เราเคยคิดว่าความสุขเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ได้มีแบบแผนชัดเจน เพราะความสุขของแต่ละคนต่างกันตามจริต แต่นักจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเคยทำคอร์สออนไลน์สอนนักเรียนถึงการมีความสุขใน 2 เดือน คอร์สนี้สอนถึงหลักวิทยาศาสตร์ในการสร้างคอนเนคชั่นสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น การเห็นอกเห็นใจ การรู้สึกขอบคุณและการมีสติอยู่กับตัว หลังจากเรียนคอร์สนี้ มีงานวิจัยออกมาว่านักเรียนมีความสุขมากขึ้นทุกๆ สัปดาห์ แล้วยังลดความเศร้า เหงา เครียด โกรธและความกลัวในใจได้ด้วย และทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้ว “ความสุข” จับต้องได้
ความสุข จับต้องได้ ?
ทางวิทยาศาสตร์เขาวิเคราะห์ออกมาเป็นงานวิจัยที่สรุปออกมาบอกว่าความสุขของแต่ละคนจะมากหรือน้อย มาจากยีนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดถึง 50% สิ่งที่หล่อหลอมตัวเราอีก 10% อีก 40% เกิดจากเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละวันที่มากระทบ เปอร์เซ็นต์ของแต่ละคนอาจไม่เป๊ะๆ อย่างนี้หรอก แต่ก็ไม่พ้นว่าความสุขของเรา เราสร้างเองได้แน่นอน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะให้ค่ากับความรวย สถานะการเงิน งานที่ทำ บ้าน รถ ของแบรนด์เนม ฯลฯ ว่าคนที่มีสิ่งเหล่านี้จะมีความสุขมากกว่าคนอื่น เพราะเขาไม่ต้องเครียดว่าพรุ่งนี้จะทำมาหากินอะไร แต่ในหลายงานวิจัยบอกว่าคนที่มีครบทุกสิ่งแล้วก็ไม่ได้มีผลกับความสุขอลังการมากขนาดนั้น แต่ก็สุขมากกว่าคนที่ไม่มี อันนี้เถียงไม่ได้จริงๆ
ความสุขที่แท้จริงคืออะไร
อีกความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสุขคือการคิดว่าหมายถึงอารมณ์ขั้วบวกที่เบาสบาย ลัลล้าร่าเริงตลอดเวลา เพราะการเกิดเป็นคน ไม่มีใครหนีพ้นความทุกข์ได้หรอก เราเจอปัญหารายวัน เราเศร้าเวลาคนที่รักจากไป เราหงุดหงิดจากคนในที่ทำงาน แต่ความจริงแล้วนักจิตวิทยากลับให้ความหมายว่าความสุขหมายถึงการยอมรับเรื่องแย่ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้น แล้วหาทางจัดการให้ผ่านไป รวมทั้งแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์พวกนี้มาทำร้ายใจอีก
และหลักการที่ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ ถ้าอยากมีความสุขมากขึ้น ให้ลองเพิ่มความสำคัญกับเรื่องต่อไปนี้ดู
1.มีความสัมพันธ์แบบไหนก็ได้ แต่ต้องสนิทและแข็งแกร่ง
ข้อนี้สำคัญที่สุดเลยจากหลายงานวิจัย โดยเฉพาะการศึกษาของฮาร์วาดที่ใช้เวลามากกว่า 80 ปีในการติดตามชีวิตคนเป็นพันๆ คนไปจนรุ่นลูกรุ่นหลาน คนที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัว คู่ชีวิต เพื่อนการมีสังคมที่สนิทกันมากๆ จะมีความสุขระยะยาวตลอดชีวิต เพราะพวกเขามีสุขภาพทางกายและใจที่ดีกว่า มีฮอร์โมนความเครียดต่ำกว่า แค่มีใครบางคนให้พึ่งพิงก็สามารถมีความสุขได้โดยไม่เกี่ยวกับความรวยจน ความฉลาดหรือมียีนแบบไหน อย่าลืมที่จะหาเวลาให้คนที่อยู่ข้างๆ โทรไปหา วีดีโอคอลหรือไปเจอไปกอดตัวจริงกันเลย
2.ทำเรื่องดีๆ มีเมตตากับคนอื่น
แค่ตั้งใจทำอะไรดีๆ ให้คนอื่น เปิดประตูให้คนข้างหลัง ช่วยน้องยกของ พูดจาดีๆ กับคนอื่น บีบยาสีฟันให้แฟนทุกเช้า ทำอะไรก็ได้ที่รู้สึกดีกับตัวเองจะกลายเป็นคนที่มีความสุข มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลงและวิตกกังวลน้อยลงจากงานวิจัยของ UC Riverside และพอทำเรื่องดีๆ ช่วยเหลือคนอื่นไปเรื่อยๆ สมองจะให้รางวัลตัวเองตามไปด้วย เพราะเรามีความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุข
3.ขอบคุณๆๆ
ให้ตั้งเป็นภารกิจเลยว่าก่อนนอนให้เขียน 3 สิ่งที่เรารู้สึกซาบซึ้งและทำไมสิ่งนั้นถึงเกิดขึ้น การเขียนบอกตัวเองแบบนี้ช่วยเพิ่มความสุขระยะยาวและลดความเศร้าได้จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ไม่ต้องสนว่าเรื่องใหญ่หรือเล็ก ก็ลองเขียนไปเลยว่า “ได้ช่วยให้เพื่อนหายเครียดเรื่องงาน เพราะเพื่อนโทรมาปรึกษา พรีเซนต์ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะเราตั้งใจหาข้อมูลหนักมาก ได้เล่นกับแมว เพราะตอนเย็นว่างพอดี”
4.รู้ว่าเรากำลังรู้สึกอะไร
มีสติกับตัวเอง ดึงตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องตัดสินอารมณ์ที่มีว่าดีหรือแย่ แค่รู้เอาไว้ว่าเรากำลังรู้สึกแบบนี้ เราจะเริ่มสังเกตว่าอะไรมากระตุ้นให้เรากลัว หงุดหงิด เห็นถึงสาเหตุ แล้วตั้งรับ ลดความเครียดกับเรื่องที่ผ่านมาและไม่นอยด์กับสิ่งที่ยังไม่เกิด
5.พูดกับตัวเองด้วยความนุ่มนวล
เคยถอยดูเสียงข้างในของตัวเองมั้ยว่านี่เราให้กำลังใจหรือกำลังดูถูกตัวเองอยู่ ความทุกข์หรือสุขเลยอยู่ที่ใจล้วนๆ เวลาที่เริ่มดิ่ง ต้องมีเสียงบอกกับตัวเองว่าหยุด อย่าฝังตัวเองให้จมดิน พูดกับตัวเองด้วยความอบอุ่น ซัพพอร์ตใจตัวเองเยอะๆ ไม่ต้องทำตัวเป็นศัตรูกับตัวเองมากก็ได้ ความสุขจะค่อยๆ มาเอง
อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO