8 นิสัยที่ต้องแก้ด่วนของสาวผิวแห้งขาดน้ำไม่ไหว! คลีโอจัดเต็มความชุ่มชื้นที่ได้รางวัลแห่งปี

มีงานวิจัยบอกเอาไว้ว่าพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆ เกิน 21 ครั้งจะทำให้กลายเป็นนิสัย และถ้านิสัยเหล่านั้นทำให้ผิวแห้งเกิดเป็นปัญหาริ้วรอย แต่งหน้าไม่ติดทน หน้าโทรมไม่สดใส ยังไงก็ต้องรีบแก้! คลีโอขอรวม 8 เช็คลิสต์ที่เปลี่ยนให้ผิวชุ่มชื่นดูสุขภาพดีขึ้นในเวลาไม่นาน ปรับแล้วเห็นผลแน่นอน

คลีโอเจาะลึกสารสกัด & นวัตกรรมที่ Riviera Suisse คิดค้นเพื่อผิวที่มีปัญหาริ้วรอย หย่อนคล้อยและหมองคล้ำ

บางครั้งปัญหาผิวซับซ้อนกว่าที่คิด การดูแลอาจจะแก้แค่ปัญหาเดียวคงไม่ได้ ทั้งริ้วรอย หน้าไม่กระชับ มีจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ปีนี้คลีโอได้มีโอกาสไปเห็นถึงที่มาส่วนผสมของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ Riviera Suisse ว่ามาจากธรรมชาติในป่าลึก และได้ลองใช้ในหลายๆ ไลน์โปรดักท์ รู้สึกว่าเห็นผลกับผิวคนเอเชียได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาผิวที่มีริ้วรอย หน้าหย่อนคล้อย ต้องยอมรับเลยว่าการค้นหาส่วนผสมที่เป็นเอกสิทธิ์กว่า 20 ชนิด บวกกับประสบการณ์ในด้านการผลิตยามากว่า 100 ปี ทำให้เราเห็นถึงความตั้งใจที่จะดูแลผิวให้ผู้หญิงทุกคนจริงๆ




Well-Being

8 วิธีจัดการกับความโกรธ ไม่ให้ระเบิดจนทุกอย่างพัง!

ตวามโกรธ

เชื่อว่าทุกคนเคยโกรธแต่อยู่ที่ว่าเราจะแสดงความโกรธออกมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเรารู้สึกโกรธเคียดแค้นคนที่ทุกข์ใจที่สุดคือตัวเราเอง ความโกรธยังมีผลทั้งต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเราด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย ยิ่งไปกว่านั้นหากเราโกรธแล้วไม่สามารถควบคุมได้ มันอาจส่งผลกระทบต่อทั้ง ความสัมพันธ์ การงาน รวมไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย ดังนั้นอย่าให้ความโกรธมาครอบงำเราจนทุกอย่างต้องพังเลยนะ ลองอ่านวิธีจัดการความโกรธแล้วลองปรับใช้กัน


1) ผ่อนคลายตัวเอง

ความโกรธ
  • การหายใจลึกๆ ช้าๆ ช่วยลดความตึงเครียดได้ กรมสุขภาพจิตกล่าวว่า การฝึกการหายใจเพื่อคลายเครียด ให้หายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยหายใจเข้าลึกๆพร้อมนับ 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้าๆ จะรู้สึกว่าท้องพองออก จากนั้นจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออก โดยนับ 1 ถึง 8 ไล่ลมหายใจออกมาให้หมด สังเกตหน้าท้องจะแฟบ ขณะทำจะรู้สึกว่าได้ผลักดันความเครียดออกมาด้วยจนหมด
  • ออกกำลังกาย สามารถช่วยให้สงบและลดความโกรธได้  สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดกีฬา อาจใช้กายบริหาร เช่น โยคะ แทนได้
  •  ฟังเพลง ดูคลิปตลกๆ ช่วยลดความเครียด กดดันและความวิตกกังวลได้ หรือแค่กินขนมหวานที่ชอบก็สามารถช่วยได้นะ เพราะความหวานจากน้ำตาลมีส่วนช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนโดรฟินที่ทำให้เราอารมณ์ดีแบบที่หาอาหารอื่นมาทดแทนไม่ได้
  •  ยืดหรือนวดบริเวณที่ตึงเครียด หมุนไหล่ของคุณหากคุณเกร็ง นวดคอและหนังศีรษะเบาๆ
  • จิบชาเขียวร้อน ช่วยลดความเครียดและผ่อนคลาย เพราะชาเขียวมีสาร L-theanine ช่วยให้สมองผ่อนคลาย

2) คิดก่อนพูด คิดถึงผลที่จะตามมาด้วย

ความโกรธ

 เวลาคนเราโกรธมักพูดออกไปด้วยความโมโห ใจร้อน ทำให้ไม่ทันได้ฉุกคิด ซึ่งบางคำพูดอาจรุนแรงและทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม บางทีแล้วอาจจะต้องตั้งสติคิดถึงเหตุและผล ลองนึกถึงคนฟังด้วย เพราะคำพูดและน้ำเสียงมีพลังมากสามารถชี้ทางสถานการณ์ได้เลยว่าจะดีขึ้นหรือแย่กว่าเดิม

3) เลี่ยงการพูดประชดประชัน เพราะจะทำให้ทุกอย่างพังไวมาก

ความโกรธ

การประชดกันไปกันมามีแต่จะทำให้เรื่องยืดยาวไปกว่าเดิม หรือจะทำให้เข้าใจผิดกันมากขึ้น ถ้าเราโกรธอยู่แต่โดนอีกฝ่ายพูดมา แทนที่เราจะพูดประชดโต้กลับ หรือเก็บเอามาแค้นเอามาโกรธ เราลองไม่สนใจ ปล่อยผ่าน อย่าเก็บเอามาคิดดีกว่า

4) อย่าให้ความรู้สึก ลบๆ กลืนกินสิ่งดีๆที่เคยมีให้กัน

ความโกรธ

บางทีคนที่เราโกรธอยู่อาจจะเป็นคนใกล้ตัว เช่น คนรัก คนในครอบครัว เพื่อน ซึ่งเชื่อว่าเราเคยผ่านเหตุการณ์อะไรมาด้วยกันมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน แต่อาจจะมีความเข้าใจผิดหรือมีเรื่องให้โกรธเคืองบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราอย่าให้ความโกรธนั้นมาบดบังสิ่งดีๆ ที่มีให้กันจนหมด สมมติว่าเรามีสิ่งดีๆ ร่วมกัน 100 อย่างแต่สุดท้ายทุกอย่างพังหมดเพราะสิ่งเล็กๆ สิ่งเดียว เราจะกลับมาเสียใจทีหลังได้นะ

5) ให้อภัยคือสิ่งที่ทรงพลัง

ความโกรธ

พร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาด ปล่อยวางความโกรธ ช่วยลดผลกระทบต่อการเกิดบาดแผลทางใจในระยะยาว หากจิตใจมีแต่ความแค้นและการยึดติดกับความโกรธก็จะมีแต่จะทำให้เราเจ็บและจมอยู่กับความคิดลบๆ แม้การอภัยจะถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำง่ายๆ หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงและทำให้เราเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะให้อภัยไม่ได้เลย อาจจะต้องใช้เวลา และฝึกการให้อภัยไปด้วย

วิธีคิดเพื่อฝึกการให้อภัย เช่น การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับความจริง เมื่อคิดจะให้อภัยใครสักคนแล้วก็ไม่ต้องคิดว่าอะไรถูกผิด ปล่อยวาง หรือถ้ามีคนทำให้เราโกรธเพราะทำอะไรผิดสักอย่าง ให้คิดว่า ทุกคนมีผิดพลาดกันได้ รวมถึงตัวเราเองด้วย

6) โฟกัสวิธีแก้ไข มากกว่าไปโฟกัสที่ปัญหา

ความโกรธ

แทนที่จะมองไปยังความผิดและมัวแต่กล่าวโทษ ลองมุ่งไปที่สิ่งที่คุณสามารถทำได้ในปัจจุบันเพื่อแก้ปัญหาดีกว่า ค่อยๆคิดถึงวิธีแก้เป็นลำดับ หรือมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ในปัญหาดีกว่าจมดิ่งลงไป แล้วสุดท้ายปัญหาก็ครอบงำคุณ

7) ไม่จมอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต ดึงตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน

ความโกรธ

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป มันคืออดีตที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เราเริ่มใหม่ได้ กลับมาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมามีบาดแผลในใจ ที่มาจากคนที่เรารักหรือคนรอบข้างจนทำให้เราโกรธแค้น ซึ่งถ้าเรายังหมกหมุ่นกับสิ่งเหล่านั้นอยู่ ความโกรธนั้นก็จะวนเวียนอยู่กับชีวิตเราตลอด ในอีกมุมนึงถ้าเราสามารถปล่อยวางความโกรธในอดีตได้ เป็นอะไรที่บอกเลยว่าใจเราจะสบายมากขึ้น เหมือนยกภูเขาออกจากอก

8) เปลี่ยนมุมมองความโกรธเป็นความตลกแทน

ความโกรธ

อย่ามองปัญหาเป็นปัญหา แต่ลองมองเป็นความท้าทายและความสนุกสนานแทน อาจจะทำได้ยากหน่อย แต่ก็ฝึกกันได้ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธในสถานการณ์หนึ่ง ให้ลองใช้อารมณ์ขันเพื่อลดความโกรธ และความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น เช่น มีคนทำกาแฟหกใส่เสื้อตัวเอง แทนที่จะโกรธหรือหาเรื่องทะเลาะ ลองเล่าเรื่องตลกหรือหัวเราะเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู เช่น ไปคุยตลกกับเพื่อนๆ ก็ได้ว่าวันนี้เราเจออะไรมา เพราะเอาจริงๆโกรธไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

ท้ายนี้อยากจะฝากทุกคนว่า อย่าปล่อยให้ความโกรธสะสมกัน จนทำให้ตัวคุณเป็นเหมือนระเบิดเวลาเดินได้ ทางที่ดีควรจัดการกับความโกรธก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


อ่านบทความอื่นๆ ที่:

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']