ยากจังพอมาถึงตอนอยากคุยเรื่องความรู้สึกกับเขา บางทีมันก็แค่ความรู้สึกเล็กๆ ของเรา ที่เราอยากให้เขาทำอะไรให้เราบ้าง เขาได้ยินทีไรก็เหมือนปิดประตูใส่ จนเรารู้สึกผิดแล้วรู้งี้ไม่พูดเลยดีกว่า!
เป็นเหมือนปัญหาโลกแตกในความไม่เหมือนกัน ผู้ชายกับผู้หญิงที่จะมีวิธีสื่อสารคนละแนว ผู้ชายจะรู้สึกเป็นภาระทางใจทันที ถ้าผู้หญิงได้ลองบอกสิ่งที่ต้องการ หรือแชร์ความรู้สึกออกมา เขาจะตั้งกำแพง โต้กลับแบบเจ็บๆ จนเราก็งงนะว่าเรื่องแค่นี้เอง ขออะไรนิดเดียว ทำไมต้องบานปลายอย่างนั้น สงสัยจัดๆ เลยไปอ่านทุกสำนักฮาวทูมา “ผู้ชายและผู้หญิงจะมีวิธีสื่อสารสิ่งที่รู้สึกไม่เหมือนกัน” และ “โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงชอบใช้คำพูด” แต่ “ผู้ชายเมื่อได้ยินกลับรู้สึกว่าเป็นความผิดเขาทันที”
ก่อนอื่นเลยอยากบอกผู้หญิงทุกคนว่า “ถ้าคุณกำลังพยายามส่งเสียงบอกอะไรเขาอยู่ ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองที่สุดกับเขา แล้วเขากลับตั้งกำแพงใส่จนคุณกลับรู้สึกว่า ฉันไม่น่าพูดออกไปเลย อยากบอกว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไม่ผิดจริงๆ!!”
มันดีออกไม่ใช่เหรอที่เรามีอะไรเกิดขึ้นในความรู้สึก แล้วได้แชร์กับคนรัก นั่นแปลว่าเราแคร์ความสัมพันธ์ของเรา ไม่อยากให้มันแย่ลง ห่างเหินและเลิกกันไป
คุณรู้สึกเครื่องสั่นได้ บางทีฉันก็ต้องการอะไรคอนเฟิร์มว่าความสัมพันธ์เรายังโอเค
ลองเจาะเข้าไปอีกหน่อยเลยนะว่าทำไมคุณถึงอยากบอกความรู้สึกกับเขา ส่วนใหญ่ก็เพราะว่าคุณมีต่อมเอ๊ะกับอะไรบางอย่าง บางครั้งเขาแสดงออกความรักน้อยเกินไป เขาไม่ค่อยมีเวลา เขาไม่เคยพาไปเที่ยวไหน ทั้งหมดก่อเป็นความรู้สึกในใจ อันนี้บอกเลยว่าเป็นธรรมชาติของผู้หญิงเลยที่จะกระตุกกับอะไรอย่างนี้ง่ายมาก ก็เหมือนกับผู้ชายที่เรื่องเซ็กซ์สำคัญสำหรับเขานั่นล่ะ
คุณอยากให้ความสัมพันธ์เราไม่จืด อยากรู้จักกันมากขึ้น อยากให้คุณค่าของเวลา มันเหมือนเป็นต่อมความเป็นหญิงที่มีมาทุกยุคสมัยว่า “ผู้หญิงมองหาความมั่นคงทางใจเสมอ” คุณเลยไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ ถ้าคุณอยากบอกความรู้สึก อยากขออะไรเขาออกไป เพราะคุณเองก็ต้องการหนทางเอาตัวรอดแบบที่ผู้ชายเขาก็ต้องการเหมือนกัน
ผู้ชายและผู้หญิงมักจะไม่ค่อยสื่อสารกันได้ดีนักหรอก
เหมือนเป็นกฎเหล็กในความต่างกันของผู้ชายกับผู้หญิงเลย “ผู้ชายและผู้หญิงจะไม่ค่อยสื่อสารกันได้ดีนัก เลยทำให้การแสดงความรู้สึกออกมา เพื่อบอกอะไรผู้ชายถึงยากเหลือเกิน”
“ฉันก็ว่าฉันซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองแล้ว เป็นตัวเองแล้ว แต่ทุกครั้งพออ้าปากบอกอะไรเขา เขาก็อึ้ง และตอบแบบที่ฉันรู้สึกผิดไปเลย แถมเขายังดาวน์ ใจอ่อนปวกเปียกลงไปอีก กับแค่ประโยคที่ฉันบอกว่า “เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยหวานกันเลยนะ” ฉันทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรือ? เขาไม่คุยเรื่องนี้ต่อ ยังรู้สึกแย่ และมันยิ่งทำให้ฉันแย่หนักลงไปกว่าเดิม จนตั้งใจไว้เลยว่าถ้ารู้สึกอะไร ฉันจะไม่พูดมันออกไป”
สิ่งที่เกิดคือคุณรู้สึกว่าเขาออฟไปเลย เขาตอบกลับมาสั้นๆ ที่ช็อคกว่าว่า “หรือผมทำให้คุณพอใจไม่ได้” หนักเข้าไปอีกคือ “หรือเราเข้ากันไม่ได้” ประโยคง่ายๆ แค่ “เมื่อไหร่เราจะไปเที่ยวด้วยกัน?” กลายมาเป็นรักจะร้าวได้เลย
ในความเป็นผู้ชาย จิตวิญญาณของเขาสร้างมาเพื่อแก้ปัญหา มากกว่าเผชิญหน้าความรู้สึก
ทุกสำนักฮาวทูได้พูดประโยคนี้เอาไว้ ว่าความมาสคูลีนในผู้ชายน่ะ ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพศแห่งการแก้ปัญหา มากกว่ารับความรู้สึกและเข้าใจความรู้สึก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกคุณนะ เขาเข้าใจได้ เพียงแต่คุณต้องรู้วิธีที่จะจัดการกับเขามากกว่า การบอกเขาว่า “เรามีอะไรต้องคุยกัน?” และมองตาเขาตรงๆ อาจไม่เวิร์ค นั่นทำให้เขากลัวทันที ว่าเขาจะโดนอะไรมั้ย? และต่อให้เป็นการแชร์ความรู้สึกที่ใสซื่อที่สุดของคุณ เขาก็จะรู้สึกเหมือนโดนสอบสวนได้
แสดงความรู้สึกกับเขายังไงให้เราดีๆ ต่อกันที่สุด
เป็นความฝันของผู้หญิงเลยนะที่อยากจะพูดเพียงหนึ่งประโยค แล้วเขายิ้มบอกว่า “ผมเข้าใจนะ” เขาเข้ามากอดแล้วบอกว่า “ผมจะพยายาม” เราต้องการเพียงเท่านี้จริงๆ แต่ไม่ เขาไม่เป็นอย่างนั้นเลย ลองดูฉากในหนังเรื่อง Crazy, Stupid Love ฉากที่จูเลียน มัวร์พยายามคุยกับสตีฟ คาร์เร็ลล์ในรถ คุยอะไรเขาก็เงียบ จนเธอต้องของขึ้นเรื่อยๆ บอกเขาไปว่า “ฉันนอกใจคุณน่ะ” เขาก็ยังเงียบและเปิดประตูรถไถออกไปเลย
“ทำไมคุณไม่พูดอะไรสักอย่าง คุณก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้ ฉันจะของขึ้นและจะพูดมากขึ้นๆๆๆ”
จะบอกว่าเวลาเราของขึ้นตอนเขาไม่พูดน่ะ เราจะรู้สึกผิดไปเลยว่าไม่น่าโกรธเลย แต่อย่ารู้สึกแบบนั้นนะ คุณแค่พลาด แต่ไม่ได้ทำผิด ไม่ว่าหน้าเขาจะเย็นชา เขาจะถอนหายใจ กอดอก แสดงทุกท่าทางว่ากำลังออฟอยู่ คุณก็อย่าคิดว่าตัวเองทำผิดอยู่ดี เพราะนี่คือกฎของการสื่อสารที่มักไม่เข้าใจกันของผู้ชายและผู้หญิง มันเป็นเรื่องของธรรมชาติจริงๆ
“สิ่งที่คุณควรทำเป็นสิ่งเล็กๆ ที่คุณอาจมองข้ามไปจริงๆ พวกเขาไม่ได้ยากขนาดนั้นแน่นอน”
ถ้าคุณแสดงความรู้สึกออกไปแบบนี้ เขาจะรู้สึกได้ว่า…..
แทบจะทุกๆ ครั้งที่คุณแสดงความรู้สึกออกไป เขาจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุณเบลมอยู่ ถึงคุณจะพยายามบอกว่าไม่ๆๆๆ เขาก็คิดแบบนั้นแหละ สิ่งแรกเลยคือต้องทำให้เขารู้สึกว่า “ฉันไม่ได้เบลมคุณอยู่นะ”
คาดหวังไว้เลยว่าถ้าพูดอะไรออกไป เขามาแนวนี้แน่ๆ ตั้งรับเอาไว้และป้องกันไว้ก่อน สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ
“บอกเขาว่าสิ่งที่คุณกำลังจะบอกออกไป คุณไม่ได้เบลมเขา ไม่ได้อยากทำให้เขารู้สึกแย่ คุณเข้าใจเขานะว่าเขาอาจจะรู้สึกอย่างนี้ แต่คุณอยากจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้น และนี่คือสิ่งที่คุณรู้สึก”
แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกถูกเบลมล่ะ?
ก็เพราะเขารับผิดชอบในความรู้สึกกับคุณน่ะสิ เขาแคร์ อยากทำให้ดี หรือลึกๆ เขารู้สึกว่ายังทำให้คุณไม่ดีพอ เขาจะรู้สึกว่าเหมือนเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเลย คือทำให้คุณแฮปปี้ให้ได้ ถ้าอย่างนั้นมันก็มาจากความรู้สึกที่เขาอยากทำให้ดี ไม่ได้เกี่ยวกับนิสัยที่แย่ หรือเขาไม่รักคุณหรอกนะ และถึงเขาจะไม่อินเลิฟกับคุณ เขาก็ยังเกิดความรู้สึกว่า ต้องทำให้คุณมีความสุขให้ได้อยู่ดี
“เพราะฉันรักคุณ ฉันเคารพคุณ ฉันให้คุณค่ากับความเป็นเรา ฉันเลยคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าฉันบอกคุณว่าฉันรู้สึกแบบนี้……” ประโยคอะไรแบบนี้ล่ะที่มันจะทำให้เขารีแล็กซ์ขึ้นตั้งแต่แรกเลย ป้องกันไม่ให้เขารู้สึกว่าถูกเบลมได้
ทำให้เขาสบายใจ เปิดกว้าง รีแล็กซ์ มาถึงตอนนี้เขาก็พร้อมจะพูดคุยตรงๆ และหาทางทำให้ดีขึ้นไปด้วยแล้ว
ภาษากายก็สำคัญ มือของคุณมีผลต่อเขานะ
ระหว่างคุยกับเขา ลูบหลัง ลูบมือเขาให้ผ่อนคลายไปด้วย หรือคุยตอนได้นอนกอดกัน ตอนที่กำลังนั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน โมเมนท์อารมณ์เย็นๆ ที่เขานั่นล่ะทำให้คุณรู้สึกสบายได้ขนาดนี้ เขาก็จะหันมาเข้าใจคุณได้เลย
อย่าลืมว่าคุณคืนคนรักของเขา ไม่มีใครจะเข้าใจเขาได้เท่าคุณ และไม่มีใครจะเข้าใจคุณได้เท่าเขาอีกแล้ว ให้คุณค่ากันและกันจากใจด้วยความอ่อนโยน ความจริงใจที่เห็นคุณค่าในความรักของคุณและเขา จะนำพาทุกสิ่งให้เกิดเป็นความเข้าใจได้เอง
ลุยต่อเลยนะถ้าอยากแชร์ความรู้สึกกับเขา อย่ากลัว อย่าคิดว่าตัวเองผิดที่จะพูด ไปต่อเลย
อ่านต่อได้ที่ ความสัมพันธ์จะไปต่อได้ เราต้องเปิดใจคุยกัน