เปิดตัว 3 ไอเท็มเมคอัพสุดเริ่ดจาก IN2IT  ที่คลีโอรักมาก

ถ้าให้พูดถึงไอเท็มเมคอัพที่ใช้ยังไงก็ไม่เบื่อ หยิบมาใช้ตอนออกงานก็สวยแพง ใช้ในวันรีบ ๆ ก็สวยเป๊ะ ใช้ตอนไหนก็ได้ลุคสวยทุกครั้ง คลีโอขอยกให้แบรนด์ IN2IT เป็นแบรนด์ขึ้นหิ้งของเมคอัพราคาน่ารักแต่คุณภาพเกินต้าน ยิ่งตอนนี้เดินทางมาถึงเทศกาล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 คลีโอก็ไม่พลาดมอบรางวัลให้ IN2IT ไปอีกปี รอบนี้คว้ามงไปจุก ๆ 3 ชิ้น บอกเลยว่าทุกชิ้นที่ให้รางวัล คลีโอรักมากกก และอยากแชร์ต่อจริง ๆ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย 

สนุกให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง เพิ่มความมั่นใจใต้วงแขนด้วยไอเท็มสุดเริ่ดจาก Ri en 

มีใครเป็นสายฟรีสปิริตแบบเราบ้าง จะทำอะไรก็ต้องทำให้สุด ไม่หยุดเป็นตัวเอง ลุย ๆ พร้อมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะปาร์ตี้ ทำกิจกรรม หรือเที่ยวในแบบที่ต้องการ แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งสำคัญที่สาว ๆ อย่างเราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือเรื่องผิวใต้วงแขนนั่นเอง เพราะถ้าหากผิวบริเวณนั้นดำคล้ำ หรือมีกลิ่น ไม่เนียนสวย ก็อาจทำให้ความมั่นใจหรืออินเนอร์ความกล้าของเรานั้นหายไปด้วยได้เช่นกัน แต่วันนี้ คลีโอมีไอเท็มดูแลผิวใต้วงแขนจากแบรนด์ลูกรักอย่าง Ri en มาฝาก แอบกระซิบว่าเป็นไอเท็มที่เราใช้มาตลอด และก็มอบรางวัล CLEO Beauty Hall of Fame 2024 ให้ด้วยนะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังว่ามันเริ่ดยังไง




Women's Issues

หญิงสาวหลายสิบคนหายตัวไปหลังจากโบกรถ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ?

highwayoftears

เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประเทศแคนาดา โดยถนนต้นเรื่องนี้มีชื่อว่า “Highway of Tears” หรือทางหลวงแห่งน้ำตาเป็นถนนยาว 725 กิโลเมตร (450 ไมล์) ของทางหลวงหมายเลข 16 ระหว่าง Prince George และ Prince Rupert บริติชโคลัมเบีย ซึ่งมีผู้หญิงมากมายหลายสิบคนได้หายตัวไป บางส่วนพบเจอร่าง แต่ บางส่วนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอกัน


บริเวณโดยรอบของทางหลวงแห่งน้ำตามีหมู่บ้านคนพื้นเมืองอยู่ 23 แห่ง ผู้คนแถวนั้นส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน บางคนเวลาจะเดินทางไปไหนเลยโบกรถที่ผ่านไปมาหรือที่เรียกว่า hitchhike นั่นเอง

เรื่องราวการหายตัวไปครั้งแรกเริ่มขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม ปี 1969 มีนายพรานไปล่าสัตว์ในป่า และเมื่อเขาเข้าไปในป่าก็พบร่างของหญิงสาวอยู่ในพุ่มไม้ หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเหยื่อคือ Gloria Moody อายุ 26 ปี ช่วงก่อนเกิดเหตุเธอกับครอบครัวจัดทริปเที่ยวแถวถนน Highway of Tears ในคืนนั้นเธอและพี่ชายไปเที่ยวที่ Bar แถวนั้น ซึ่งพวกเขาดื่มจนเมา ขณะกลับโรงแรมพี่ชายเดินข้างหน้า Gloria เดินตามด้านหลัง แต่เมื่อเดินไปสักพักก็พบว่าน้องสาวหายตัวไป ตอนนั้นเทคโนโลยียังไม่ทันสมัยทำให้การคลี่คลายคดีเป็นไปได้ยาก ซึ่งคดีนี้ก็กลายเป็นหนึ่งคดีที่คลี่คลายไม่ได้

1 ปีหลังจากเกิดเหตุกับ Gloria ชาวบ้านคนหนึ่งไปเก็บผลไม้ในป่าแล้วไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เขาจึงรีบแจ้งตำรวจ และจาการตรวจสอบผู้หญิงคนนี้ชื่อ Micheline Pare มีอายุ 18 ปี ระหว่างการสืบสวนพบว่ามีพยานเป็นหญิง 2 คนกล่าวว่าพวกเธอได้ขับรถผ่านทางหลวงสายนี้ เห็น Micheline ยืนโบกรถ เธอทั้งสองจึงรับเธอขึ้นรถแต่เมื่อออกรถแล้วกลับพบว่าปลายทางอยู่คนละทางพวกเธอจึงให้ Micheline ลงรถ ซึ่งจุดนั้นอยู่ห่างจากจุดที่พบร่าง Micheline ประมาณ 21 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าหลังจาก Micheline ลงรถแล้ว เธอก็โบกรถคันอื่นต่อ สุดท้ายเนื่องจากเบาะแสน้อย จึงเป็นอีกคดีที่ไม่สามารถคลี่คลายได้เช่นกัน

เวลาผ่านไป 4 ปี หญิงสาวชื่อ Colleen Macmillen อายุ 16 ปี ได้หายตัวไป วันนั้นเธออยากไปบ้านเพื่อนที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เธอใช้วิธีการโบกรถริมถนนทางหลวง และหลังจากที่เธอออกบ้านไป เธอก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย หนึ่งเดือนต่อมามีคนพบร่างของเธออยู่ในป่าซึ่งจุดนั้นอยู่ห่างจากบ้านของเธอ 46 กิโลเมตร แต่กลับไม่พบแม้แต่รอยนิ้วมือของผู้ต้องสงสัย คดีนี้จึงเป็นคดีที่คลี่คลายไม่ได้เช่นกัน ซึ่งในช่วงหลายปีหลังจากนั้นก็เกิดคดีที่มีลักษณะคล้ายกันอย่างต่อเนื่อง

มีผู้คนจำนวนมากรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนถนนสายนี้และขอให้ตำรวจสืบสวนคดีให้กระจ่าง หลังจากตำรวจโดนกดดันจึงเริ่มตรวจสอบใหม่อย่างเป็นระบบ พวกเขาสืบสวนอยู่หลายปีแต่ก็ยังไม่พบอะไร จนเวลาล่วงเลยไปถึงปี 2005 Nicole Hoar หญิงสาววัย 24 ปี เธอจะเดินทางไปหาพี่สาว ซึ่งก่อนเดินทางเธอก็ได้โทรหาพี่สาวก่อนแต่หลังจากนั้นผ่านไปหลายวัน พี่สาวก็ยังไม่เห็นวี่แววของ Nicole จึงได้ไปแจ้งตำรวจ เมื่อตรวจสอบดูพบว่าระยะทางจากบ้านของ Nicole ห่างจากบ้านของพี่สาว 370 กิโลเมตร ถ้าเธอจะเดินทางไปบ้านพี่สาวจะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะไป แต่ในวันที่ Nicole หายตัวไปไม่พบประวัติการขึ้นรถสาธารณะใดเลย นอกจากนี้ยังมีเบาะแสสำคัญจากพยานคนหนึ่งบอกว่าเคยเห็น Nicole ยืนโบกรถอยู่ และไม่นานก็มีรถยนตร์สีเหลืองจอดรับ และตำรวจยังพบผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งชื่อเลแลนด์ สวิทเซอร์ เนื่องจากมีเบาะแสบ่งชี้ว่าเขาเคยพบ Nicole ซึ่ง 2 วันหลังจากที่ Nicole หายตัวไปเขาได้ถูกตำรวจจับในข้อหาทำร้ายพี่น้องของตัวเอง หลังจากนั้นตำรวจให้เขาเข้าเครื่องจับเท็จแต่สุดท้ายเขาก็ผ่านการทดสอบ ตำรวจจึงตัดเขาออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยชั่วคราว ต่อมาเพื่อที่จะทำการไขคดีที่เกิดขึ้นบนทางหลวงแห่งน้ำตาโดยเฉพาะจึงเกิดเป็นแผนการทำงานชื่อ E-Pana ขึ้นมา ซึ่งตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเหยื่อมีการเสียชีวิตที่คล้ายคลึงกันคือ ขาดอากาศหายใจ ซึ่งเป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดจากคนร้ายคนเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามตำรวจเชื่อว่าคดีทางหลวงแห่งน้ำตานี้มีคนร้ายอยู่หลายคน

ในปี 2006 ทีมสอบสวนได้นำวัตถุพยานของหลายคดีที่เก็บรักษาไว้ นำไปตรวจสอบอีกรอบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งขึ้น จนพบกับ DNA ของผู้ชายคนหนึ่งจากเสื้อที่พบในคดีของ Colleen และจากคลังข้อมูลของตำรวจสากลก็พบกับคนร้ายที่มี DNA ตรงกัน ชื่อ Bobby Jack Fowler เขาเป็นคนงานก่อสร้างที่ชอบเดินทางโดยการขับรถยนตร์เก่าคันโปรด ระหว่างนั้นเขาก็ก่ออาชญากรรมไว้อีกเพียบ และโดนเข้าคุก ซึ่งต่อมาภายหลังเขาก็เสียชีวิตภายในเรือนจำจากการเจ็บป่วย

Bobby Jack Fowler และ Colleen

จากการตรวจสอบพบว่าคดีของ Colleen และหญิงสาวอีก 2 ราย เป็นฝีมือของ Bobby แต่ตัวเขาถูกจับกุมตั้งแต่ปี 1995 แต่หลังจากนั้นก็ยังเกิดคดีอยู่ แสดงว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่ Bobby

ต่อมาตำรวจได้เจอกับรถกระบะต้องสงสัย ตำรวจสังเกตเห็นว่าตัวคนขับมีรอยเปื้อนสีแดง นอกจากนี้บนรถยังพบอาวุธ และกระเป๋าเป้ของผู้หญิงที่ด้านในพบบัตรโรงพยาบาลเด็กอยู่ด้วย เมื่อตำรวจตามรอยล้อรถไปก็พบกับร่างของหญิงคนหนึ่งเข้า โดยครั้งนี้เจ้าของรถกระบะชื่อ Cody Legebokoff โดยตำรวจได้นำข้อมูล DNA ของ Cody ไปตรวจสอบและพบว่าเขาเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆ บนทางหลวงแห่งน้ำตาด้วย ซึ่งเขาถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต

ในปี 2015 เรื่องราวก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ Highway Of Tears อีกด้วย


สามารถอ่านบทความอื่นๆของ CLEO ที่:

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']