ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Self Love

“5 ความลับของชีวิต ที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้” หนังสือที่จะเปลี่ยนชีวิตเราทันที

5 ความลับของชีวิต

หนังสืออีกเล่มที่เปลี่ยนชีวิตเรา สะดุดกับประโยคที่บอกว่า “นี่เป็นหนังสือที่จะบอกความลับของชีวิต ที่ต้องคนพบให้เจอก่อนตาย” ผู้เขียนรวบรวมมาจากการพูดคุยกับคนสูงวัย ว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตมีความสุขและมีความหมาย

ดร.จอห์น ไอโซ ได้มอบอะไรให้กับโลกอย่างที่สุดแล้ว ความอยากรู้ของเขาว่า “อะไรจะทำให้ชีวิตมีความสุข และมีความหมายก่อนตาย” ทำให้เขาต้องลงมือสำรวจเรื่องนี้จากคน 235 คนที่ได้รับเลือกด้วยคำถามที่เขาถามออกไปในคน 1,000 คนว่า “คุณรู้จักใครบ้างที่ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน และมีอะไรในชีวิตที่จะสอนเรา”

เป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านแล้วอ่านอีก ขอบคุณสำนักพิมพ์ Oh My God books และ อรวรรณ อบรมย์ ผู้แปล คลีโอขอเล่าย่อๆ ถึงความลับ 5 ข้อ การการ decode สไตล์เรา แล้วลองไปหาอ่านกันต่อเอานะ

จากประสบการณ์ที่ได้คุยกับผู้คนมา ผู้เขียนสรุปว่า “สิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดคือการแสวงหาความสุข และความหมาย” ความสุขที่เขาบอกไม่ใช่แค่ความสุขฉาบๆ นะ แต่คือ “ความเบิกบานและความพึงพอใจในขั้นลึก ส่วนความหมายคือการที่เราไม่อยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง แต่คือเราต้องเชื่อมโยงเข้ากับอะไรบางอย่าง หรือใครบางคนนอกไปจากตัวเอง”

และเรื่องเหล่านี้เป็นความลับของชีวิต ที่ผู้เขียนบอกว่า “มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้”

ความลับข้อที่ 1: ซื่อสัตย์กับตนเอง

ดร.จอห์นได้หยิบประโยคจากเฮนรี่ เดวิด ธอโรมาเป็นตัวเปิดของความลับเรื่องนี้ให้เราถึงกับสะดุ้ง ธอโรบอกว่า “โศกนาฏกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการใช้เวลาทั้งชีวิตตกปลาเพียงเพื่อจะพบว่า มันไม่ใช่ปลาตัวที่คุณต้องการ”

เขาพบว่าสิ่งแรกเลยที่เป็นความลับของมนุษย์ คือ “การใช้หัวใจนำพา” เขาได้รับการบอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “คุณต้องเดินตามหัวใจตัวเอง” “คุณต้องรู้ว่าคุณเป็นใคร และทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้” คนที่ตายอย่างมีความสุขนั้น เขาจะตอบคำถามตัวเองได้ว่า เขามีชีวิตแบบที่ต้องการหรือไม่  

จอห์นยังบอกอีกว่า “ผู้มีความสุขจะไม่ถามว่าเราจดจ่อกับสิ่งสำคัญอยู่หรือเปล่า แต่จะถามว่าเรากำลังจดจ่อกับสิ่งสำคัญสำหรับตัวเองอยู่หรือไม่?”

Cleo Decode: เรื่องนี้คือการที่เราเข้าใจตัวเองในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต เราตอบคำถามตัวเองได้ เราตรงชัดกับตัวเอง เราได้สำรวจชีวิตเราเองเสมอ สิ่งที่เราควรถามตัวเองก็คือ “ฉันโอเคกับชีวิตฉันจริงไหม? ฉันอยากจะเป็นคนแบบที่ฉันเป็นแบบนี้จริงไหม? ฉันโฟกัสกับสิ่งที่ฉันอยากไปให้ถึงดีพอไหม? ฉันให้หัวใจนำทางจริงไหม?”

5 secrets you must discover before you die

ความลับข้อที่ 2: อย่าปล่อยให้เสียดาย

เพราะถ้าไม่อยากเสียดายจอห์นบอกว่าสิ่งที่เราต้องทำคือ “เราต้องใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ มุ่งไปยังสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่วิ่งหนีสิ่งที่กลัว ถ้าไม่อยากเสียดาย เราต้องเอาชนะความผิดหวังที่ชีวิตมอบให้เราอย่างหนีไม่พ้นให้ได้”

สิ่งนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเจออะไรที่ต้องเลือกในชีวิต ตอนที่เราลังเลว่าจะเสียไปดีไหม จะยอมเจ็บ ยอมผิดหวังดีไหมนั่นล่ะ คือจุดที่เราจะได้ใช้ความกล้าหาญของเรามาปะทะ เพราะสิ่งที่คนที่จอห์นสัมภาษณ์บอกว่าจะจำจนไม่มีวันลืมเลยก็คือ “การที่ไม่ยอมเสี่ยงที่จะเผชิญความล้มเหลว เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ที่สุด”

เมื่อยอมเสี่ยงแล้ว ก็ควรเลิกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา เพราะความหมายของชีวิตคือเมื่อเราเสียใจแล้ว เรายังมีความหวังขึ้นมาได้ด้วยนั่นเอง

Cleo Decode: อะไรที่เรารู้สึกว่ามัน calling ในใจ เรารู้ชัดเลยว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการ นึกยังไงก็ยังคงเป็นสิ่งนี้ แล้วถ้าเราปล่อยให้มันผ่านไป ลองคิดดูว่าจะเสียดายสิ่งนั้นไหม ถ้าแลกกับความกลัว ความลำบากที่ต้องเผชิญเพื่อจะให้ได้สิ่งที่เราต้องการ กับความเสียดายไปจนตาย เราจะเลือกอะไร? เรื่องนี้มาบอกเราว่าถ้าใจเรากล้าหาญพอ เราเชื่อในตัวเองดีพอ ต่อให้เสี่ยงยังไง สุดท้ายเราจะฝ่าฟันทุกอย่างไปได้เอง แล้วมันก็ได้เรียนรู้ดีออกไม่ใช่หรือ?

ความลับข้อที่ 3: ใช้ชีวิตด้วยความรัก

“ในบั้นปลายของชีวิต ตอนที่เราเหลือเวลาน้อยแล้ว ความรักเป็นสิ่งเดียวที่เราใส่ใจจริงๆ” จอห์นบอกว่าจากที่เขาคุยกับคนมาหลายๆ คน “ความรักนั้นคือทั้งในการให้และการรับ ที่เป็นรากฐานสำคัญที่สุดของชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย”

จอห์นเล่าต่อว่าความรักที่เขาหมายถึงคือ “ความรักที่เป็นสิ่งที่เราเลือกจะทำ” ไม่ใช่ความรักที่เป็นอารมณ์ “เราเลือกที่จะรักตัวเอง และเราเลือกที่จะปฏิบัติต่อผู้ใกล้ชิดเราด้วยความรัก” และ “เราเลือกที่จะรักในเวลาที่ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น”

Cleo Decode: สิ่งแรกเลยที่จอห์นบอกคือ “รักตัวเอง” เริ่มมาจากเราเห็นคุณค่าของตัวเองดีพอ จนทำให้เรามีพลังกับตัวเองเลือกสิ่งที่ใช่และตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปได้ เรารักยังรักตัวเองมากพอจะรู้ว่าเราจะไปถึงสิ่งที่เราต้องการได้ยังไงด้วย และกับคนอื่นๆ เราเลือกที่จะรักและเมตตาต่อพวกเขาได้ ดีกว่าคิดลบ เมาท์ หรือมีแต่ความต้องการจากพวกเขา ตอนที่เราอยู่กับใครก็ตาม ถามเราตัดการตัดสินว่าเขาเป็นยังไงออกไป แล้วเข้าไปอยู่ในธรรมชาติของเขาจริงๆ เราจะรักและเคารพความเป็นเขา จนหัวใจมีความสุขและมีความหมายได้เลย

ความลับข้อที่ 4: อยู่กับปัจจุบัน

ความหมายอันเรียบง่ายที่จอห์นบอกถึงความลับข้อนี้ก็คือ “การใช้ชีวิตให้เต็มที่ในทุกห้วงขณะ ให้เราไม่ต้องตัดสินชีวิต แต่ให้ใช้ชีวิตให้เต็มที่” และจากที่จอห์นค้นพบมาสิ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตกับปัจจุบันได้เต็มที่ก็คือ “การเอาความน่าเบื่อออกไปจากชีวิต” และไม่ว่าจะเวลาไหนเราแค่ต้องอยู่กับสิ่งตรงหน้าให้เต็มที่

การให้คุณค่าในทุกวัน ไม่ปล่อยให้วันผ่านไปโดยไม่เห็นค่า ทำให้เราได้ใช้ปัจจุบันได้มีความสุขและมีความหมาย เราจะรู้ชัดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

Cleo Decode: สำคัญที่สุดในการอยู่กับปัจจุบันคือการขอบคุณกับสิ่งที่เราได้รับ เอนจอยโมเมนท์ และไม่ว่าจะเจออะไรก็ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ฟังเสียงของปัจจุบัน เรื่องที่เรากังวลจะหายไปทันที เราต้องฝึกใจให้อยู่กับปัจจุบันไว้เสมอ อย่าไปกลัวอะไรนะ และลองถามตัวเองว่า “ฉันกำลังมีความสุขเต็มที่กับปัจจุบันอยู่ไหม?” ด้วยนะ

ความลับข้อที่ 5: ให้มากกว่ารับ

บางทีความสุขอาจไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถถามหา แต่อาจเป็นผลพลอยได้ของอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่า จอห์นบอกด้วยว่า “คนที่มีความสุขมาก คือคนที่จมอยู่กับตัวเองน้อยที่สุด” เขาค้นพบว่าคนที่มีความสุขอย่างเต็มที่ จะมุ่งไปหาสิ่งนั้น และมักจะทิ้งอะไรไว้ให้กับคนข้างหลัง หลายๆ คนที่จอห์นคุยด้วยบอกกันว่า “พอแก่ตัวลง ฉันจะไม่เรียกร้องให้ตัวเองแล้ว แต่จะทำให้คนอื่นแทน”

เป็นที่ชัดเจนเลยว่าคนที่ทุกข์ที่สุด เป็นคนที่มักจะคอยแสวงหาอะไรให้ตัวเองอยู่ตลอด หาความรัก หาความสุขจากสิ่งของ ความสุขจากการมีชื่อเสียง

Cleo Decode: นั่นทำให้เราต้องเชื่อในตัวเองต่อไปว่า “เราเปลี่ยนโลกได้นะ” อะไรที่เราอยากทำให้คนอื่น ถึงมันจะเป็นฝันที่ไกลมาก แต่เราก็ทำมันได้จริงๆ แค่ในการใช้ชีวิตของเรา คิดถึงเรื่องนี้ไว้ตลอด อย่ามัวแต่เติมให้ตัวเองมีความสุขจากโน่นนี่ แต่เติมความหมายไประหว่างทางของชีวิต และปักธงกับสิ่งที่เราอยากมอบให้ออกไปไว้ด้วย

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ 9 วิสดอมสุดอินสไปร์จากโอปราห์

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']