ที่มาจากฝันในวัยมัธยมปลาย!!
ขนุนอินบ็อกซ์มาหาเราพร้อมกับภาพงานอาร์ตของเธอ ไม่มีรูปหน้าเต็มของขนุนสักรูป เธอมอบงานอาร์ตสไตล์แอ็บสแตร็คสวยๆ เล่าเรื่องราวสั้นๆ มาหาเรา เสียงหวานๆ ดูถ่อมตัวของเธอทำให้เรานึกภาพว่า ขนุนคงเป็นสาวน้อยที่มีโลกแห่งศิลปะที่เธอหวงแหน และคงรักโลกนั้นมากแน่ๆ หัวใจของเธอจะเป็นยังไงนะ คือความสงสัยที่เรามี เพราะภาพของขนุนสวยสว่าง เป็นภาพที่เห็นแล้วจินตนาการว่าคนวาด คงมีหัวใจบอบบาง และแสนจะละเอียดแน่ๆ
ภาพแอ็บสแตร็คท์โทนสีโมโนโทนสว่างๆ ในเกือบทุกรูป ภาพที่มีเท็กซ์เจอร์ ไล่เป็นเลเยอร์ที่แน่นในคอมโพสิชั่นของภาพ เป็นอารมณ์และสไตล์ที่เธอได้ปาดฝีแปรงลงไป จากสาวน้อยในวัยมัธยมปลายที่รู้จักตัวเองชัดตั้งแต่วันนั้น “รู้ตัวว่าอยากเรียนด้านศิลปะมาตั้งแต่ม.4 ตอนที่ได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา โลกแห่งศิลปะกว้างมาก บอกแม่ทันทีว่าจะเรียนศิลปะนะ” เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เลือกชัดตรงกับหัวใจแล้ว
ขนุนมุ่งมั่นสุดตัว เธอรู้ว่าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนตรงด้านนี้เท่านั้น เธอชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว โลกกว้างตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอชอบ มันเกิดเป็นงานได้นี่นา ขนุนฝึกตัวเองหนักมากๆ เธอเรียนพิเศษทุกปิดเทอม นั่งรถโดยสารไปกลับจากบ้านแถวบางนา ไปเรียนที่ปิ่นเกล้าทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น
“เราเชื่อว่าต้องฝึกให้หนักเท่านั้นถึงจะเรียนที่อยากเรียนได้”
ขนุนรู้ตัวว่าเธอไม่ได้วาดรูปโดดเด่นขนาดนั้น แต่เธอมุ่งมั่น ตรงชัด เธอเลยต้องฝึกเท่านั้น และเธอไม่สนใจคณะอื่นใดนอกจาก Fine Art
ในที่สุดเธอก็สอบเข้าได้ทั้งมหาวิทยาลัย ศิลปากร และได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ของศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขนุนเลือกเข้าที่จุฬาฯ และหลังจากนั้นเธอก็ก้าวเข้าสู่โลกกว้างแห่งศิลปะแล้ว “พอมันมีเป้าหมาย เราก็แค่อยากไปให้ถึง ไม่คิดว่าตัวเองจะมุ่งมั่นขนาดนี้นะ คนอื่นอาจไปเรียนดีไซน์ แต่เราคิดว่ามันต้องจิตรกรรมนี่ล่ะ ต้องดิบๆ หน่อยนี่ล่ะ”
จริงๆ ความมั่นใจเรื่องศิลปะของเธอ มาจากการที่ขนุนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกานะ การวาดรูปที่เธอคิดว่าธรรมดาของเธอที่เมืองไทย แต่พอไปถึงที่นั่นกลับกลายเป็นว่า เธอทำได้ดีกว่าเพื่อนๆ ครูที่นั่นเลยสนับสนุน ทำให้ขนุนมั่นใจ พอมั่นใจเธอก็คิดว่าต้องทำได้สิ แล้วพื้นฐานต้องแน่นถึงจะดี สไตล์การเรียนที่นั่งไม่เครียด ไม่กดดัน เลยทำให้เธอมองศิลปะเป็นเพื่อนที่ตรงกับใจได้
พอได้เข้ามาเรียนจริงในมหาวิทยาลัย ขนุนเลือกงานอาร์ตสไตล์ Abstract เป็นหลัก ขอสื่อสารศิลปะให้ตรงกับหัวใจเข้าไปอีก “โชคดีที่มีอาจารย์ดี แกทำงานสไตล์ Abstract อยู่แล้ว แต่เราต้องเรียนพื้นฐานให้ครบนะ ทั้งวาดรูป ปั้น ภาพพิมพ์ ถ่ายรูป” จนเธอมาเลือก Abstract Painting นี่ล่ะ เป็นงานเด่นของเธอ เธอใช้เวลาค้นหาตัวเองประมาณหนึ่งก่อน ถึงปักแปรงมาทางนี้เต็มตัว
งานอาร์ตแรกๆ ของขนุนจะเป็นแนวภาพธรรมชาติๆ
“เราเริ่มจากงานแนวที่เป็นภาพรวมๆ กับคำว่าธรรมชาติ แล้วก็มีแทรกความไม่แน่นอนของธรรมชาติเข้าไป เราใส่อารมณ์เข้าไปในงาน การใส่อารมณ์ก็คือฝีแปรงและสีนี่ล่ะ”
แต่อาร์ติสท์ทุกคนมักมีวิวัฒนาการในงานของตัวเอง งานแรก กับงานสุดท้ายมักออกมาคนละทางเลย ขนุนเองก็เหมือนกัน งานแรกๆ ของเธอเริ่มมาจากงานที่ใช้สีค่อนข้างแรง “มันมีงานชุดแรกๆ ที่เรียน เราจะใช้สีดำ ม่วง เหลือง จะค่อนข้างรุนแรง คนที่ดูงานอาร์ตของเรา เขามาดู เขารู้เลยว่ามันเต็มไปด้วยความกดดัน ความรุนแรง เพราะแปรงมันแรงและชัดเจนมาก” ความสนุกในการดูงานศิลปะก็คือ การตีความของคนดูเวลาเห็นงานของอาร์ติสท์ หัวใจใครจะสัมผัสงานของใครได้เพียงไหน งานของขนุนแรกๆ เธอทำรูปเกี่ยวกับธรรมชาติของภูเขา มีความตัดกันของอารมณ์ เป็นความสว่างของแสงแดดกับเงามือ เลยเป็นสีเข้มกับอ่อน ขัดแย้งกันอยู่ในภาพ
หลังจากที่ขนุนเรียบจบ ก็ถึงเวลาที่เธอจะปล่อยของในความเป็นตัวเองอย่างอิสระแล้ว ขนุนทำงานกับตัวเองในฐานะอาร์ติสท์แนว Abstract เต็มตัว ตลอดเวลาที่เธอฝึกฝนตัวเองมาตั้งแต่สิบกว่าขวบ จนถึงวันนี้ งานที่ใครๆ เคยมองว่าแรง ขนุนได้กล่อมเกลาจิตวิญญาณ และสกิลล์จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ในภาพของเธอขึ้นมา “พอเราออกจากห้องเรียน มันค่อนข้างอิสระ ความชอบของเราเลยชัดขึ้น เราชอบความกลางๆ ไม่ต้องโดดเด่น ไม่ต้องสะดุดตาใคร คือความสบายใจมากกว่า”
งานคอลเล็คชั่นแรกๆ ของขนุนเป็นภาพสไตล์สีอ่อนๆ สว่างๆ โทนสีพาสเทล เธอได้แรงบันดาลใจมาจากเวลาไปเห็นบ้านเมืองของประเทศต่างๆ
“ตอนไปอิตาลีจะได้สีพาสเทลสวยๆ ของบ้านเขา และพอไปเดนมาร์ก ทุกอย่างเย็นๆ จืดๆ”
ขนุนหยิบจับสีที่เห็น การแต่งตัวของผู้คนมาใส่ในงานของเธอ เข้ากับหัวใจของเธอที่มีความสงบอยู่ในนั้น
ภาพแอ็บสแตร็คท์ที่ดูเหมือนไม่ต้องวาดรูปอะไรลงไป ความจริงแล้วเรื่องของกระบวนการทำงาน ก็ซับซ้อน และใช้ความอดทนที่ต้องอยู่กับอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุดด้วยอย่างมาก “ตอนทำงานจะเริ่มจากสเก็ตช์ก่อน ทำเยอะเลยขั้นตอนนี้ ทำเป็นสีน้ำเอาไว้ เป็นภาพในหัวว่าจังหวะประมาณนี้นะ แล้วก็เลือกจังหวะที่เราชอบ พอเริ่มลงแปรงก็จะใส่อารมณ์เพิ่มเข้าไป เราต้องใส่ตัวเองไปในนั้นด้วย”
ขนุนบอกว่าที่ต้องสเก็ตช์ภาพก่อน ก็คือการสร้างองค์รวมเพื่อไม่ให้หลุด นี่คือความสำคัญมากของการเพ้นท์แอ็บสแตร็คท์ “เราคิดว่าโครงสร้างไม่แน่นก็อาจจะหลุดได้ ความเป็นแอ็บสแตร็คท์ คนอาจคิดว่าแค่ปาดๆ ก็ได้ แต่เราเคยลองมาแล้ว รู้ว่ามันยังไม่ถึง มันจะมีรูปทรง เส้นสี ขอบเขต แล้วเวลาเราทำจะไม่หลุด ตอนทำสีแต่ละเลเยอร์ เราจะเพิ่มชั้นสีอิสระตามความรู้สึกเรา เราไม่รู้ว่าภาพสุดท้ายจะชัดเจนขนาดไหน แต่รู้ว่าคร่าวๆ เป็นแบบนี้ล่ะ”
และความยากคือการที่ภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อาร์ติสท์จะใส่การซ้อนทับขึ้นให้เป็นสีหนาๆ นูนๆ “เราใช้สีน้ำมัน ใช้สีเยอะมาก แล้วจะใช้เวลาในการแห้งนาน ทำเลเยอร์หนึ่งต้องรออีกอาทิตย์ถึงจะมาเติมอีกเลเยอร์ได้ เราอยากทำให้เสร็จในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่งั้นอารมณ์จะหลุด เลยต้องมีสมาธิกับภาพให้นานที่สุดด้วย”
เป็นเพราะความนิ่งของใจ และความมุ่งมั่นที่ทุ่มเทมาเป็นสิบปีของขนุน งานของเธอเมื่อเพนท์เสร็จแล้ว ใครที่เห็นจะรู้สึกว่าภาพของเธอ ไม่ใช่อาร์ติสท์อายุ 26 ทำ เหมือนกับว่าต้องผ่านประสบการณ์มานานกว่านั้น คนดูภาพเธอแทบจะทายไม่ถูกกันว่าเธออายุเพียงเท่านี้ และพอเธอให้แกเลอรี่ตีราคาภาพของเธอ สาวน้อยคนนี้สามารถสร้างงานที่มูลค่าหลักแสนได้ในแต่ละภาพ เธอขายภาพของเธอให้กับคนรักศิลปะได้อย่างต่อเนื่อง จนขนุนเก็บเงินให้ตัวเอง เตรียมตัวไปเรียนต่อในอนาคตได้เรียบร้อยแล้ว
ขนุนแพลนว่าเธอจะต้องไปหาครูที่ช่วยแนะนำงานของเธอ ขนุนอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เธอคิดว่ายังก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้อีก และไม่อยากให้ชีวิตอยู่ในคอมฟอร์ทโซนเกินไป “อยากออกไปเจอคนมากขึ้น อยากทดลองทำงานคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ไม่อยากให้งานกลวง การเปลี่ยนรูปแบบงานคือคุณค่าในตัวศิลปินเหมือนกันนะ ใครจะรู้สึกยังไงแล้วแต่ แต่ถ้าเขาแฮปปี้กับตัวเอง ก็โอเคแล้ว”
สาวน้อยคนนี้เตรียมตัวจะไปค้นหาลิมิตของเธอต่อไปในโลกกว้าง ครูจะช่วยงัดอินเนอร์ของเธอออกมาสาดได้ เพราะสุดท้ายแล้วขนุนบอกว่า “เราทำงานศิลปะก็เพื่อตัวของเราเองนะ” ความพอใจอยู่ในสิ่งที่ตัวเธอเท่านั้นเป็นคนตัดสิน และขนุนเป็นผู้หญิงที่เชื่อเสมอว่า “เราต้องไปต่อได้อีกสิ” นั่นคือความหมายของการทำงานของเธอด้วย
ติดตามงานของขนุน ชรัณธันย์ ธนโชติปรมัตถ์ ได้ที่ www.charannatan.com Instagram: @char.t