ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Self Love

18 แอตติจูดให้เราเป็นคน “ฟรี สปิริต” ไม่ยึดติด ไม่คิดมาก!

18 Ways to become free spirit

เป็นสาวฟรี สปิริตให้ได้แล้วจะมีความสุขมาก จะโบยบิน อะไรเข้ามาก็ไม่เครียดเท่าไหร่ ยอมรับและปล่อยวางได้ แล้วก็ลัลล้าจะตาย ลองอ่าน 18 แอตติจูดเป็นสาวฟรี สปิริตนี้ดูนะ

ปีที่ผ่านมาโลกส่งอะไรมาสอนเราเยอะเลย สอนเรื่องความสุข ความพอ และอารมณ์ที่สับสนในตัวเองของเรา เรากลัว ไขว่คว้า โหยหา เราอยากได้ทั้งความชิลล์และความสำเร็จ เรารู้ว่าต้องพักบ้าง แต่อีกใจก็รู้สึกอยากได้มือถือใหม่ อยากมีเงินเยอะๆ

ทั้งหมดนี้เลยมาทำให้สปิริตข้างในเราปั่นป่วน เหมือนที่มีคำสอนบอกว่า “ความสงบมาจากข้างใน อย่าไปหาอะไรจากข้างนอก” เราเลยต้องควรฝึกตัวเองให้สปิริตฟรีๆ เอาไว้ เพราะความสุขน่ะมาจากข้างใน ที่ไม่ใช่ข้างนอกแน่ๆ เมื่อเราฟรี เราจะมองทุกอย่างบวกได้ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็ตาม

แล้วความสุขก็ไม่ใช่การพยายามอยากได้อะไรมาครอบครอง ไม่ใช่เรื่องของข้าวของเงินทอง  แต่เรานั่นล่ะกลับมาข้างในเป็นหรือเปล่า คลีโอขอเล่า 18 วิธีนี้ที่จะทำให้เรากลายเป็นสาวฟรี สปิริตเรียลๆ ได้อีกครั้งนะ

Free Spirit_01

1. อยู่กับเวลาตอนนี้เถอะ

ถ้าโมเมนท์ไหนเรารู้สึกดีอยู่แล้ว ก็อยู่กับโมเมนท์นั้น อย่าพยายามคิดอะไรให้วนและเวียนหัวเลย เหมือนกับคำพูดจากเวย์น ไดเออร์ที่บอกว่า “ความสงบคือผลแห่งการที่เราฝึกใจเรา ให้อยู่กับชีวิตไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น มากกว่าสิ่งที่เราคิดว่าเราควรจะทำ” ยอมรับสิ่งที่เข้ามาตามที่มันเป็น ให้มันเกิดขึ้นตามนั้น อยู่ แล้วข้างในเราจะสงบ ความสุขจะมาเอง

2. ปล่อยความหลังทิ้งไป

“สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เหมือนกับละครฉากหนึ่ง” เชคสเปียร์เคยบอกเอาไว้ แล้วมันจริงมาก ประสบการณ์ในอดีตสอนเราว่าเราต้องทำยังไงกับปัจจุบัน แต่ไม่ได้ให้เราเอามาทุกข์นะ อดีตได้เกิดขึ้น เพื่อให้ปัจจุบันดีขึ้นต่างหาก

3. เราไม่ต้องถูกเสมอไปหรอก

ชีวิตไม่ใช่เรื่องต้องถูกหรือผิด บอกตัวเองเสมอว่าอย่าเป็นคนขาวกับดำ แต่ให้เป็นหลายๆ เฉดสีระหว่างกลางไว้ ฟังความเห็นของคนอื่น โดยที่ไม่ต้องคิดว่าถูกหรือผิด เพราะนี่ล่ะคือชีวิต

4. ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ก็ปล่อยไปซะ

เราแค่ปล่อยคนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีไป ถ้าเขาดีจริง ยังไงเขาก็จะกลับมา จะเพื่อน หรือคนรัก ถ้าเราปล่อยอะไรที่ไม่ใช่ไป คนที่ใช่ใหม่ๆ จะเดินเข้ามา เอาพลังงานลบๆ ออกไปเถอะ เพราะเราจะมีสปิริตที่ฟรีไม่ได้เลย ถ้ายังปล่อยให้ตัวเองต้องเจอความลบเช่นนั้น

5. ตัวตนของเราก็เอาออกไปด้วย

ถ้าเรามัวแต่ห่วงว่าตัวเราจะคิดยังไง จะเป็นยังไง เราจะไม่มีทางฟรี สปิริตได้ มองทุกอย่างให้ใจดีไว้ แล้วก็ช่างมันไปบ้างนะ

6. สถานะ ตำแหน่ง การยอมรับในสังคม ก็อย่าเก็บเอาไว้

สังคมบอกให้เราตัดสินกันด้วยสิ่งเหล่านี้ เราเชิดชูคนรวย คนมีอำนาจ คนมีสถานะบางอย่าง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับหัวใจข้างในเลย ไม่ยึดติดกับอะไรแบบนี้ ความสุขจะต่างกันลิบเลย

7. ไม่ต้องหลอกตัวเองว่าทุกอย่างดีงาม

เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะไม่เสียใจ ไม่รู้สึกโหวง ไม่สับสน เราก็ต้องมีพังๆ บ้างบางเวลา เพราะถ้าไม่พัง เราจะไม่ได้เรียนรู้ประสบการณ์แบบนั้นเลย แล้วเราจะก้าวต่อไปให้ดีขึ้นได้ยังไง เหมือนกับเรามัวแต่หลอกตัวเองนะ

8. ออกมาจากความสบายเดิมๆ

จำได้มั้ยตอนเรียนว่ายน้ำ แม่ของเราทำอะไรอย่างหนึ่งให้เรา แม่ปล่อยให้เราลองว่ายน้ำไปเองดู และตอนนั้นล่ะที่ทำให้เราได้สำรวจความเป็นไปได้ต่างๆ ที่เรามี ออกมาจากความสบายเดิมๆ เราจะค้นหาศักยภาพตัวเองได้เต็มขึ้น สปิริตจะโลดแล่นเลยทีนี้

9. เราจะเป็นคนฟรี สปิริตไม่ได้ ถ้าไม่เอาความกลัวออกไป

อย่ามัวแต่พูดกับตัวเองว่า “กลัวจัง” แล้วปล่อยให้ความกลัวครอบครองชีวิตเรา ลอง “รู้สึกกลัว แล้วก็ยังทำอยู่นั่นล่ะ” คราวนี้เราจะได้ปลดปล่อยตัวเองให้อิสระได้เลย

ปล่อยเถอะ

ปล่อยให้ชีวิตนำพาไป

เลิกควบคุม

โอบกอดพลังจากโลก

10. ให้ใจและกายผ่อนคลาย

ยิ่งเราเคร่งกับตัวเอง เราก็จะมูฟไปต่อได้ยาก เหมือนกับกล้ามเนื้อ ถ้ามันเกร็ง ร่างกายก็ไม่ยืดหยุ่นเลย ถ้าอยากมีสปิริตที่ฟรี ผ่อนคลาย สบายๆ แล้วยอมรับสิ่งตรงหน้านะ

Free Spirit_02

11. ปล่อยอารมณ์ให้เกิดไปตามนั้น

แทนที่จะคิดวนว่าจะทำยังไงดี เวลาเราเกิดอารมณ์ต่างๆ สมองพาลจะคิดตาม หยุดคิด แล้วใช้ขาก้าวต่อไปเลย มีรายงานทางวิทยาศาสตร์บอกว่า อารมณ์น่ะจะไม่คงอยู่ตลอดไปหรอก ถ้าเกิดอารมณ์สับสน ขุ่นมัวอะไรก็ตาม มันเป็นแค่ความรู้สึก ที่ไม่สามารถทำอะไรกับเราได้ ก็ให้มันเกิดไป

12. เพื่อให้สปิริตเราฟรี ลองจินตนาการว่ามันฟรีอยู่แล้ว

จิตเราสั่งตัวเองได้ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ต่างๆ เราเลยต้องหาทางกันสิ่งที่จะเกิดไว้

ถ้าเศร้า..หาอะไรที่ชอบทำ

ถ้าเครียด..บอกตัวเองให้สบาย

ถ้าสับสนใจชีวิต..บอกตัวเองว่าฉันฟรี สปิริต

แล้วคนฟรี สปิริตเขาทำอะไรกันล่ะ? เขาจะ…

  • ลุกไปวิ่ง
  • ไปที่โล่งๆ ข้างนอก
  • พูดว่า “ชิลล์เถอะ ช่างมันเถอะ”
  • ภาวนา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม
  • ทำอะไรคลั่งๆ สนุกๆ
  • ใช้เวลาบนบีช
  • ทำอะไรก็ได้ที่จะทำ ถ้ารู้สึกว่าเราฟรีจังเลย

13. เข้าใจเรื่องพลังงานเคมีในสมอง

เพราะบางครั้งที่เรารู้สึกติดขัด อาจเป็นเพราะสารเคมีในสมองเรานี่ล่ะ เว็บ HowStuffWorks บอกไว้ว่า “สมองเป็นเน็ตเวิร์คที่ซับซ้อน มีปริมาณของข้อมูลที่ใส่ในสมองทุกวินาที และทุกอย่างต้องส่งสัญญาณผ่านไปที่สมอง สมองเลยต้องปล่อยสารเคมีออกมา เพื่อสื่อสารกับอวัยวะในร่างกาย สารเคมีที่สำคัญคือโดพามีน เซโรโทนิน และ norepinephrine

โดพามีนคือประสบการณ์ที่เรารู้สึกพอใจ เซโรโทนีนคือตัวช่วยให้ผ่อนคลาย ถ้าไม่บาลานซ์ก็จะโกรธง่าย ตื่นตระหนก หรือเป็นซึมเศร้าได้ ส่วน norepinephrine จะช่วยประคับประคองอารมณ์ ควบคุมความเครียดให้

สารเคมีเหล่านี้เลยมีผลต่ออารมณ์ แล้วอารมณ์จะไปส่งผลต่อกาย ต่อใจต่อไป เหมือนที่เรารู้กันว่าอารมณ์มีผลต่อทุกสิ่ง”

ถ้าเราเข้าใจว่าสมองทำอะไรกับอารมณ์ และร่างกายได้ เราก็จะรู้ต้นตอสิ่งต่างๆ และปล่อยวางได้ง่ายขึ้น

14. ปล่อยความเพอร์เฟ็คท์ออกไป

เมื่อเราโฟกัสที่ความเพอร์เฟ็คท์ไปซะหมด เราจะรู้สึกหนืดมาก แต่ถ้าลองปล่อยออกปั๊บ เราจะโล่งทันที แค่บอกตัวเองว่า ไม่ต้องท็อปฟอร์ม ไม่ต้องเป๊ะหรอก คนเราพลาดกันได้อยู่แล้ว ความเพอร์เฟ็คท์ที่เรามักเป็นๆ กันก็มีเรื่องของ

  • รูปร่างหน้าตา
  • ความเป๊ะในการทำงาน
  • ไม่สามารถยอมรับความอ่อนแอได้
  • เราต้องพยายามเป็นคนที่ไม่ใช่
  • ไม่สามารถผ่อนคลายและสนุกได้

แค่ปล่อยความเพอร์เฟ็คท์ออกไป เราจะหลุดจากกับดักของชีวิตไปเลย

15. โฟกัสไปที่เป้าหมายที่ต่างออกไปบ้าง

ถ้าเราพุ่งแต่เป้าหมายเดียวในชีวิต มันเหมือนตัวเราได้แหย่ไปที่กรงอะไรบางอย่างแล้ว เหมือนกับว่าชีวิตเราต้องทุ่มให้กับสิ่งๆ นี้เท่านั้น แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนมุมมอง เราก็จะไปเจออะไรใหม่ๆ แล้วจะฟรีขึ้นมาเลย

16. อยากเป็นสาวฟรี สปิริต วันนี้ปล่อยให้ตัวเรามีความสุขเลยนะ

คนหลายๆ คนมักบอกตัวเองว่า “ฉันจะมีความสุข เมื่อฉันสำเร็จ” “ถ้าฉันผอม ฉันจะมีความสุขกว่านี้” “ถ้าฉันมีแฟนเริ่ด ฉันคงมีความสุข” ไม่นะ เรามีความสุขได้ตอนนี้เลย ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น

17. อย่าตกเป็นทาสของสังคม

ท่องไว้แค่ว่า “เราไม่ต้องทำตามสิ่งที่สังคมบอกจริงๆ” เพราะเราคือเรา และใครจะไม่รับรู้ก็ไม่เห็นเป็นไร

18. ถ้าไม่ได้สิ่งที่หวัง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เพราะการไม่ได้ อาจนำไปสู่การได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า และเราคาดไม่ถึง นี่คือความลับของจักรวาล คนที่ฟรี สปิริตจริงเท่านั้น จะเข้าใจ

อ่านเรื่องราวต่อได้ที่ ผู้หญิงที่บอกให้เรารักตัวเอง

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']