหนุ่มแซม แต่เจมี สเปียร์ส ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
“Britney บอกผู้สอบสวนภาคทัณฑ์เมื่อปลายปีที่แล้วว่าเธอต้องการมีลูก” แหล่งข่าวบอก Us Weekly เท่านั้น “พ่อของเธอมักจะต่อต้าน Britney ที่กำลังตั้งครรภ์”
กลางปี 2020
สืบเนื่องจากการล็อกดาวน์โควิด19 ในอเมริกาที่กินระยะเวลายาวนานหลายเดือน มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น
ในเดือนพฤษภาคม แฟนๆ ของเธอเริ่มเคลื่อนไหวโซเชียลมีเดียเพื่อสตรีมและซื้ออัลบั้มที่ชื่อ Glory ในปี 2016 ของเธอ ซึ่งส่งผลให้ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ต iTunes แม้จะเป็นอัลบั้มเก่าอายุ 4ปีก็ตาม
บริทนีย์ออกมาพูดอย่างซาบซึ้งกับแฟนๆของเธอว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะคุณ ฉันจึงมีวันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เธอกล่าวในข้อความวิดีโอ
ในช่วงกักตัว บริทนีย์มักจะอัพไอจีและTikTok โดยถ่ายวิดีโอจำนวนมากในบ้านของเธอ ถึงจะดูแปลกๆแต่ก็ไม่มีมครรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
เนื่องจาก TikTok เต็มไปด้วยวัย Gen Z ที่ไม่รู้จักเธอดี บริทนี่ย์จึงถูกแสดงความคิดเห็นเยาะเย้ยเป็นจำนวนมาก และยังมีกลุ่มคนคุยเรื่องสภาวะสุขภาพจิตของเธอด้วย
ในเดือนกรกฎาคม บริทนีย์ตอบโต้ผู้คนที่ล้อเลียนการเต้นของเธอ รวมถึงทิมบาแลนด์ นักดนตรีที่เธอเคยทำงานด้วย
ทางด้านคดีความ มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในคดีผู้ดูแลของบริทนีย์ ในเดือนกรกฎาคม ลินน์ สเปียร์ส แม่ของเธอขอให้เธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเงินของลูกสาว เธอยืนยันว่าเรื่องการเงินของบริทนีย์ควรถูกควบคุมดูแลโดยสถาบันการเงินบุคคลที่สาม
ในเดือนเดียวกันนั้น ไบรอัน สเปียร์ส น้องชายของบริทนีย์เปิดเผยว่าบริทนีย์ ต้องการยกเลิกการมีผู้ดูแลของเธอและต้องการอิสระ
“เธออยากจะหนีจากมันมาโดยตลอด” ไบรอันกล่าว “มันน่าหงุดหงิดมากที่มีผู้ดูแล ไม่ว่าใครจะมาช่วยเหลืออย่างสงบหรือเข้ามาด้วยทัศนคติ การมีคนบอกให้คุณทำบางสิ่งอยู่ตลอดเวลาคือความน่าหงุดหงิด
เจมี่ พ่อของบริทนีย์เปิดเผยว่าเขาเริ่มเบื่อกับขบวนการ #FreeBritney
เจมี่พูดกับสื่อ Page Six ว่าความพยายามที่จะเห็นจุดจบของ ‘ผู้ดูแล’ ในทางกฎหมายที่มีมายาวนาน 12 ปีของเธอ “เป็นเรื่องตลก” โดยกล่าวว่าผู้ประท้วงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังม่าน เขากล่าวกับสื่อว่า “มันขึ้นอยู่กับศาลที่จะตัดสินว่าอะไรดีที่สุดสำหรับลูกสาวของฉัน มันไม่ใช่เรื่องของคนภายนอก”
เจมี่ ลินน์ น้องสาวของบริทนีย์มีความรู้สึกคล้ายกันกับพ่อของเธอ และเธอก็เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของบริทนีย์มาตั้งแต่ปี 2018
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2020 บริทนีย์บอกกับศาลว่าเธอต้องการถอดพ่อของเธอออกจากการเป็นผู้ดูแล ‘เพียงคนเดียว’ ของเธอ แต่ก็ไม่เป็นไรหากยังคงต้องมีผู้ดูแลไว้เหมือนเดิม
“บริทนีย์ไม่เห็นด้วยกับพ่อของเธอที่ยังคงเป็นผู้ดูแลมรดกของเธอต่อไป” เอกสารของศาลระบุ “เธอต้องการอย่างยิ่งที่จะได้รับความไว้วางใจจากองค์กรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อทำหน้าที่นี้”
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ เจมี่ได้ขอให้เขากลับคืนสถานะเป็นผู้ดูแลพร้อมกับทนายความแอนดรูว์ วอลเล็ต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ร่วมก่อนที่จะลาออกเมื่อปีที่แล้ว
ในคำร้อง เจมี่ขอให้ “มีอำนาจในการรับเอกสารและบันทึกทั้งหมด” ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของลูกสาว เช่น บัตรเครดิต ใบแจ้งยอดธนาคาร และเอกสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในการยื่นฟ้องยังเปิดเผยว่าบริทนีย์มีสินทรัพย์เงินสด 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85 ล้านบาท) และสินทรัพย์อีกที่ไม่ใช่เงินสดอีกประมาณ 57.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,825 ล้านบาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2019
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แคมเปญโซเชียลมีเดีย #FreeBritney ถูกเผยแพร่เป็นอย่างมาก
คำวิงวอนของบริทนีย์ ที่จะให้พ่อของเธอถูกถอดออกในฐานะผู้ดูแลเพียงคนเดียวดึงความสนใจของสหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน (ACLU) ซึ่งเอื้อมมือเข้าไปช่วยเธอ
“คนพิการมีสิทธิที่จะดำเนินชีวิตด้วยตนเองและรักษาสิทธิพลเมืองของตน” ACLU กล่าวในทวีตขณะที่พวกเขาแชร์ลิงก์ไปยังบทความเกี่ยวกับคดีนี้ “หากบริทนีย์ สเปียร์สต้องการฟื้นเสรีภาพพลเมืองของเธอและออกจากการมีผู้ดูแล เราพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ”
ในการพิจารณาคดีในศาลเมื่อเดือนตุลาคม ทนายความของบริทนีย์เปรียบเทียบสภาพจิตใจของเธอกับสภาพของผู้ป่วยที่โคม่า
เขาบอกผู้พิพากษาว่าบริทนีย์ไม่ต้องการแสดงอีกต่อไป แม้ว่าพ่อของเธอจะยืนยันว่าเธอได้ฟื้นอาชีพการงานของเธอแล้วก็ตาม
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม มีการตัดสินว่าผู้ดูแลของบริทนีย์จะขยายเวลาออกไปจนถึงอย่างน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 และในวันที่ 10 พฤศจิกายน ผู้พิพากษาปฏิเสธคำขอของบริทนีย์ให้ถอดเจมี่ออกจากการเป็นผู้ดูแล
.
กุมภาพันธ์ 2021
ในระหว่างการพิจารณาคดีผู้ดูแลของบริทนีย์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้สั่งให้เจมี่ยังคงเป็นผู้ร่วมดูแลมรดกของลูกสาวเขาร่วมกับบริษัทเบสเซเมอร์ ทรัสต์ แม้ว่าเขาจะขอเรียกร้องให้เป็นผู้ดูแลเพียงคนเดียวแล้วก็ตาม
ผู้พิพากษาเบรนดา เพนนี กล่าวปราศรัยต่อศาลว่า จุดประสงค์ของคำสั่งนี้คือให้ทั้งเจมี่และเบสเซเมอร์ “มีการแบ่งความรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะนั่งลงและคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเรื่องทั้งหมด”
บริทนีย์ได้ขอให้ถอดพ่อของเธอออกจากตำแหน่งผู้ดูแลในเดือนพฤศจิกายน เธอต้องการให้บริษัทเบสเซเมอร์ ทรัสต์ รับผิดชอบทรัพย์สินของเธอแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้พิพากษาก็ปฏิเสธคำขอนั้นเช่นกัน
ถ้ามองจากคนนอก เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของบริทนีย์ และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยุ่งเหยิงจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเจ้าหญิงเพลงป็อปแห่งยุค 2000 ในใจเราเสมอ
.
เมษายน 2021
ผู้พิพากษาศาลสูงแห่งลอสแองเจลิส เบรนดา เพนนีประกาศว่าบริทนีย์พร้อมที่จะขึ้นศาลเป็นการส่วนตัวเพื่อจัดการกับข้อขัดแย้งของเธอ
กำหนดการดังกล่าวจะมีขึ้นเพื่อให้บริทนีย์แสดง “สถานะของผู้ที่ดูแลตัวเอง” และจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะพูดในที่สาธารณะเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อถอดพ่อของเธอออกจากตำแหน่งผู้พิดูแล
.
23 มิถุนายน 2021
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน บริทนีย์ปรากฏตัวต่อหน้าศาลและอ้อนวอนขอให้เธอถอดความเป็นผู้ดูแลของพ่อที่ “กดขี่และควบคุม” ออก
ในการไต่สวน บริทนีย์เรียกผู้ดูแลของเธอว่า “เธอเป็นผู้ถูกกระทำ” และประณามพ่อของเธอและคนอื่นๆ ที่มีสิทธิ์ควบคุมในอีกหลายๆเรื่องของเธอ
“ฉันสมควรที่จะมีชีวิต”
บริทนีย์บอกว่า เธอต้องการแต่งงานกับแซม แฟนหนุ่มของเธอและมีลูกกับเขา แต่ภายใต้การดูแลของเธอในปัจจุบัน เธอไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ เธอยังเผยอีกว่า ท่ามกลางการกล่าวอ้างที่สร้างความรำคาญใจอื่นๆ รวมถึงการเปรียบสภาพตัวเอง ว่าเป็นเหมือน “ทาส” นอกจากนี้เธอยังถูกบังคับให้กินยาคุมกำเนิดอีกด้วย
คดีความนี้ยังไม่ถึงสิ้นสุด คงต้องติดตามเรื่องราวของบริทนีย์กันต่อไป ว่าเธอจะสามารถคว้าอิสระของตัวเองคืนมาได้มั้ย ยังไง เราก็ขอเป็นกำลังใจให้บริทนีย์ด้วยแล้วกัน #FreeBritney
Credit Image: Instagram/britneyspears