เทรนด์เดท น่ะอัพเดทเรื่อยๆ อยู่แล้ว และไม่ว่าเราจะโสดหรือไม่ ถ้าพอจะสนใจในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ บ้างน่ะก็อาจพอสังเกตได้ว่ามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละสไตล์มีวนผ่านไปและวนกลับมาบ้าง แต่เทคโนโลยีน่ะเข้ามามีส่วนร่วมมากด้วยเหมือนกัน
ในยุคที่แทบไม่มีใครไม่ใช้อินเตอร์เนต ก็คงต้องเคยได้ยินเรื่องของ Dating App มาบ้าง คนอีกส่วนต้องเคยลองโหลดมาใช้ จนในทุกวันนี้มันแทบจะกลายเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้คนโสดยุคนี้ได้เจอคนหลากหลาย นอกวงโคจรของตัวเองบ้าง มันยากมากนะที่จะไปนั่งร้านกาแฟแล้วมีหนุ่ม มีสาว มาทักขอจีบได้มั๊ยครับ เราแทบไม่มีเวลาไปทำแบบนั้นแล้ว ชีวิตที่ทุ่มเทให้กับงาน ทำให้หลายคนหมดโอกาสในการพบเจอคนใหม่ไปโดยปริยาย
Dating App และเรื่องราวในนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่ระบุเอาไว้เลยว่าใช้เพื่อหาคู่นอน หลายคนต้องเผชิญกับ coversation ซ้ำๆ ที่แสนน่าเบื่อ ชื่อ อายุ อาชีพ ย่านที่อยู่ กิจกรรมโปรด และรายละเอียดที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ ในตอนแรกๆ ก็รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มีเสน่ห์ดีนะ คุยกันไปกันมาสักพัก แล้วอาจจะหายจากเกินไปเลย หรือไม่มีวันได้เจอกัน จนช่วงหลังๆ กลายเป็นว่า ถ้าจะมานั่งแชทคุยกันอย่างกับส่งจดหมาย มาเจอหน้าเป็นๆ เลยดีกว่า
เทรนด์เดท ที่เคยคิดว่าดี ตอนนี้พอได้แล้ว
เสน่ห์ของการได้คุยกันผ่านตัวหนังสือน่ะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็โรแมนติกอยู่นะ แต่เรารู้จักกันผ่าน App date ไง! นั่นหมายความว่าเราควรออกเดทกันไหม?! พ้อยต์อยู่ตรงนี้
ลองสังเกตดูว่าหนุ่มที่คุยอยู่ทักมาทุกวัน แต่ไม่มีวันจะชวนเราออกไปดื่มกาแฟหรือดินเนอร์เลยสักครั้ง มันยังไงนะ เรายังอยากเจอเขา ทำไมเขาไม่อยากเจอเรา เหตุผลที่คิดเร็วๆ ได้เลยก็คือ ไม่ได้ชอบเราขนาดนั้น, ไม่ถนัดในการเจอคนที่ไม่สนิท ตัวเป็นๆ หรือมีบางอย่างซ่อนเอาไว้ (แฟนคนปัจจุบันหรือตัวจริงไม่ตรงปก)
ในหนังคริสต์มาสเรื่อง Love Hard น่ะ เป็นตัวอย่างที่ดีได้เลย ขอสปอยล์นะที่นาตาลีหลงรักหนุ่มคนล่าสุดที่เธอเพิ่งเจอในแอปฯ เขาทั้งโรแมนติก สนใจในสิ่งเดียวกับเธอ และหล่อในสไตล์หนุ่มอเมริกันลุยๆ เซ็กซี่สุด! จนเธอยอมบินไปใช้เวลาช่วงฮอลิเดย์กับเขา และพบว่าเขาคือหนุ่มอเมริกันเชื้อสายจีนที่ไม่มีอะไรคล้ายกับที่เธอเห็นในภาพเลย นอกจากว่าเขารู้จักเธอจริงๆ แม้ว่าในตอนจบน่ะลงเอยแฮปปี้ แต่ชีวิตจริง ไม่ใช่หนังรอมคอมค่ะ
ไม่อยากทำลายเวทมนตร์ของแชทเด้ง
อีกหนึ่งความรู้สึกดีๆ ระหว่างที่เราแชทคุยกันไปกันมา มันคือเวลาที่ชื่อคนที่เราชอบเป็นพิเศษ เด้งขึ้นมากลางที่ประชุม ยอมรับสิว่าเธอแอบอมยิ้มและหยุดไม่ได้ ใจเต้น พรีเซนต์แทบไม่รู้เรื่อง และความเชื่อลึกๆ ที่คิดว่าพอเจอกันแล้วมันจะไม่สนุกเท่านี้แล้วมั้ง …มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่เราต้องใช้ชีวิตนะ ทุกความสัมพันธ์ที่จะไปต่อได้ มันต้องพัฒนาได้
พัฒนาความสัมพันธ์ มันคือศิลปะอย่างหนึ่ง
ที่เราจะไม่มีวันเป็นถึงขั้นปรมาจารย์ได้ และล้มเหลวได้ แต่เราจะค่อยๆ มองว่ามันเป็นงานศิลป์ของความสัมพันธ์แทนที่จะเป็นความเฟล
อย่างที่เราบอกว่าคนส่วนใหญ่ใช้ แอปฯ เดท ก็เพื่อไปเดทไงล่ะ เราไม่ได้มาหาเพื่อนแชทคุยเวลาว่าง การสานสัมพันธ์มันไม่สามารถทำได้เพียงแชทคุยกันไปเรื่อยๆ (ก็อาจจะได้ แต่ก็คือได้เพื่อน ไม่ใช่แฟน) ซึ่งอย่างนั้นเราส่วนใหญ่คงไม่ต้องพึ่งแอปฯ เดทหรอก ใช้เฟสบุ๊คแล้วกดเพิ่ม ‘เพื่อน’ ซะตรงๆ ไปเลย
เวลาเราคุยกับใครแล้วพบว่ามันเวิร์คสุดๆ เราเข้ากันได้ดีสุดๆ ไปเลย มันเป็นเหมือนกึ่งภาพลวงตาเหมือนกันนะ เพราะเข้ากันได้ต้องใช้ชีวิตด้วยกันได้ด้วย นอกจากคุยเรื่องเดียวกันแล้ว เวลาว่างก็ควรตรงกันหรือแบ่งเวลาให้กันได้ และไม่รู้สึกอัดอัดใจในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ก่อนจะเสี่ยงเบรคแชททางข้อความแล้วเจอกันตัวเป็นๆ สักครั้ง ระยะเวลาที่ดีที่สุดคือหลังจากผ่านไป 5 วันที่คุยกันถูกคอ เพราะถ้านัดเจอทุกคนเลยก็อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากเจอคนต่อไปอีกแล้ว เทคนิคในการนัดเจอแบบไม่กดดันอาจจะเป็นการคุยกันในเรื่องที่รู้สึกอินมากๆ แต่ขอคุยต่อหน้าได้ไหม มันต้องสนุกแน่ๆ หรือชวนไปลองร้านกาแฟใหม่ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราทั้งสองคน เวลานัดใครสักคนอย่านัดหลวมๆ ระบุวันและเวลา สถานที่ ถ้าเขาไม่ว่างค่อยเผื่อตัวเลือกให้เขา แต่ยังไงก็ไม่ว่างและไม่มีแพลนบีให้เราละก็ NEXT!
แมตช์ตรงกัน แต่ความต้องการอาจจะไม่ตรงกัน
ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไรในการใช้ Dating App เพราะถ้าเป็นฝ่ายเราเองที่อยากจะแชทคุยกับผู้คนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พัฒนาหรือสานสัมพันธ์ใดๆ เพิ่มเติม การส่งข้อความก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร นอกจากว่าถ้าเจอคนที่อยากจะเจอตัวจริงบ้าง เขาอาจจะหายไปจากชีวิตเรา ก็โทษเขาไม่ได้ แต่แล้ววันหนึ่งเราอาจจะพบว่าการเริ่มบทสนทนาใหม่กับคนใหม่เรื่อยๆ เริ่มทำความรู้จักผู้คนใหม่เรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องสนุกอะไร
และต่อให้ทั้งเราและเขาที่แมตช์ตรงกันมาแล้วครั้งหนึ่ง คุยกันเข้าขาดี เจอกันตัวจริงก็อาจพบว่าไม่ได้ชอบกันขนาดนั้นก็ได้ การเจอกันสักครั้งบางทีอาจช่วยฟันธงได้ว่า เราควรเสียเวลากับเขาต่อหรือไม่(และเขาก็เช่นกัน)
เทรนด์เดท ในยุคนี้ที่งอกขึ้นมา
ถ้าสิ่งที่ยังไม่แน่ใจเป็นเหตุผลที่มาจาก covid-19 ที่อาจจะไปติดต่อจากที่ไหนก็ได้นั้น เราอาจจะเริ่มจากการ vdo call กันก่อน ตั้งมือถือ แล้วจิบกาแฟคุยกันไปเหมือน Zoom meeting ก็แปลกใหม่ดี เอาไว้ชัวร์ๆ ว่าทั้งเขาและเราไม่เสี่ยงแล้วค่อยเจอกันตัวเป็นๆ ยังพอได้
อีกอย่างคือคุยกันให้แน่ใจแต่แรกได้เลยว่า เขามองหาอะไรในการมาใช้แอปฯ นี้ คู่นอน เพื่อนคุย หรือพัฒนาความสัมพันธ์ ถ้าตรงกันค่อยคุย ไม่ต้องเสียเวลา ยังมีปลาอีกมากมายให้เราในท้องทะเลนี้
สำหรับเราไม่ได้มองว่าการแชทกันก่อนไปเดทจริงๆ เป็นเรื่องที่แย่ มันโรแมนติกซะด้วยซ้ำ แต่กับคนที่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์จริงๆ เจอการแชทไปเรื่อยๆ เลี่ยงการเจอกันตัวต่อตัวก็เหนื่อยเหมือนกันไง เราถือว่าคนที่ไม่ได้อยากเจอเราตัวจริงเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ที่ระบุไม่ได้ ก็ไม่คู่ควรกับการเสียเวลาด้วย เพื่อนไม่ได้มีน้อยๆ ไม่ต้องหาเพิ่มก็ได้ และถ้าในอนาคตต้องมีโอกาสติดต่องานกัน ก็ให้มันเป็นเรื่องในอนาคตเถอะ!
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand