เปิดตัว 3 ไอเท็มเมคอัพสุดเริ่ดจาก IN2IT  ที่คลีโอรักมาก

ถ้าให้พูดถึงไอเท็มเมคอัพที่ใช้ยังไงก็ไม่เบื่อ หยิบมาใช้ตอนออกงานก็สวยแพง ใช้ในวันรีบ ๆ ก็สวยเป๊ะ ใช้ตอนไหนก็ได้ลุคสวยทุกครั้ง คลีโอขอยกให้แบรนด์ IN2IT เป็นแบรนด์ขึ้นหิ้งของเมคอัพราคาน่ารักแต่คุณภาพเกินต้าน ยิ่งตอนนี้เดินทางมาถึงเทศกาล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 คลีโอก็ไม่พลาดมอบรางวัลให้ IN2IT ไปอีกปี รอบนี้คว้ามงไปจุก ๆ 3 ชิ้น บอกเลยว่าทุกชิ้นที่ให้รางวัล คลีโอรักมากกก และอยากแชร์ต่อจริง ๆ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย 

สนุกให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง เพิ่มความมั่นใจใต้วงแขนด้วยไอเท็มสุดเริ่ดจาก Ri en 

มีใครเป็นสายฟรีสปิริตแบบเราบ้าง จะทำอะไรก็ต้องทำให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง ลุย ๆ พร้อมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะปาร์ตี้ ทำกิจกรรม หรือเที่ยวในแบบที่ต้องการ แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งสำคัญที่สาว ๆ อย่างเราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือเรื่องผิวใต้วงแขนนั่นเอง เพราะถ้าหากผิวบริเวณนั้นดำคล้ำ หรือมีกลิ่น ไม่เนียนสวย ก็อาจทำให้ความมั่นใจหรืออินเนอร์ความกล้าของเรานั้นหายไปด้วยได้เช่นกัน แต่วันนี้ คลีโอมีไอเท็มดูแลผิวใต้วงแขนจากแบรนด์ลูกรักอย่าง Ri en มาฝาก แอบกระซิบว่าเป็นไอเท็มที่เราใช้มาตลอด และก็มอบรางวัล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 ให้ด้วยนะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังว่ามันเริ่ดยังไง




Relationship

คน 5 แบบนี้ที่ไม่อินกับการ เข้าสังคม นี่คือปัญหาไหมนะ



มันมีคนแบบที่ชอบ เข้าสังคม ชอบมากที่ได้อยู่กับมนุษย์ สนุกกับปาร์ตี้ หรือแค่นั่งเม้ากันในร้านกาแฟก็จอยแล้ว แต่ในทางตรงข้ามก็มีบ้างคนที่ขออยู่คนเดียว เพื่อนก็จะต้องคอยห่วงว่าเหงาไหม เป็นอะไรบอกได้นะ นึกถึงเด็กที่แยกตัวออกจากเพื่อนทั้งกลุ่ม แค่ฟังดูก็รู้ว่าคนทั้งโลกเริ่มเป็นห่วงเธอแล้วแหละ

ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยา Juliie Bowker และเพื่อนร่วมงานของเธอมีความเชื่อว่า สังคมควรให้ความสำคัญกับคนที่พยายามจะเลี่ยงสังคม เอ๊ะยังไงนะ? พวกเธอมีเหตุผลว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนกัน มีปัญหาเดียวกัน หรือแม้แต่ว่าจะมีปัญหาทุกคน

จากงานวิจัยเมื่อปี 2017 ได้มีการโฟกัสคนสามประเภทที่เลี่ยงสังคมด้วยเหตุผลสามประการ และยอมรับว่าอาจจะมีอย่างน้อยอีกหนึ่งประเภทที่ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในงานวิจัยนี้ 

คนสามแบบที่ไม่อินกับการเข้าสังคมเลย

1.คนขี้อาย มักจะเป็นประเภทที่ว่า ไม่จอยกรุ๊ปใดใดทั้งนั้น ใครชวนไปไหนไม่ค่อยไป เพราะไม่อยากเจอคนเยอะ เขิน!

2.เลี่ยงคน ไม่ไปดีกว่า ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากอึดอัด

3.แค่ไม่อยากพบปะผู้คน 

ซึ่งคนแบบที่สามนี่ไม่ได้น่าห่วงเขาเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ปัญหาในแบบเดียวกับ คนขี้อายที่อาจจะอยากพบปะผู้คนก็ได้นะ ติดที่ขี้อาย หรือคนที่เลือกจะเลี่ยงเจอมนุษย์ไปเลย เพราะไม่ชอบมนุษย์ ขอเลี่ยงคนจะดีกว่า

จากนั้นผู้ทำวิจัยก็ได้ทำการเจาะลึกลงไปในนิสัยด้านลบทั้ง 4 ด้านที่อาจจะนำไปสู่คนปฏิเสธสังคมรูปแบบอื่นๆ ได้ เช่น คนที่อารมณ์รุนแรงและใช้พลังส่งความรุนแรงนั้น, คนที่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ใครไม่แคร์ ฉันก็ไม่แคร์คนๆ นั้นเหมือนกัน, วิตกกังวลง่าย กลัวที่จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ และไม่สนิทกับใครมากเกินไป เป็นเพื่อนกับทุกคนเท่าๆ กัน และนิสัยด้านดีก็น่าสนใจเช่นกัน คือคนทำงานสร้างสรรค์ ที่ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ

และยังได้มีการประเมินระบบจิตวิทยาที่ครอบคลุมสองระบบที่ต่างกันสุดขั้ว แต่สอดคลองกับผู้ที่มีแนวโน้มจะพุ่งเข้าหาสิ่งที่เขาสนใจและเลี่ยงสิ่งที่ไม่ชอบไปไกลๆ เลย

ระบบที่กระตุ้นพฤติกรรม : คนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีเป้าหมาย และพร้อมจะมุ่งเข้าไปแม้จะมีอะไรมาขวางกั้น พร้อมทำอะไรใหม่ๆ ที่คาดเดาได้ว่าอาจจะน่าสนใจ

ระบบที่ยับยั้งพฤติกรรม : เป้าหมายก็คือเลี่ยง เลี่ยงอะไรที่คิดว่าไม่น่าจะดี ไม่น่าจะสนุกหรือน่าสนใจ สิ่งที่ทำให้รู้สึกกังวลว่าทำแล้วอาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้

กลับมาที่คนทั้งสามแบบที่ไม่อินกับการเข้าสังคมเท่าไหร่ ทำไมคนสามแบบนี้ถึงถูกยกขึ้นมา นักวิจัยได้ทำการเจาะคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนทั้งสามแบบ และพวกเขามีอะไรเหมือนกันบ้าง

คนขี้อาย

เข้าสังคม

พวกเขากังวลที่จะต้องกังวล และกลัวที่จะต้องรู้สึกกลัว มีแนวโน้มว่าจะใช้การลงไม้ลงมือมากกว่าคนที่ไม่ได้ขี้อายเท่าไหร่และมีเปอร์เซนต์สูงที่จะเป็นคนที่ใช้ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ เช่น เพื่อนไม่ชวน ก็อิกนอร์เพื่อนกลับ แกไม่ชวนฉัน ฉันไม่ชวนแก ไม่ค่อยมีความสุขกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ง่ายๆ ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ยังเลี่ยงบางสิ่ง ไม่ค่อยคว้าสิ่งที่เป็นเป้าหมาย

นักหลีกเลี่ยง

เรียกพวกเขาอย่างนี้แล้วกัน ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงเหมือนกันที่จะใช้กำลัง(แม้จะเล็กน้อยก็ตาม) และมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ไม่จอยไลฟ์ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่คนทั่วไปรู้สึกได้ พวกเขาจะสัมผัสมันได้ยาก ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ และไม่คว้าเป้าหมาย

คนไม่เข้าสังคม

ความแตกต่างคือคนๆ นี้จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าที่จะใช้กำลัง และไม่ค่อยจะมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ อาจจะไม่ค่อยได้แคร์อะไรเยอะ และไฮไลต์เลยคือค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ แต่จะไม่คว้าเป้าหมายหรือพุ่งเข้าไปคว้าในสิ่งที่ต้องการ 

จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่นักวิจัยเรียกว่า ‘คนขี้อาย’ และ ‘นักหลีกเลี่ยง’ พวกเขาคล้ายๆ กัน ดูเป็นคนขี้หงุดหงิดและไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนที่ ไม่ได้ขี้อายหรือขี้หลีกเลี่ยง ความต่างกันคือคนขี้อายจะวิตกกับความวิตกกังวลมากกว่า และความแปลกคือ นักหลีกเลี่ยงจะไม่ได้เลี่ยงสิ่งที่ไม่พึงประสงค์มากเท่ากับคนขี้อาย 

คนไม่เข้าสังคม นี่กลับโดดเด่นขึ้นมาและเหมือนว่าจะมีข้อดี พวกเขาแค่ไม่พุ่งเข้าไปในกลุ่มคน เลือกอีกทางซะ ไม่เลี่ยง ไม่ได้อาย แค่ไม่เฉียดเข้าไป มีความสร้างสรรค์แต่ไม่ได้มีแรงผลักเท่าไหร่ 

แล้วที่บอกว่าคน 5 แบบ อีกสองแบบอยู่ที่ไหน

4.คนที่สังคมปฏิเสธเขา

เข้าสังคม

มันน่าเศร้า แต่เรารู้ว่ามีจริง คือคนที่สังคมหนึ่งไม่ต้อนรับเขาเท่าไหร่ อาจจะเป็นกลุ่มเพื่อนสมัยม.ปลาย หรือกลุ่มเพื่อนที่ทำงานไม่ค่อยคบคนนี้ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง พวกเขาไม่ได้อยากอยู่คนเดียวซะหน่อย แต่ไม่รู้จะไปจอยกรุ๊ปกับใคร ซึ่งในตอนแรกอาจจะไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยก็ได้ แล้วค่อยมามีปัญหาทางจิตใจทีหลังจากการถูกปฏิเสธนี่แหละ หนักด้วย

5.จอยกับการได้อยู่คนเดียว

ชัดเลย คือคล้ายกับคนไม่ เข้าสังคม นะ แต่คนๆ นี้ ‘เอนจอย’ ชอบมากได้อยู่คนเดียว ได้หัวเราะคนเดียว ดูซีรี่ส์ เดินเล่น ทดลองอะไรใหม่ๆ ตามลำพัง ซึ่งอาจจะไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคนนี้มาก แต่บอกได้เลยว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่บวกมากๆ ค่อนข้างเป็นคนเปิดใจทำอะไรใหม่ๆ แต่แค่อยากทำคนเดียวอ่ะ

ยังไงก็ตาม ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นแค่งานวิจัยหนึ่งงานของคนหนึ่งกลุ่ม บอกไม่ได้ว่ามีอะไรจริงแท้ถูกต้องแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเราจะต้องแบ่งกลุ่มคนตามนี้และพวกเขาจะเป็นอย่างนี้เท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนที่ขี้อายทำร้ายคนอื่นอะไรอย่างนั้นนะ เพียงแต่ถ้ารู้สึกว่าเราอยากเจอผู้คน แต่หลบมาตลอดเพราะทำตัวไม่ถูก ค่อยๆ ฝึกไปนะ สังเกตตัวเองดูว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่แฮปปี้กับเรื่องสังคมรึเปล่า และถ้าสังคมปฏิเสธเรา เราแปลกหรือสังคมแปลกกันแน่? หาเพื่อนที่ใช่ให้เจอแล้วแฮงค์เอาท์กับคนที่ใช่ซะ อย่าเครียดเกินไปนะ 

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']