ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Entertainment, Movies

“แทมมี่ เฟย์” ผู้หญิงที่อินสไปร์ เจสสิก้า แชสเทน จนได้ออสการ์จากเรื่อง The Eyes of Tammy Faye

ออสการ์ดารานำหญิง

“ฉันเห็นสารคดีของ Tammy Faye แล้วตั้งแต่เด็กจนโตก็เห็นเธอในแทบลอยด์ ในทีวีมาตลอด พวกเราจะจำได้ว่าเธอร้องไห้ตลอดเวลา แล้วไอคอนผู้หญิงมาสคาร่าเลอะเป็นทางก็คือเธอเลย” เจสสิก้า แชสเทนเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากโปรดิวซ์หนังเรื่อง The Eyes of Tammy Faye จนเธอได้ออสการ์ดารานำหญิงยอดเยี่ยมครั้งที่ 94 ในปี 2022 ไปในที่สุด

แล้ว Tammy Faye คือใคร?

เราอาจไม่ได้อยู่ในยุคของเธอ แต่ถ้าถามรุ่นป้า รุ่นแม่ที่โตที่อเมริกา ทุกคนจะรู้จักเธอกันทั้งนั้น ภาพผู้หญิงหน้ายิ้มตลอดเวลา ผมบลอนด์ตีฟู มือจับไมค์ แต่งหน้าจัด และพูดไปร้องไห้ไป มาสคาร่าเลอะเป็นทางยังอยู่ในภาพจำของบรรดาคนรุ่นนั้นหลายคน ชื่อของเธอคือ Tammy Faye Bakker นามสกุลนี้คือเมื่อเธอแต่งงานกับสามี Jim Bakker แต่แทมมี่มีอีกนามสกุลคือ Tammy Faye Messner ก็เมื่อเธอแต่งงานกับสามีคนที่สอง

The eyes of tammy faye เจสสิก้า แชสเทน
ซีนใน The Eyes of Tammy Faye

เรื่องของแทมมี่อินสไปร์ไม่น่าจะแค่เจสสิก้า แต่น่าจะผู้หญิงมากมายในโลก เพราะแทมมี่มีชีวิตที่สุดมากที่สุดคนหนึ่ง สรุปคำของแทมมี่ที่สื่อเมืองนอกให้เธอก็คือ เธอเป็นผู้ประกาศข่าวชาวคริสเตียนที่มีความเป็น มาร์ธา สจ๊วต Dr. Joyce Brothers และ Carol Burnett ที่รวมเข้าด้วยกัน แทมมี่เติบโตมาในครอบครัวไม่ได้มีฐานะอะไรที่มินนิโซต้า เธอเป็นคริสเตียนที่ซีเรียส มีพี่น้อง 8 คน และเธอเป็นลูกคนโต แทมมี่ศรัทธาในพระเจ้ามาก เธอเคยบอกว่า “ หลายๆ ชั่วโมงเลยที่ฉันนอนบนพื้น และพูดภาษาอะไรที่รู้จัก ฉันไม่ได้สนว่าใครจะมาเห็นหรอกนะ เพราะฉันกำลังเดินอยู่กับพระเยซู” และหลังจากนั้นแทมมี่ก็ได้มาเป็นคนสอนศาสนาคริสต์ให้กับโบสถ์

สามีของแทมมี่ เฟย์ คนที่เธอรัก และคนที่ทำให้เธอแทบแย่

เธอได้เจอกับ จิม แบคเกอร์ เขาหลงรักเธอตั้งแต่นาทีที่เห็นเธอ ทั้งสองคนรักกันมากและหมั้นกันในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ถึงแม้ครอบครัวของจิมจะไม่ชอบแทมมี่ เพราะเธอมีฐานะที่ไม่ดี แต่ทั้งสองก็ฝ่าครอบครัวและแต่งงานกันได้ เรื่องราวนำพาให้ทั้งสองได้ทำงานเป็นผู้นำเสนอศาสนาคริสต์ผ่านการเป็นพิธีกร ผู้เผยแพร่คำสอนทางทีวี แต่ไม่ว่าเขาจะรักกันมาแค่ไหน ความรักของแทมมี่กับจิมก็จบลงด้วยที่ว่า เขาโกงเงิน และโดนเข้าคุกไป

the eyes of tammy faye เจสสิก้า แชสเทน
Jim และ Tammy ที่เล่นโดย แอนดรูว์ การ์ฟีลด์ และเจสสิก้า แชสเทน

แต่ความเป็นแทมมี่ที่จับใจเจสสิก้ามาก ก็คือหัวใจที่โพสิทีฟตลอดเวลาของเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แทมมี่ยังครักศาสนา รักผู้คน ในยุค 1985 ที่โรคเอดส์กำลังระบาด แทมมี่ เฟย์พูดออกรายการถึงเรื่องนี้ได้จับใจชาวเกย์ของอเมริกาในตอนนั้นว่า “พวกเราเป็นชาวคริสต์แท้ๆ แต่ทำไมเราถึงไม่โอบกอดพวกเขา ทำไมเราไม่บอกพวเขาว่าเรารักพวกเขาและแคร์พวกเขา” แน่นอนว่าเธอพูดไปร้องไห้ไป เธอเองกล้าที่จะกอดคนเป็นเอดส์ และยินดีมอบความรักให้พวกเขาเสมอ แทมมี่จึงเหมือนเป็นขวัญใจชาวเกย์ในตอนนั้นมากๆ และก็เป็นสิ่งที่เจสสิก้ารักในความเป็นเธอ

the eyes of tammy faye เจสสิก้า แชสเทน
ซีนที่เธอบอกโลกให้เมตตาคนเป็นเอดส์

จิมและแทมมี่สร้างรายการแนวคริสเตียนลงทีวีหลายรายการ เวลานั้นพวกเขาดังมาก เขามีรายการทอล์คโชว์ที่ชื่อว่า The PTL Club ยาวนานถึง 13 ปี จิมเคยพูดว่า “มันไม่ได้อยู่ในไบเบิลหรอกนะ นี่คือพรสวรรค์ด้านจิตวิญญาณของผม เป็นสิ่งที่พระเจ้าบอกมาให้ผมเป็นโฮสต์ทีวี”

ในเรื่อง The Eyes of Tammy Faye คนที่เล่นเป็นจิมก็คือ แอนดรูว์ การ์ฟีลด์ แอนดรูว์เคยพูดถึงจิมและแทมมี่ว่า “พวกเขาเป็นคนแรกเลยที่นำเสนอรายการทีวีแบบเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเอง เขายินดีต้อนรับผู้คนให้รู้จักกับห้องนั่งเล่นของเขา ตู้เสื้อผ้าลินินของเขา และยังโชว์ลูกตั้งแต่แรกเกิดออกอากาศด้วย” เป็นที่รู้กันว่าจิมสร้างทั้งโชว์ขึ้นมา และอาณาจักร The Heritage Park ของอเมริกา สวนสนุกของที่นี่เรียกว่าดังและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของอเมริกา ที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวถึง 4.9 ล้านคนต่อปี

the eyes of tammy faye เจสสิก้า แชสเทน

แต่ในอีกมุมก็จิมอีกนั่นล่ะที่ตีความคำสอนในไบเบิลผิดไป เขาคือคนที่พูดว่า “พระเจ้าจะรักคุณ ถ้าคุณมอบเงินของคุณให้กับพระเจ้า” แอนดรูว์เล่าว่าจิมตีความเรื่องนี้จาก “ความอุดมสมบูรณ์” ในไบเบิลที่จริงๆ แล้วหมายถึง “ความอุดมสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ” เป็นเรื่องเงินแทน เขามองข้ามดีเทลไป จิมก็เลยสร้างอาณาจักรพระเจ้าใหญ่โต และร่ำรวยไปกับอะไรที่ทำให้ผู้คนเพลิดเพลิน

จิม แบคเกอร์ใช้เงินของศาสนา สร้าง The Heritage Park

The Heritage park เป็นเหมือนดิสนีย์แลนด์ของคนคริสต์ ใช้เงินสร้างถึง 200 ล้านดอลล่าร์ส มีโรงแรม 500 ห้อง มีสวนสนุก สวนน้ำ และเงินได้มาจากการขายเม็มเบอร์แบบตลอดชีวิต แต่โรงแรมไม่เคยสร้างขึ้นมานะ หลังจากนั้นจิมเลยถูกจับได้ว่าเขาโกงเงินและถูกให้จำคุกไป 45 ปี ลดลงมาเหลือ 8 และ 5 ปีในตอนหลัง แทมมี่เองไม่โดนเข้าคุก เธอยืนข้างๆ เขาในเวลานั้น และเธอก็กลายเป็นผู้หญิงที่ต้องดูแลครอบครัวไป แต่เรื่องนี้ก็คงทำให้หัวใจของแทมมี่สลายไปพอควร เพราะเธอยื่นฟ้องหย่าจิมตอนที่เขาอยู่ในคุก จนผู้คนว่าเธอกันว่าไม่สมควร แต่แทมมี่กลับบอกว่า “มันโหดร้ายไปมั้ย ที่จะให้ฉันต้องรอ และให้ฉันต้องทำเป็นว่าทุกอย่างโอเค” จริงๆ แล้วแทมมี่และจิมเริ่มอยู่แยกกัน และไม่คอนเน็คท์กันตั้งแต่มีลูกคนที่สองด้วยกันแล้ว เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวที่บ้าน ดูแลลูก และจิมแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย

จุดนี้เองที่ทำให้คนดูเริ่มรู้สึกถึงความเครียดของทั้งสอง แทมมี่ก็ได้ประกาศก้องความกล้าหาญของเธอ เธอออกหนังสือที่ชื่อว่า “Telling it My Way” ในเวลานั้นที่จิมยุ่งๆ กับการสร้าง The Heritage Park ของเขา คนดูก็รู้สึกแล้วล่ะว่าไม่มีพลังงานในเขาส่งออกมาเลย ในกองถ่ายก็ดูเครียดกัน แทมมี่พูดว่า “ในขณะที่ฉันขอให้เขาพยายามหน่อยได้มั้ย ฉันกลับได้ความห่างเหินเพิ่มจากเขาแทน” และเธอบอกอีกว่า “เป็นเวลาหลายๆ ปีเลยที่ฉันต้องเสแสร้งทำเป็นว่ามีความสุข ในขณะที่ฉันเจ็บปวดตลอดเวลา ถึงตอนนี้ ฉันเสแสร้งต่อไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ”

จริงๆ เรื่องที่ทำร้ายหัวใจแทมมี่ยังมีอีกนะ เพราะอยู่ดีๆ ก็มีเรื่องแดงขึ้นมาอีกว่า จิมน่ะมีอะไรกับหญิงสาวอายุ 22  เจสสิก้า ฮาห์น เลขาของโบสถ์ ว่าเขาข่มขืนเธอด้วย เรื่องนี้ก็เป็นข่าวดังเลยเหมือนกัน

เจสสิก้า แชสเทน อินสไปร์ในความเป็นแทมมี่ เฟย์มาตลอด เธอได้เริ่มทำสคริปต์ของหนังเรื่องนี้เป็นเวลา 10 ปีแล้ว ที่พัฒนามาจากสารคดีตั้งแต่ปี 2000 ที่สร้างโดย เฟนตัน เบย์ลี่ และแรนดี้ บาร์บาโต้ ใช้ชื่อว่า The Eyes of Tammy Faye เหมือนกัน หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าชีวิตของแทมมี่ เฟย์ “ผู้หญิงคนแรกที่นำศาสนามาออกอากาศทางทีวี” และโชว์ของพวกเขาไม่ว่าใครที่ดูก็จะพูดเหมือนกันว่า “มันเพลินมาก และยากมากที่จะละสายตาจากพวกเขา มันเหมือนกับคุณกำลังดู Tonight Show อยู่เลย

แทมมี่ เฟย์อาจไม่ได้เห็นหนังที่สร้างมาจากชีวิตเธอเรื่องนี้ เพราะเธอเสียชีวิตไปในปี 2007 จากการป่วยที่ยาวนานของเธอ ตั้งแต่เธอเป็นนิวโมเนีย และมาจนถึงมะเร็งลำไส้ แทมมี่แต่งงานอีกครั้งกับ โรว์ เมสส์เนอร์ และก็เจอกับเรื่องเดิมๆ คือเขามีคดีความเรื่องเงิน ถูกฟ้องล้มละลาย และต้องติดคุกไปอีก 27 เดือน แต่คราวนี้เธอรอเขาออกมา และก็ใช้ชีวิตอยู่กับเขาจนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปในวัย 65 ปี

เคยมีคนถามแทมมี่ว่า แล้วเธอยังติดต่อกับจิมอยู่มั้ย แทมมี่ตอบแบบท็อปฟอร์มเลยว่า “แน่นอนสิ ฉันน่ะชอบเป็นเพื่อนกับจิมมากๆ และฉันก็รักการที่ได้เป็นภรรยาของโรว์ด้วย”

@jessicachastain

แทมมี่ผู้ยิ้มเสมอไม่ว่าเจอเรื่องอะไร และร้องไห้จากหัวใจเสมอถ้าเรื่องนั้นสั่นสะเทือนเธอ มาดูบทบาทของ Jessica Chastain และ Andrew Garfield ใน The Eyes of Tammy Faye ว่าเธอตีบทแตกจนได้ออสการ์ได้ยังไงกันนะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับหนังต่อได้ที่ CLEO THAILAND

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']