“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]

กลับมาสะเทือนวงการความงามอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับ Cosmoprof CBE ASEAN 2024 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก 13 – 15 มิถุนายนนี้! ลงทะเบียนเข้าชมงาน ฟรี!

Cosmoprof CBE ASEAN 2024 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก พบผู้ผลิต และแบรนด์สินค้าความงามคุณภาพกว่า 1,500 บริษัท จาก 20 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฝรั่งเศส อิตาลี ไทย และอีกมากมาย บนพื้นที่จัดแสดงงานกว่า 22,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจ อาทิโปรแกรมจับคู่เจรจาธุรกิจที่ทำให้คุณได้พบกับเจ้าของแบรนด์และโรงงานผลิตโดยตรง รวมไปถึงสัมมนาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่จะมาอัปเดตเทรนด์ความงามล่าสุด และบิวตี้เวิร์คช็อป ตลอด 3 วันการจัดงาน มาร่วมก้าวสู่โลกแห่งความงามระดับโลกไปพร้อมกัน แล้วพบกัน 13-15 มิถุนายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลงทะเบียนเข้าชมงานฟรี! คลิก! https://bit.ly/4a3D1Lm และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cosmoprofcbeasean.com ทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2024! 1. เป็นงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามที่ใหญ่ที่สุดในไทย และอาเซียน2. มีผู้ออกแสดงสินค้าชั้นนำกว่า 1,500 แบรนด์ จาก 20 ประเทศทั่วโลก3. […]

15 กฎเหล็กแห่งการมูฟออน “สัญญากับตัวเอง ว่าเราต้องทำให้ได้นะ”

อย่างแรกเลยคือเซ็ตความตั้งใจให้ตัวเอง “ฉันจะต้องขึ้นมาจากหลุมให้ได้” แรงใจที่เราอยากเห็นตัวเองมีความสุข จะพาเรามูฟออนได้เกลี้ยง 100% แน่นอน เริ่มขยับตัวออกจากหลุมกันเลยนะ… เพราะเราจะไม่ยอมจมปลัก ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง เรามองเห็นตัวเองนี่นา ว่าเราจะมีความสุขใสๆ ได้กว่านี้ เราเลยต้องให้กำลังใจตัวเอง ตั้งกฏเหล็กให้ตัวเอง คนอย่างฉัน ไม่มีเธอ ฉันก็มูฟออนสวยๆ ได้ ว่าแล้วลุยกันเลย!! อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ ฮาวทูรักตัวเอง เมื่อต้องมูฟออนจริงๆ




Relationship

แค่รักกันพอมั้ย? ในวันที่ต้องย้ายประเทศตามความรัก



วันนี้อยากมาพูดในเรื่องที่ใกล้ตัวและถูกถามอยู่บ่อยๆว่า แฮปปี้ดีมั้ยที่ได้ย้ายมาอยู่กับคนรักที่อังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่เราก็จะตอบไปแบบกลางๆว่า “ก็ดีนะ” ที่ต้องตอบแบบนี้เพราะ ในความชื่นมื่นโลกสดใส มันก็มีพาร์ทหม่นๆที่น้อยคนจะได้เห็น และเราไม่ได้แชร์ในโลกโซเชียลมีเดียซักเท่าไหร่ แต่คิดว่ามันเป็นพาร์ทที่ควรจะถูกบอกเล่าบ้างเหมือนกัน เพื่อให้เข้าใจอีกมุมของความรักที่มันเรียลขึ้น
 
สำหรับเรา การย้ายตามความรัก ไม่ว่าจะย้ายประเทศ ย้ายจังหวัด ย้ายจากบ้านตัวเองไปบ้านแฟน จะย้ายรูปแบบไหนมันมีความยากและท้าทายทั้งหมด และต้องใช้สิ่งละอันพันละน้อยอื่นๆเข้าช่วยเพื่อให้ความรักยังคงหอมหวานไปได้ทุกวัน เรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้มีใครมานั่งเล่ากันตรงๆ เพราะบางครั้งก็เปราะบางมากและค่อนข้างส่วนตัว เราเลยอยากมาสรุปง่ายๆให้เข้าใจถึงความเป็นไปได้ว่าทำไม..

แค่รักกันมันก็พอแล้ว แต่ในบางวันก็ยังไม่พอ!

ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ความยากง่ายในการย้ายและปรับตัว หลักๆขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคนด้วยนะ อย่างเราที่โตมาแบบเด็กต่างจังหวัด มาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด และไม่ค่อยยึดติดอะไรมากมาย เราเลยรู้สึกโยกย้ายได้ง่ายหน่อย ไม่ได้ใจหายเท่าไหร่เมื่อต้องคิดว่าจะย้ายประเทศ อีกอย่างคือ เราวางแผนกับตัวเองมาพอสมควร ว่าชีวิตที่อังกฤษจะต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด มีชีวิตเป็นของตัวเอง สังคมของตัวเอง และความสุขเป็นของตัวเอง เพื่อให้ความรักระหว่างเรามันคือความรักและอาทรต่อกันจริงๆ ไม่มีฝ่ายไหนรู้สึกติดค้างอะไรต่อกัน
 
ฟังดูง่ายนะ แต่ปีที่แล้วดันเป็นปียากมากๆเพราะต้องติดอยู่ในล็อคดาวน์กับแฟนทุกวัน 24 ชั่วโมง เป็นเวลาปีครึ่ง ทำงานที่บ้านกันทั้งคู่ ชีวิตนักศึกษาปริญญาเอกของเราก็ไม่ได้ง่าย ขึ้นสุดลงสุด ช่วงไหนดิ่งก็แทบจะนอนมองเพดานหายใจทิ้งไปเลย และมีบางวันที่เหงาสุดใจ จนต้องถามตัวเองว่า ทำไมเราไม่แฮปปี้อย่างที่ควรจะเป็น อุตส่าห์ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว จุดนี้เองที่ได้มีโอกาสไปคุยกับนักจิตวิทยาและบ่นให้เค้าฟัง ประโยคแรกๆที่นักจิตบอกกับเราก็คือ “ช่วงเปลี่ยนผ่านยากเสมอ” เพราะเราต้องกระเทาะตัวตนเก่าเพื่อให้มันพอดีกับตัวตนใหม่ในสังคมใหม่ มันคือทางเลือกที่เราเลือก เป็นการตัดสินใจที่หนักและมีเดิมพัน กระบวนการนี้มันก็เลยมีทั้งความตื่นเต้น ท้าทาย อิ่มเอมใจ เศร้า และเหงา ปะปนกันไปแล้วแต่วัน ยิ่งในฐานะเป็นฝ่ายที่ย้ายมา ย่อมต้องเสียสละอะไรบางอย่าง เช่น ลาออกจากงาน จากบ้านจากเพื่อน เปลี่ยนอาชีพ ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย พอหมดช่วงฮันนีมูนไปแล้ว หลายคนเลยหงอยมาก แต่จะโทรเม้ากับเพื่อนที่ไทย ไทม์โซนก็ไม่เอื้ออำนวย ความเหงาก็เลยยิ่งรุมสุมเข้าไปใหญ่ จนลืมไปเลยว่า เอ้อ ชั้นมาเพื่อความรักนะ
 
แล้วจะต้องทำยังไงต่อ ถ้าแค่รักกันดูเหมือนจะไม่พอ เราคงบอกได้จากประสบการณ์ตัวเองว่า ในการย้ายไปไหนก็ตามเพื่อความรัก ต้องพยายามวางตัวเองอยู่บนพื้นฐานความจริงให้มากที่สุด วิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ได้ แต่ต้องดึงตัวกลับมาเจอกับความจริงว่า มันจะมีบางวันที่เราอยากออกไปใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อน ไปกินส้มตำกับเพื่อน เม้ามอยดารา แต่ทำไม่ได้ มีวันที่ปรับตัวยาก หรือเจอ culture shock ที่ไม่ชิน รวมไปถึงประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกแปลกแยกในต่างแดน จังหวะนี้รักแค่ไหนก็ไม่ไหว ก็ต้องมีตัวช่วยอื่นๆที่มายึดเหนี่ยวและผลักดันให้ความสัมพันธ์มันไปต่อได้ และเรามองว่า สิ่งเหล่านี้ เผลอๆสำคัญมากพอๆกับความรักเลยนะ …

1 ตัดสินใจแล้วก็ต้องเปิดใจ

มีหลายคนที่เมื่อคิดจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ โฟกัสแค่ความรักและคนรัก แต่ลืมสิ่งแวดล้อมที่ต้องไปอยู่ สังคมที่ต้องไปปรับตัวเข้าหา และความแตกต่างที่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ต้องนึกตามว่า ก่อนจะย้ายไป เราอาจจะรู้จักแฟนแค่ไม่กี่ด้านในชีวิตของเค้า แต่การอยู่ด้วยกันในที่ของเค้า เราจะได้เจอตัวตนที่แท้จริงในหลายๆด้านที่อาจจะชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง สำคัญที่สุดคือ ต้องเปิดใจมากๆ และไปแบบพร้อมซึมซับและเข้าใจในสิ่งแวดล้อมที่จะไปอยู่ แล้วปรับตัวเข้าหา มันฟังดูไม่ค่อยแฟร์ที่เราต้องปรับตัวอยู่ฝ่ายเดียว แต่เราเชื่อว่า ถ้าคนๆนั้นรักเรา เค้าจะช่วยเหลือเอื้ออาทรให้เราผ่านช่วงปรับตัวไปได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ปล่อยทิ้งให้เคว้งคว้าง หรือไม่ support จิตใจเวลาเรารู้สึกเหงาหรือไม่ fit in

.

2 คุยกันให้เคลียร์ก่อนย้าย

เราพบว่า การตกลงและคุยกันให้ชัดเจนเรื่องบทบาทของแต่ละคน ‘ในบ้าน’ สำคัญมาก สมมติว่าจะต้องย้ายไปอยู่กับแฟนและครอบครัว ทางนั้นคาดหวังกับเราแค่ไหน และเรามีกฎการใช้ชีวิตตัวเองแบบไหน หาจุดตรงกลางให้เจอ เพราะถ้าไม่เคลียร์แต่แรก จะเกิดความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นได้ทีหลัง และหลายคนยอมอยู่แบบไม่สบายใจไปเรื่อยๆ สุดท้ายการย้ายก็เลยไปมีผลกับความสัมพันธ์ ทั้งกับแฟนและกับครอบครัวแฟน หรือถ้าจะย้ายไปอยู่กันสองคน แชร์กันก่อนให้เยอะๆว่าความคาดหวังแต่ละคนคืออะไร ชั้นทำกับข้าวไม่เป็นนะ เธอโอเคมั้ย หรือเธอดูแลเรื่องซ่อมบำรุงในบ้านได้มั้ย เดี๋ยวชั้นจัดการเรื่องอื่นให้เอง ส่วนกรณีย้ายประเทศ จะมีความยากตรงภาษา วัฒนธรรม และขนบบางอย่างที่เราอาจจะต้องไปทำหรือฝึกปฏิบัติ ต้องคุยกันให้เยอะ และคุยแบบเปิดใจ ไม่ใช่รักๆกันไปก่อนเดี๋ยวไปคุยทีหลัง มันก็ทำได้แหละ แค่บางเรื่องมันใหญ่เกินกว่าจะไปรับมือเมื่อสายก็แค่นั้น

.

3 ปรับตัวแบบที่ยังคงเป็นตัวเองอยู่

เคยคุยกับหลายคนที่ย้ายประเทศตามความรัก บทบาทและตัวตนของเราที่เคยมีในประเทศตัวเอง อาจจะไม่มีแล้ว และหลายคนต้องผชิญกับความรู้สึกไม่มีคุณค่าเหมือนที่เคยมี ข้อนี้พูดกันตรงๆว่า ไม่ใช่แค่ผู้หญิงย้ายประเทศ แต่ผู้หญิงที่เปลี่ยนบทบาทจากผู้หญิงทำงานมาเป็นแม่บ้าน หรือต้องเป็นแม่ที่ดูแลลูกเป็นหลัก ก็รู้สึกไม่แพ้กัน เรามองว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้ยังคงพอใจในตัวตนของตัวเองอยู่เสมอ คือ ต้องเซฟความเป็นตัวเองเก็บไว้ อย่าทิ้งมันไปจนหมด อะไรที่เคยทำแล้วรู้สึกมีค่า ขอให้ทำ อะไรที่เคยรู้สึกภูมิใจ อย่าเลิกมันไปทั้งหมด ต่อให้ทำได้แค่ 10% ก็ยังดีกว่ายอมละทิ้งไปเลย จนรู้สึกสูญเสียตัวตน สูญเสียพลังดีๆที่เอาไว้ใช้กอบกู้จิตใจได้ในวันที่รู้สึกไม่เป็นตัวเอง

.

4 เอนจอยความแตกต่าง  

เวลาที่เราเริ่มเนือย เบื่อจะไปเจอสังคมที่ไม่คุ้นชิน เบื่อจะคิดแบบวิถีอังกฤษ หรือเบื่อเรื่องอะไรก็ตาม เราจะไปนั่งคนเดียวซักพัก ถามตัวเองว่าอยากมีเพื่อนมั้ย? ถ้าอยากก็ต้องเปิดใจแล้วก็ปลุกใจตัวเองขึ้นมา เราเชื่อว่าหลายคนที่ย้ายประเทศแล้วต้องไป mingle กับต่างชาติตลอดเวลา มันจะใช้พลังงานเยอะกว่าปกติ เพราะเราต้องสร้างความประทับใจ สร้างบทสนทนาที่เรียกกันว่า small talk และ(พยายาม)ผูกมิตรกับคนใหม่ๆ ซึ่งอาจจะขัดกับตัวตน นิสัย และวัฒนธรรมของเรา แต่สุดท้าย ทำเถอะ เพราะการได้เอนจอยความต่างคือเสน่ห์ของการมาอยู่ไกลบ้าน และที่สำคัญ มันคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และปรับตัวได้เร็วขึ้นจากการโยกย้าย ดีกว่านั่งนอยด์คนเดียวในบ้าน แล้วพาลไปหงุดหงิดแฟนที่ทำให้เราต้องย้ายมา

 
พูดมาขนาดนี้ เหมือนจะทำให้การโยกย้ายตามความรักน่ากลัวขึ้นเฉยเลย แต่จริงๆก็อย่างที่บอกไปแหละ ความสัมพันธ์มันมาพร้อมกับการเสียสละและปรับตัวเข้าหากันอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจกันไปในทุกก้าวเดิน เลยไม่ใช่แค่ความรักแน่ๆ และยิ่งเมื่อต้องมีการย้ายประเทศเข้ามาเกี่ยว แฟนหรือสามี จะต้องเป็นทั้งคนรัก ครอบครัว และเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา ความรักหนุ่มสาวมันเลยเป็นแค่น้ำจิ้มเบาๆให้พอมีสีสัน ที่เหลือคือความเข้าอกเข้าใจ เห็นใจ ช่วยเหลือกัน และพร้อมจะเยียวยาดูแลจิตใจกันล้วนๆ แล้วความรักจะไปต่อได้เองโดยไม่ต้องพยายาม
 
#nattity

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']