สงสัยมาตลอดเวลาเราชมใคร หรือกับตัวเราเองที่ถูกชม แล้วแทนที่คนนั้นจะสบตา ขอบคุณ ยิ้ม กลับเจอการปฏิเสธตัวเองแนวว่า “ไม่หรอกค่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เก่งมากหรอกค่ะ มีคนเก่งกว่านี้เยอะเลยค่ะ” ทั้งๆ ที่บางทีอาจเป็นแค่คำชมธรรมดาจากคนใกล้ชิด “โหวว วันนี้สดใสนะ” อะไรแบบนี้
ทำไมเราอึดอัดใจเมื่อได้รับคำชม?
มันมีเหตุผลกว้างๆ อยู่ไม่กี่ข้อ หนึ่งในนั้นก็คือเราอาจรู้สึกไม่มั่นใจ เมื่อคนเราไม่มีความมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ ก็จะรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับการได้รับคำชื่นชม หรือแม้แต่คำพูดดีๆ เท่านั้น จะรู้สึกไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริง ถ้าเลือกได้ขอให้ไม่มีใครมาสนใจเลยจะดีกว่า ไม่อยากให้ใครเห็นด้านดี เพราะเขาอาจจะมองเห็นด้านแย่ของเราด้วย
ส่วนคนที่มั่นใจในตัวเองมากประมาณหนึ่ง ก็อาจจะรู้สึกเห็นด้วยนะ แต่จะยอมรับมันดีไหม เพราะอาจคิดว่าสังคมน่ะ ไม่ชอบคนมั่นหน้าเท่าไหร่หรอก พวกเขาอยากให้เราดูถ่อมตัวกับคนชมมากกว่า
หรือเราชินกับการเด้งกลับทุกอย่างเป็นเรื่องลบ พอใครมาชมเราเลยเอ๊ะ! ขึ้นมาทันที นั่นคือเรากำลังมีกำแพง
และอีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ชินเวลามีคนชม เราอาจโตมากับครอบครัวที่ไม่ค่อยใช้คำชมต่อกัน หรือเคยมีเหมือนกันนะ เด็กที่ถูกพ่อแม่พูดตลอดให้ฟังตั้งแต่เล็กเวลาคนมาชม “อย่าไปชม เดี๋ยวมันเหลิง”
คำชมคือคำให้กำลังใจเราได้เหมือนกัน
ไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตาม จริงๆ การยอมรับคำชมนั้นจะทำให้ใจเราพองโต และรู้สึกมีกำลังใจกับตัวเองได้นะ เหมือนกับที่เราเองได้มอบคำชมให้คนอื่น แล้วเขาบอกเราว่ามีกำลังใจจัง เราก็มีคุณค่าพอที่จะได้รับสิ่งนั้นด้วยเหมือนกัน เราเลยอาจต้องเปลี่ยนแอตติจูดมาเป็นยินดีกับคำชม และถ้าไม่ชินจริงๆ ก็ต้องฝึก ไม่ตั้งกำแพงก่อน อ่อนโยนกับใจตัวเอง ยิ้มรับ ขอบคุณ และฝึกทำกลับไปที่คนอื่นๆ ด้วย
ลองวิธีตามนี้จากเรานะ
1. หาจุดตรงกลาง รับคำชมแบบไม่น่าหมั่นไส้
ถ้าเราเขิน กลัวดูน่าหมั่นไส้ ไม่ชิน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่ได้รับคำชมแล้วเลือกที่จะถ่อมตัว หรือผลักคำพูดดีๆ เหล่านั้นให้ไกลออกไป พวกเขายอมรับและคนรอบตัวก็ไม่ได้รู้สึกขัดหูขัดตา หมั่นไส้ในความมั่นหน้าของพวกเขาด้วย รับคำชมอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เทคว่ามันเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ในชีวิต ยิ้มรับ กล่าวขอบคุณ และมองเห็นสิ่งดีในตัวคนอื่นเช่นกัน
2.อย่าลืมขอบคุณ
ยิ้มรับ และขอบคุณเป็นอาการที่น่ารัก และทำให้เราสดใสขึ้นได้แน่นอน ไม่ต้องอยู่กับคำชมนั้นนานก็ได้ถ้ารู้สึกอึดอัด ก็ค่อยๆ เปลี่ยนหัวข้อ หรือชมคู่สนทนากลับไป แต่อาจจะมีช่วงที่ปล่อยให้คนชมได้อธิบายสักหน่อยก็ได้ว่า ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้น(ถ้าเธออยากจะพูดน่ะนะ) แล้วเอาคำชมนั้นน่ะกลับมาสะท้อนกับตัวเองว่า เราพัฒนาต่อได้นะ เราทำได้ดีกว่านี้ได้ เป็นแรงใจให้ตัวเองดีด้วย
3.เขาชมในสิ่งที่เราเองทำเพราะก็คิดว่าดี
อย่างเช่น เขาชมชุดที่เราใส่ว่าสวย ก็ถูกแล้ว ถ้าไม่สวยเราก็คงไม่ใส่ (อันนี้ไม่ต้องพูด) อาจจะตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ ฉันเห็นชุดนี้ครั้งแรกแล้วรู้เลยว่ามันใช่” ไม่ต้องรู้สึกเขินอายในรสนิยมของเรา หรือทำผลงานได้ดีมาก ก็เป็นเพราะเราตั้งใจกับมันจริงๆ รับคำชมเท่าที่งานได้ถูกนำเสนอออกไป ส่วนที่อยากทำให้ดีขึ้น เราไม่พูด แต่ทำกับงานต่อไปแทน “ขอบคุณมากเลยค่ะ ฝากติดตามงานต่อไปด้วยนะคะ”
4.เปิดใจกว้างรับคำชมนั้น
การรับคำชมจากใจที่จริง เหมือนเราได้ฝึกเปิดใจตัวเองให้กว้างขึ้นด้วยนะ เรากำลังรับน้ำใจที่คนอื่นมองเห็นในตัวเรา และลดกำแพงตัวเองลง ถ้าเราไม่สงสัยว่าเขาจริงใจจริงหรือ หรือสงสัยว่าเราเป็นแบบนั้นหรือ นั่นคือเรากำลังให้ความสัมพันธ์อะไรบางอย่างของเรากับเขา เล็ดลอดเข้ามาแล้วล่ะ มิตรภาพอาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากเรื่องแบบนี้เลย
อ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand