Letters to Juliet เป็นหนังรอมคอมเรื่องหนึ่งที่เราชอบมาก ขอยกเอาไว้ให้ติดอันดับหนึ่งในห้าของหนังเปลี่ยนชีวิตไปเลย เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘โซฟี’ สาวอเมริกันที่ตามคู่หมั้นเชฟไปตามหาวัตถุดิบที่เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี และเธอได้ไปเจอกับกลุ่มนักเขียนที่เรียกตัวเองว่า เลขาของจูเลียต ที่ตามตอบกลับจดหมายทุกฉบับที่ถูกสอดเอาไว้ที่กำแพงบ้านของจูเลียตที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
จนเธอได้ไปเจอจดหมายเก่าแก่ฉบับหนึ่งจากปี 1957 ที่ถูกสอดทิ้งไว้แต่ไม่มีใครมาพบ จนตัวเธอนั่นแหละที่เป็นคนหยิบออกมาครั้งแรกในปี 2010 ด้วยคำถามที่ว่า “เธอจะตามหัวใจตัวเองไปดีไหม?” และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่า 50 ปี เหล่าเลขาของจูเลียตให้โซฟีเป็นคนตัดสินใจว่าจะตอบกลับหรือไม่ และให้เธอเป็นคนตอบจดหมายฉบับนั้นด้วยตัวเอง
และนี่คือข้อความในจดหมายจากโซฟีถึงแคลร์
Dear Claire,
“What” and “If” are two words as non-threatening as words can be. But put them together side-by-side and they have the power to haunt you for the rest of your life: What if? What if? What if? I don’t know how your story ended but if what you felt then was true love, then it’s never too late. If it was true then, why wouldn’t it be true now? You need only the courage to follow your heart. I don’t know what a love like Juliet’s feels like – love to leave loved ones for, love to cross oceans for but I’d like to believe if I ever were to feel it, that I will have the courage to seize it. And, Claire, if you didn’t, I hope one day that you will. All my love, Juliet”
“แคลร์ที่รัก
‘ถ้า’ และ ‘หาก’ เป็นสองคำที่ไร้ซึ่งความคุกคามอย่างที่คำจะเป็นได้ แต่เมื่อเราวางมันเอาไว้ข้างกัน มันจะมีอานุภาพในการตามหลอกหลอนคุณไปชั่วชีวิต ‘ถ้าหาก’ ‘ถ้าหาก’ ‘ถ้าหาก’ ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวของคุณได้ลงเอยอย่างไร แต่ถ้าสิ่งที่คุณรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นรักแท้ มันจะไม่มีวันสายไป ถ้าในตอนนั้นมันเป็นรักแท้ แล้วทำไมในตอนนี้มันจะไม่ใช่เล่า คุณต้องการแค่ความกล้าที่จะทำตามหัวใจ ฉันไม่รู้ว่าความรักของจูเลียตรู้สึกอย่างไร รักที่จะยอมทิ้งผู้เป็นที่รัก รักที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปหา แต่ฉันเชื่อว่าหากฉันได้รู้สึกแบบนั้น ฉันจะกล้าหาญมากพอที่จะคว้ามันไว้ และแคลร์ ถ้าคุณไม่กล้า ฉันก็หวังว่าวันหนึ่งคุณจะกล้าพอ
ด้วยรักจากใจ
จูเลียต”
ขอยกให้ข้อความในจดหมายนี้คืออันดับหนึ่งในดวงใจ มันเหมือนหมัดฮุกที่ซัดลงไปตรงกลางหัวใจ เหมือนทุกความต้องการของหัวใจได้ปลุกให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกล้ารักใครสักคน กล้าลองเสี่ยงตามความฝันไป หรือกล้าทำอะไรก็ตามที่ใจปรารถนา แต่ว่ากลัวมาตลอดว่าจะล้มเหลว …ก็แล้วยังไง ถ้าเรารักใครสักคน หรืออะไรสักอย่างด้วยทั้งหัวใจ เราจะไม่ยอมลงมือทำสักครั้ง เฝ้าดูผลลัพธ์แม้จะไม่ได้อย่างใจ แค่เพราะกลัวจะเจ็บอย่างนั้นหรอ

ขอบคุณจูเลียต
ขอบคุณโซฟี
และขอบคุณแคลร์ ที่เป็นแรงบันดาลใจ ในการยอมข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไปตามหาความรักที่เธอเชื่อว่ามันคือรักแท้ในที่สุด แคลร์เดินทาง(พร้อมกับโซฟีและหลานชาย) ตามหาคนที่เธอรู้แต่ชื่อและจดจำได้แค่ดวงตา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะเจอเขาหรือไม่ และเจอเขาในสภาพไหน เป็นหรือตายจากกันไปแล้ว

อย่าปล่อยให้อะไรเกือบจะสายไปอย่างแคลร์ อย่าให้สุดท้ายเราต้องบอกรักหรือกล่าวขอโทษและขอบคุณใครตอนที่เขาจากไปแล้ว โอกาสในการตามความฝันมีช่วงเวลาของมัน ถ้าคว้าเอาไว้ ทำเต็มที่ ไม่ได้อย่างฝันไม่เป็นไร คนที่ทำสุดหัวใจเท่านั้นจะรู้ว่า นี่แหละ ความรู้สึกนี้แหละที่ใช่ ทำแล้วไม่ติดใจ ไม่เสียดาย ไม่กลับไปนอนถามตัวเองว่า ‘ถ้าหาก’ อีกต่อไปแล้ว
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand