เป้าหมายที่เราตั้งไว้ในชีวิต มันอาจจะฟังดูเพ้อเจ้อ เป็นไปไม่ได้เลยทำให้เราชอบยอมแพ้กลางทางดื้อๆ โชคดีที่เราได้ไปอ่านเจอถึงหลักปรัชญาที่เรียกว่า “Kaizen” เป็นวิธีการให้เราค่อยๆ เปลี่ยนทีละน้อยอย่างช้าๆ อาจต้องใช้เวลามากหน่อย แต่มันคือการบ่มเพาะความเก่งอะไรบางอย่างแบบฝังในดีเอ็นเอ
ปัญหาทั้งหมดอาจมาจากเพราะคนเราชอบไปตั้งความหวังที่เป็นไปไม่ได้เลยเจอกับความผิดหวังซ้ำๆ เช่น เราคิดว่าชีวิตต้องเพอร์เฟ็กซ์ที่สุด ใครก็มาตำหนิไม่ได้ เพื่อนต้องพูดจาเข้าหูเราสิ ต้องเข้าข้างเราทุกอย่าง หรือเห็นคนอายุน้อยกว่าเราเยอะแล้วดูประสบความสำเร็จ ทำไมเขารวยได้ขนาดนี้ ก่อนอื่นต้องให้โอกาสและให้อภัยตัวเองก่อนว่าการทำผิดพลาดไป ก็แก้ไขใหม่ แล้วเริ่มการใช้ปรัชญาของคนญี่ปุ่นที่เรียกว่า 改善 หรือ ไคเซ็น ในการสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่และมีประโยชน์กับตัวเองเพื่อจัดการภารกิจที่เราต้องการสำเร็จ ฉันต้องทำได้สิ
หลักการนี้ไม่ใช่ตำราที่เพิ่งถูกค้นพบจากโบราณสมัยเอโดะอะไรหรอก เป็นการค้นพบแล้วนำมาใช้ในช่วงศตวรรษที่ 20 นี้เองโดยบริษัทโตโยต้าซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนพูดถึงหลักการนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่จะทำให้เราค่อยๆ ทำอะไรได้ดีขึ้นอย่างช้าๆ จากเดือนเป็นปี และสามารถทรานส์ฟอร์มชีวิตได้เลยง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่าง…
- จัดบ้านให้เรียบร้อย: บ้านใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ แต่ต้องสะอาดและเป็นระเบียบเพราะเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเอาไว้ก่อน ก็จะหมักหมมเป็นกองขยะหนักขึ้น คนที่ใช้หลักไคเซ็นจะพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ฉันจะจัดห้องนอน” หรือ “ตอนเช้าเช็ดเก้าอี้ ตอนบ่ายเช็ดโต๊ะ” ถึงจะดูดีเป็นส่วนๆ แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ บ้านก็ดูน่าอยู่ เราก็รู้สึกโล่งสบายตาสบายใจ
- ออกกำลังกายให้สำเร็จ: ทุกปีใหม่จะต้องมีอยู่ในลิสต์ว่าปีนี้ฉันจะออกกำลัง แต่ไม่เคยทำได้เลยค่ะ ถ้ายึดหลักไคเซ็นเราจะเข้าใจว่าคนวิ่งมาราธอนได้ เขาก็ไม่ได้ตื่นมาแล้ววิ่งได้ถึงเส้นชัยเลยตั้งแต่วันแรก ทุกคนก็เริ่มจากน้อยๆ ทีละก้าว เพิ่มเข้าไปวันละ 1 กม. ทำไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นความแข็งแรงมากขึ้นทุกวัน
- เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดีขึ้น: เลิกพูดเวลามีคนมาบอกนิสัยที่ไม่ดีแล้วพูดว่าก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่เราปรับสิ่งนั้นเป็นประจำ สมองจะต่อติดนิสัยใหม่ๆ เราคงไม่เลิกขี้บ่นได้เย็นนี้หรอกมั้ง แต่มันเกิดจากการฝึกหยุดพูดแล้วเน้นลงมือทำ ใช้เวลาเป็นปีนู่น กว่าจะกลายเป็นคนนิ่งขึ้น ใจเย็นขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลย
ไคเซ็นไม่ได้เน้นว่าต้องสำเร็จเมื่อไหร่ แต่ลุกขึ้นมาทำเมื่อไหร่ ช้าๆ ก็ไม่มีใครว่า เพราะเราเองเท่านั้นแหละที่จะเห็นผลดีของการเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้