ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Art

อาร์ติสท์สาววัย 26 คนนี้ เธอมีชีวิตอยู่กับ Abstract Art



ที่มาจากฝันในวัยมัธยมปลาย!!

ขนุนอินบ็อกซ์มาหาเราพร้อมกับภาพงานอาร์ตของเธอ ไม่มีรูปหน้าเต็มของขนุนสักรูป เธอมอบงานอาร์ตสไตล์แอ็บสแตร็คสวยๆ เล่าเรื่องราวสั้นๆ มาหาเรา เสียงหวานๆ ดูถ่อมตัวของเธอทำให้เรานึกภาพว่า ขนุนคงเป็นสาวน้อยที่มีโลกแห่งศิลปะที่เธอหวงแหน และคงรักโลกนั้นมากแน่ๆ หัวใจของเธอจะเป็นยังไงนะ คือความสงสัยที่เรามี เพราะภาพของขนุนสวยสว่าง เป็นภาพที่เห็นแล้วจินตนาการว่าคนวาด คงมีหัวใจบอบบาง และแสนจะละเอียดแน่ๆ

ภาพแอ็บสแตร็คท์โทนสีโมโนโทนสว่างๆ ในเกือบทุกรูป ภาพที่มีเท็กซ์เจอร์ ไล่เป็นเลเยอร์ที่แน่นในคอมโพสิชั่นของภาพ เป็นอารมณ์และสไตล์ที่เธอได้ปาดฝีแปรงลงไป จากสาวน้อยในวัยมัธยมปลายที่รู้จักตัวเองชัดตั้งแต่วันนั้น “รู้ตัวว่าอยากเรียนด้านศิลปะมาตั้งแต่ม.4 ตอนที่ได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา โลกแห่งศิลปะกว้างมาก บอกแม่ทันทีว่าจะเรียนศิลปะนะ” เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เลือกชัดตรงกับหัวใจแล้ว

ขนุนมุ่งมั่นสุดตัว เธอรู้ว่าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนตรงด้านนี้เท่านั้น เธอชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว โลกกว้างตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอชอบ มันเกิดเป็นงานได้นี่นา ขนุนฝึกตัวเองหนักมากๆ เธอเรียนพิเศษทุกปิดเทอม นั่งรถโดยสารไปกลับจากบ้านแถวบางนา ไปเรียนที่ปิ่นเกล้าทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น

“เราเชื่อว่าต้องฝึกให้หนักเท่านั้นถึงจะเรียนที่อยากเรียนได้”

ขนุนรู้ตัวว่าเธอไม่ได้วาดรูปโดดเด่นขนาดนั้น แต่เธอมุ่งมั่น ตรงชัด เธอเลยต้องฝึกเท่านั้น และเธอไม่สนใจคณะอื่นใดนอกจาก Fine Art

ในที่สุดเธอก็สอบเข้าได้ทั้งมหาวิทยาลัย ศิลปากร และได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ของศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขนุนเลือกเข้าที่จุฬาฯ และหลังจากนั้นเธอก็ก้าวเข้าสู่โลกกว้างแห่งศิลปะแล้ว “พอมันมีเป้าหมาย เราก็แค่อยากไปให้ถึง ไม่คิดว่าตัวเองจะมุ่งมั่นขนาดนี้นะ คนอื่นอาจไปเรียนดีไซน์ แต่เราคิดว่ามันต้องจิตรกรรมนี่ล่ะ ต้องดิบๆ หน่อยนี่ล่ะ”

จริงๆ ความมั่นใจเรื่องศิลปะของเธอ มาจากการที่ขนุนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกานะ การวาดรูปที่เธอคิดว่าธรรมดาของเธอที่เมืองไทย แต่พอไปถึงที่นั่นกลับกลายเป็นว่า เธอทำได้ดีกว่าเพื่อนๆ ครูที่นั่นเลยสนับสนุน ทำให้ขนุนมั่นใจ พอมั่นใจเธอก็คิดว่าต้องทำได้สิ แล้วพื้นฐานต้องแน่นถึงจะดี สไตล์การเรียนที่นั่งไม่เครียด ไม่กดดัน เลยทำให้เธอมองศิลปะเป็นเพื่อนที่ตรงกับใจได้

พอได้เข้ามาเรียนจริงในมหาวิทยาลัย ขนุนเลือกงานอาร์ตสไตล์ Abstract เป็นหลัก ขอสื่อสารศิลปะให้ตรงกับหัวใจเข้าไปอีก “โชคดีที่มีอาจารย์ดี แกทำงานสไตล์ Abstract อยู่แล้ว แต่เราต้องเรียนพื้นฐานให้ครบนะ ทั้งวาดรูป ปั้น ภาพพิมพ์ ถ่ายรูป” จนเธอมาเลือก Abstract Painting นี่ล่ะ เป็นงานเด่นของเธอ เธอใช้เวลาค้นหาตัวเองประมาณหนึ่งก่อน ถึงปักแปรงมาทางนี้เต็มตัว

งานอาร์ตแรกๆ ของขนุนจะเป็นแนวภาพธรรมชาติๆ

“เราเริ่มจากงานแนวที่เป็นภาพรวมๆ กับคำว่าธรรมชาติ แล้วก็มีแทรกความไม่แน่นอนของธรรมชาติเข้าไป เราใส่อารมณ์เข้าไปในงาน การใส่อารมณ์ก็คือฝีแปรงและสีนี่ล่ะ”

แต่อาร์ติสท์ทุกคนมักมีวิวัฒนาการในงานของตัวเอง งานแรก กับงานสุดท้ายมักออกมาคนละทางเลย ขนุนเองก็เหมือนกัน งานแรกๆ ของเธอเริ่มมาจากงานที่ใช้สีค่อนข้างแรง “มันมีงานชุดแรกๆ ที่เรียน เราจะใช้สีดำ ม่วง เหลือง จะค่อนข้างรุนแรง คนที่ดูงานอาร์ตของเรา เขามาดู เขารู้เลยว่ามันเต็มไปด้วยความกดดัน ความรุนแรง เพราะแปรงมันแรงและชัดเจนมาก” ความสนุกในการดูงานศิลปะก็คือ การตีความของคนดูเวลาเห็นงานของอาร์ติสท์ หัวใจใครจะสัมผัสงานของใครได้เพียงไหน งานของขนุนแรกๆ เธอทำรูปเกี่ยวกับธรรมชาติของภูเขา มีความตัดกันของอารมณ์ เป็นความสว่างของแสงแดดกับเงามือ เลยเป็นสีเข้มกับอ่อน ขัดแย้งกันอยู่ในภาพ                                  

หลังจากที่ขนุนเรียบจบ ก็ถึงเวลาที่เธอจะปล่อยของในความเป็นตัวเองอย่างอิสระแล้ว ขนุนทำงานกับตัวเองในฐานะอาร์ติสท์แนว Abstract เต็มตัว ตลอดเวลาที่เธอฝึกฝนตัวเองมาตั้งแต่สิบกว่าขวบ จนถึงวันนี้ งานที่ใครๆ เคยมองว่าแรง ขนุนได้กล่อมเกลาจิตวิญญาณ และสกิลล์จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ในภาพของเธอขึ้นมา “พอเราออกจากห้องเรียน มันค่อนข้างอิสระ ความชอบของเราเลยชัดขึ้น เราชอบความกลางๆ ไม่ต้องโดดเด่น ไม่ต้องสะดุดตาใคร คือความสบายใจมากกว่า”

งานคอลเล็คชั่นแรกๆ ของขนุนเป็นภาพสไตล์สีอ่อนๆ สว่างๆ โทนสีพาสเทล เธอได้แรงบันดาลใจมาจากเวลาไปเห็นบ้านเมืองของประเทศต่างๆ

“ตอนไปอิตาลีจะได้สีพาสเทลสวยๆ ของบ้านเขา และพอไปเดนมาร์ก ทุกอย่างเย็นๆ จืดๆ”

ขนุนหยิบจับสีที่เห็น การแต่งตัวของผู้คนมาใส่ในงานของเธอ เข้ากับหัวใจของเธอที่มีความสงบอยู่ในนั้น

ภาพแอ็บสแตร็คท์ที่ดูเหมือนไม่ต้องวาดรูปอะไรลงไป ความจริงแล้วเรื่องของกระบวนการทำงาน ก็ซับซ้อน และใช้ความอดทนที่ต้องอยู่กับอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุดด้วยอย่างมาก “ตอนทำงานจะเริ่มจากสเก็ตช์ก่อน ทำเยอะเลยขั้นตอนนี้ ทำเป็นสีน้ำเอาไว้ เป็นภาพในหัวว่าจังหวะประมาณนี้นะ แล้วก็เลือกจังหวะที่เราชอบ พอเริ่มลงแปรงก็จะใส่อารมณ์เพิ่มเข้าไป เราต้องใส่ตัวเองไปในนั้นด้วย”

ขนุนบอกว่าที่ต้องสเก็ตช์ภาพก่อน ก็คือการสร้างองค์รวมเพื่อไม่ให้หลุด นี่คือความสำคัญมากของการเพ้นท์แอ็บสแตร็คท์ “เราคิดว่าโครงสร้างไม่แน่นก็อาจจะหลุดได้ ความเป็นแอ็บสแตร็คท์ คนอาจคิดว่าแค่ปาดๆ ก็ได้ แต่เราเคยลองมาแล้ว รู้ว่ามันยังไม่ถึง มันจะมีรูปทรง เส้นสี ขอบเขต แล้วเวลาเราทำจะไม่หลุด ตอนทำสีแต่ละเลเยอร์ เราจะเพิ่มชั้นสีอิสระตามความรู้สึกเรา เราไม่รู้ว่าภาพสุดท้ายจะชัดเจนขนาดไหน แต่รู้ว่าคร่าวๆ เป็นแบบนี้ล่ะ”

และความยากคือการที่ภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อาร์ติสท์จะใส่การซ้อนทับขึ้นให้เป็นสีหนาๆ นูนๆ “เราใช้สีน้ำมัน ใช้สีเยอะมาก แล้วจะใช้เวลาในการแห้งนาน ทำเลเยอร์หนึ่งต้องรออีกอาทิตย์ถึงจะมาเติมอีกเลเยอร์ได้ เราอยากทำให้เสร็จในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่งั้นอารมณ์จะหลุด เลยต้องมีสมาธิกับภาพให้นานที่สุดด้วย

เป็นเพราะความนิ่งของใจ และความมุ่งมั่นที่ทุ่มเทมาเป็นสิบปีของขนุน งานของเธอเมื่อเพนท์เสร็จแล้ว ใครที่เห็นจะรู้สึกว่าภาพของเธอ ไม่ใช่อาร์ติสท์อายุ 26 ทำ เหมือนกับว่าต้องผ่านประสบการณ์มานานกว่านั้น คนดูภาพเธอแทบจะทายไม่ถูกกันว่าเธออายุเพียงเท่านี้ และพอเธอให้แกเลอรี่ตีราคาภาพของเธอ สาวน้อยคนนี้สามารถสร้างงานที่มูลค่าหลักแสนได้ในแต่ละภาพ เธอขายภาพของเธอให้กับคนรักศิลปะได้อย่างต่อเนื่อง จนขนุนเก็บเงินให้ตัวเอง เตรียมตัวไปเรียนต่อในอนาคตได้เรียบร้อยแล้ว

ขนุนแพลนว่าเธอจะต้องไปหาครูที่ช่วยแนะนำงานของเธอ ขนุนอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เธอคิดว่ายังก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้อีก และไม่อยากให้ชีวิตอยู่ในคอมฟอร์ทโซนเกินไป “อยากออกไปเจอคนมากขึ้น อยากทดลองทำงานคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ไม่อยากให้งานกลวง การเปลี่ยนรูปแบบงานคือคุณค่าในตัวศิลปินเหมือนกันนะ ใครจะรู้สึกยังไงแล้วแต่ แต่ถ้าเขาแฮปปี้กับตัวเอง ก็โอเคแล้ว”

สาวน้อยคนนี้เตรียมตัวจะไปค้นหาลิมิตของเธอต่อไปในโลกกว้าง ครูจะช่วยงัดอินเนอร์ของเธอออกมาสาดได้ เพราะสุดท้ายแล้วขนุนบอกว่า “เราทำงานศิลปะก็เพื่อตัวของเราเองนะ” ความพอใจอยู่ในสิ่งที่ตัวเธอเท่านั้นเป็นคนตัดสิน และขนุนเป็นผู้หญิงที่เชื่อเสมอว่า “เราต้องไปต่อได้อีกสิ” นั่นคือความหมายของการทำงานของเธอด้วย

ติดตามงานของขนุน ชรัณธันย์ ธนโชติปรมัตถ์ ได้ที่ www.charannatan.com Instagram: @char.t

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']