ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

“อกหัก” คือสิ่งยอดเยี่ยมที่เกิดกับฉัน ฉันเลิกโกหกตัวเองสักที

เราอย่าเพิ่งกลัวการอกหัก หรือการเลิกกับใครนะ เพราะเหตุการณ์จี๊ดในหัวใจนี้ จะนำพาคุณไปเจอตัวเอง เจอสิ่งใหม่ เจอโอกาสดีๆ ในชีวิตมากมาย เหมือนกับที่ เอมม่า กิบบ์ส นักเขียนและโปรดิวเซอร์รายการทีวีของออสเตรเลียเจอมา เธอเอาสิ่งนี้มาพูดในเท็ด ทอล์ค หมัดฮุคเลยคือเธอบอกว่า “อกหักไม่เพียงแต่จะทำให้เธอเห็นหัวใจตัวเอง ยังทำให้เธอเลิกโกหกตัวเอง และก็เลยเลิกโกหกทุกสิ่ง เรื่องดีๆ ในชีวิตเลยสาดเข้ามาเต็มๆ เลย” เอมม่าเล่าว่า…. ชีวิตฉันเหมือนจะดีนะ ฉันได้ทำงานที่ฝัน อยู่ในเมืองที่ดี “แต่ฉันกลับไม่มีความสุข ฉันโกหกตัวเองทุกวันว่า เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ” ฉันใช้ชีวิตไป 3 ปีเต็มที่โกหกตัวเอง และบอกตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นไปตามแพลนแล้วนะ ในขณะที่หัวใจฉันบอกว่า “เฮ้! เธอมีปัญหาแล้วล่ะ” ฉันใส่เสียงนี้เอาไว้ในตู้ และเอาความคิดควบคุมมันเอาไว้ ฉันคิดว่าถ้าฉันพยายามมากพอจะทำให้ทุกสิ่งเวิร์ค มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ ทั้งกาย อารมณ์ จิตวิญญาณของฉันมันเหือดแห้งมาก ฉันกลายมาเป็นคนที่ขึ้นอยู่กับแผนในชีวิต ฉันไม่ไปเจอเพื่อน ไม่ไปเที่ยวไหน ไม่เจอครอบครัว ไม่เจอใครใหม่ๆ และฉันไม่อยากทำงานกับแพชชั่นของตัวเอง ฉันมัวแต่หาทางซ่อมสิ่งที่ไม่ใช่ของชีวิตฉัน ความตลกก็คือในขณะที่คุณกำลังพยายามทำให้แผนชีวิตของคุณเวิร์ค แล้วคุณก็ต้องฝืดมากๆ นั่นน่ะ คุณเริ่มจะคิดแล้วว่า “แล้วทำไมฉันต้องมีแผนนั้นตั้งแต่แรกนะ” ฉันเริ่มลืมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นนักเขียน […]




Fashion

Timo Trunks แบรนด์กางเกงว่ายน้ำชาย จากครีเอเตอร์ผู้สร้างแบรนด์ระดับชาติ “เป๋า ฟุ้งเฟื่องเชวง”



ถ้าแบรนด์แฟชั่นผู้ชายแบรนด์ไหน ผู้หญิงเองเห็นแล้วอยากใส่ เราว่าแบรนด์นั้นต้องซัมธิงแล้วล่ะ

ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ครั้งแรกที่แบรนด์ Timo Trunks ออกไลน์กางเกงว่ายน้ำผู้ชายออกมา ตอนนั้นจำได้เลยว่านึกในใจ “แบรนด์นี้สวยจัง” กางเกงว่ายน้ำขาสั้นผูกเชือกลายปรินท์มีความเป็นผู้ชายกึ่งเนี้ยบ กึ่งอาร์ท กึ่งย้อนยุคเตะตาเรา ถึงขนาดที่ว่าอยากรู้จักเจ้าของแบรนด์ และอยากใส่เองมากๆ

ต้องผ่านมาถึง 10 ปีสิน่าถึงได้มีโอกาสคุยกับ Timo Trunks จริงๆ จังๆ สักที และ “เป๋า ฟุ้งเฟื่องเชวง” คือผู้ชายคนนั้นที่สร้างพลังของกางเกงว่ายน้ำผู้ชายในวันนั้น กระตุกให้เราต้องจินตนาการว่าผู้ชายที่ใส่แบรนด์นี้ จะเท่ ฟรี สปิริต และมีมาดขนาดไหนกันนะ แบรนด์อะไรทำไมเห็นแล้ววิบวับจัง เป๋าคือทั้งครีเอเตอร์ ฟาวเดอร์ ซีอีโอ ตอนแรกมั่นใจมากว่าเขาต้องมาแนวดีไซเนอร์อาร์ตๆ เซอร์ๆ นึกภาพว่าต้องนั่งสเก็ตช์ลายติมอ ทรังค์สริมทะเลสีฟ้าเข้ม แต่ไม่ใช่เลย เป๋าทำให้เราต้องมองลึกลงไปในติมอ ทรังค์สเข้าไปอีก

เขาคือผู้ชายจบกฎหมายจาก King’s College ที่ลอนดอน เขาได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาเจ้าสัวระดับประเทศ เป็นคิวเรเตอร์มิวเซียม เขาคือผู้ชายที่มีความไฮบริดทั้งศิลปะ สถาปัตยกรรม ตัวเลข มุมมองธุรกิจ และเขาคือผู้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการทำแบรนดิ้ง เป๋าไม่มีกฎตายตัวในการทำงานใดๆ ทั้งนั้น ฉีกซีไอทิ้ง กรอบการคิดใดๆ ใช้กับเขาไม่ได้ “ทุกสิ่งเกิดจากเราทำไปเรื่อยๆ สังเกต เชื่อมโยง แล้วเราจะรู้เองว่าอะไรใช่ที่สุด”

สำหรับเราผู้ชายคนนี้ ที่นำพา Timo Trunks ไปไกลทั่วโลก เขาจึงเป็นคนที่น่าสนใจมากๆ ความเป็นเขาที่น่าเรียนรู้มีมากมายไม่จบสิ้น เราอาจจะเคยเข้าใกล้เขาได้ที่สุดกับดีไซน์ ลวดลาย การใช้สี ของติมอ ทรังค์ส คลีโอเลยอยากชวนเขาคุยมากขึ้นไปกว่านั้น ถ้าเป๋าเป็นอาจารย์สอนเรื่องชีวิตการทำงาน กับสอนเรื่องแบรนดิ้ง เขาน่าจะมีนักศึกษานั่งฟังเต็มห้องเล็คเชอร์แน่ๆ เพราะเป๋าน่าทึ่งจริงๆ มารู้จักเขา และการเดินทางของเขาไปด้วยกันนะ

ไม่ได้ทำ Timo Trunks เพียงงานเดียว ทำงานประจำด้วยนะ

เป็นมิติใหม่ของเราเลยว่า เจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องทำแต่งานที่ตัวเองสร้าง เจ้าของธุรกิจก็สามารถทำงานประจำให้กับบริษัทอื่นได้ และยังเป็นคนละสายงานกันอีก เพราะเป๋า ฟุ้งเฟื่องเชวงอีกบทบาทหนึ่งคือ ผู้อำนวยการอาวุโสกลยุทธิ์ภาพลักษณ์องค์กรให้กับบริษัท AP Thailand เหตุผลคือ 

“ทำแล้วสนุก ได้ขยายสิ่งที่เราคิด และเชื่อออกไปอีก แล้วก็ได้สร้างอะไรใหม่ๆ” 

เป๋าทำงานเพราะงานนั้นท้าทาย สนุก เขาได้ใช้ความเป็นตัวเอง และประสบการณ์ไปต่อยอดกับงานนั้นๆ เขาจึงแหกกฎความเป็นเจ้าของธุรกิจไปได้อย่างราบคาบ “เราทำงานแบบใช้ทฤษฎี 50% อีก 50% เป็นสัญชาติญาณนะ เราเอาสิ่งที่เห็นจากทั่วโลกที่ซึมอยู่ในประสบการณ์ เอาความครีเอทีฟมาเบลนด์กับทฤษฎี แล้วออกมาเป็นกลยุทธิ์สำหรับแบรนด์ ทำจนเอพีได้ที่หนึ่งว่าเป็นแบรนด์ที่น่าไว้ใจ น่าชื่นชมมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง”

คนเราไม่จำเป็นต้องทำงานตรงกับที่เรียนมา

เป๋าไม่ใช่ดีไซเนอร์ ไม่ใช่สถาปนิก ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เขามีคุณสมบัติทั้งที่ปรึกษาทางธุรกิจ ดูตัวเลขได้เชี่ยวชาญ มองงานศิลปะเป็น เข้าใจฟังก์ชั่นแนวสถาปัตยกรรม และที่สำคัญที่สุดเขาเป็นนักการตลาด นักสร้างแบรนด์มือฉมัง เป๋าเรียนจบนิติศาสตร์มาก็จริง แต่เขาคลี่ตัวเองออกไปได้กว้างไกลกว่านั้น ในช่วงชีวิตหนึ่งเป๋ามีโอกาสได้เป็นคิวเรเตอร์ของ TCDC ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ที่นี่ล่ะเปิดโลกทั้งงานดีไซน์ และการเข้าใจคนให้เขา

“เรามีความรู้ด้านกฎหมาย ต้องคิดอะไรจากแง่มุมเรื่องเดียวให้ออกมาเป็นสิบเรื่องให้ได้ แต่เราชอบงานดีไซน์ ชอบแนวสถาปัตย์ ก็เลยได้เดินทางไปดูมิวเซียมท้อปๆ ของโลก และมาทำงานเป็นคิวเรเตอร์ พอเห็นมาเยอะก็เลยรู้ว่าเราต้องเชื่อมโยงกับคนยังไง จะเล่าเรื่องยังไงให้คนมาชอบ วิชาคิวเรเตอร์เหมือนทำแบรนดิ้ง เราเล่าเรื่องให้เขาเข้าใจ แล้วก็เชื่อในสิ่งหนึ่ง ก็เลยรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราทำมา มันกรูมเราให้ทำแบรนดิ้ง”

“แบรนดิ้งคือเรื่องของการเข้าใจคน”

ใครคิดว่าการทำแบรนดิ้งคือพาวเวอร์พอยท์อันทรงพลัง หรือซีไอ โลโก้ต่างๆ นานา สำหรับเป๋า เขาบอกว่า แบรนดิ้งคือการเข้าใจคนล้วนๆ ถ้าแบรนดิ้งชัด มั่นคง เปิดกว้างแล้ว จะคิดอะไรมาฟิตกับความต้องการของคน ก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ “มันเหมือนเราเรียนกลยุทธิ์บางอย่าง เหมือนทุกวันนี้องค์กรหนึ่งถ้าจะสื่อออกไปข้างนอก ในแง่แบรนดิ้งถ้าจะทำให้เขาชอบเรา ก็ต้องเข้าใจเขาก่อน เราต้องดู public sentiment ก่อนว่าคนรู้สึกอย่างไรอยู่ เขาคาดหวังอะไร และเราต้องเอนเกจคนให้ได้ ต้องทำยังไงให้คนอยากส่งต่อไปให้คนอื่น ให้เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันเชื่อมโยงกับเขา”

แล้วถ้าจะเรียนรู้จักคนได้ทางลัดที่สุด เราต้องมีทั้งองค์ความรู้ การสังเกต โอกาส ประสบการณ์ และที่สำคัญคือครูที่จะสอนเรเป๋าคือหนึ่งในผู้ชายไม่กี่คนที่ได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้จากนักธุรกิจระดับเจ้าสัว เขาได้ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายที่มีมุมมองกว้างไกลที่สุด อัจฉริยะที่สุดที่เขาเคยเจอมา

 

ครูคนสำคัญของชีวิตที่ไม่มีวันลืม

ขอสงวนนามเจ้าสัวผู้เป็นครูของเป๋าแล้วกันนะ แต่จะเล่าถึงความรู้สึกที่เป๋าได้เรียนรู้จากท่าน เป๋าในวัยที่เป็นเด็กหนุ่มไฟแรง เขาเคยทำงานที่ได้ยืนอยู่ข้างหลังท่านมาเป็นเวลา 7 ปี เป๋าบอกว่าจบฮาร์วาร์ด เอ็มไอทีมากี่ปริญญา ก็ไม่เท่าประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากท่านตรงๆ “เราได้ฟังทุกดีลที่เกิดขึ้น ได้เรียนรู้การมองธุรกิจ มองคน ความคมยิ่งกว่าเพชร การตัดสินใจเด็ดขาด และความละเอียดรอบคอบที่สุด” การเรียนรู้ของเป๋าครั้งนี้ เปรียบเสมือนเขาได้ฝึกวิชากับจอมยุทธที่เก่งที่สุดในปฐพี และเขาไม่เคยลืม สิ่งสุดท้ายที่เป๋าบอกกับท่านก่อนลาออกจากงานนั้นก็คือ “ผมขอไปฝึกวิชาให้เป็นตัวท้อประดับประเทศหนึ่งในสามคนให้ได้ แล้วผมจะกลับมารับใช้ท่านอีกครับ” มันคือประโยคแสนจะยอมโดยศิโรราบ และระลึกถึงสิ่งที่ครูคนนี้มอบให้ของเขา

เขาได้เรียนรู้กลยุทธิ์ที่เงินทองก็ซื้อหาที่ไหนไม่ได้จากท่าน และเขายังนำมาใช้สร้างแบรนด์อยู่จนทุกวันนี้ เป๋าออกเดินทางต่อ และเวลานั้นเองที่เขาสร้าง Timo Trunks

ได้เวลาปล่อยของสร้างแบรนด์ของตัวเอง

“เรารู้สึกว่าเรามีวิชาแล้ว เรียนรู้เยอะแล้ว เราอยากปล่อยของ อยากรู้ว่าเราจะทำแบรนด์ที่ใช้เงินแค่หกหมื่นบาท ให้ขึ้นมามีชื่อเสียงในเลเวลไหนได้” ความอยากรู้บางทีก็มาเหนือทุกสิ่ง เป๋าก็เช่นกัน ความอยากรู้ในลิมิตของตัวเอง ทำให้เขาอยากทำแบรนด์ของตัวเอง เป๋าว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เขาตัดสินใจว่าทำกางเกงว่ายน้ำผู้ชายแล้วกัน ความโชคดีของเป๋าคือเขามีทั้งศิลปะ และตัวเลขอยู่ในคนคนเดียว ทำให้เป๋ารู้จักกับดีไซเนอร์มากมาย และตีโจทย์สิ่งเหล่านั้นมาอธิบายเป็นตัวเลขได้

เป๋ากลับมาที่การทำแบรนดิ้งในความเชื่อของเขาว่า จากจุดแรกที่กระทบกับคนต้องมีทั้งอารมณ์ และเหตุผล ไปจนถึงจุดสุดท้าย ถึงจะทำให้คนชอบแบรนด์ได้

เราเริ่ม Timo Trunks จากการมีเงินทุนหกหมื่นบาท มีลาย 12 ลาย กับเว็บไซต์ แล้วอยากให้คนจำแบรนด์ได้ เลยเน้นไปเลยว่าเป็นแบรนด์กางเกงว่ายน้ำ สิ่งแรกที่คนจะเห็นคือจากเว็บไซต์ เราเลยทำเว็บไซต์ให้ทันสมัย และดีที่สุดไว้ก่อน” เป๋าเริ่มเจอร์นีย์ของแบรนด์จากเว็บ เว็บของ Timo Trunks จะเห็นโลโก้ลายเส้นรูปเรือ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าแบรนด์นี้จะพาเราไปทะเล และน่าจะชิลล์เลยทีเดียว เขาปล่อยรูปกางเกงว่ายน้ำที่คัดลายมาจากดีไซเนอร์ที่เป็นเพื่อนๆ เป๋า ช่วงแรกๆ เพื่อนทำลายให้เขาแบบจากใจล้วนๆ กันเลย

“ตอนเลือกลายเราใช้ทั้งความรู้สึกบ้าง ทฤษฎีบ้าง เช่น ต้องครบทุกเดโมกราฟิก  คนที่อินดี้หน่อย หนุ่มบูติค ผู้ใหญ่หน่อย คนผิวขาว ผิวแทน ไม่ใช่เลือกตามใจเราอย่างเดียว จะละเอียดมาก ยิ่งกว่าทำวิทยานิพนธ์อีก” เป๋าคิดรอบด้านเพื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่เขาคิดไว้ให้ได้มากที่สุด และเขาทำคนเดียวทุกอย่าง ทุกขั้นตอน 

“พอยิ่งได้ทำเองทุกอย่าง เราจะยิ่งเข้าใจคนมากเข้าไปอีก แล้วแบรนด์ก็จะคมที่สุดด้วย”  

สิบปีที่แล้ว Timo Trunks ได้เกิดขึ้นมาแล้ว จากความอยากรู้จักตัวเองของผู้ชายคนนี้

“ได้ลงสื่อเมืองนอกภายในเวลา 3 เดือน”

เป๋าบอกว่าเขายังคิดเลยว่าเพื่อนอำ หลังจากที่สื่อจากต่างประเทศอย่าง Financial Times มาเห็นกางเกงว่ายน้ำของเขาเข้า “เราไม่อยากจะเชื่อเลย แบรนด์เราเล็กๆ มาก เขามาเห็นได้ยังไง เขายืมกางเกงไปถ่าย 2 ตัว เราให้ไป 12 ตัว แล้วเขาเขียนแค่ 3 บรรทัด แต่หลังจากนั้นก็มีเมลมาหาเราเป็นร้อยเมลเลย” และภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน Timo Trunks ก็ได้ไปวางขายยังที่ต่างๆ ในโลกแล้วจนขายอยู่ที่ 14 ประเทศในวันนี้ และจากวันนั้นเป็นต้นมา เป๋ามีสื่อนอกลงเรื่องราวของ Timo Trunks มากมาย ทั้งสื่ออย่าง Monocle, Vogue, GQ, WWD, Wallpaper จนล่าสุดที่เป๋าตื่นเต้นมากๆ เมื่อ Forbes สหรัฐอเมริกาบอกว่า Timo Trunks คือแบรนด์กางเกงว่ายน้ำชายที่นำเทรนด์ในอนาคตด้วย

ล่าสุด Timo Trunks ได้เปิดไลน์กางเกงว่ายน้ำใหม่เป็นรุ่นบิกินี่ทรงเต็ตัว (Square Cut) เพื่อนักว่ายน้ำโดยเฉพาะ ที่เป๋าได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 70’s พร้อมกับกางเกงเล่นเซิร์ฟสีบล็อคคัลเลอร์ล้วนๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสื่อนอกถึงให้ความสนใจกับ TimoTrunks ทั้งกลยุทธิ์ทางการตลาดที่ล้ำกว่าใครเมื่อสิบปีที่แล้ว เนื้อผ้าที่แห้งเร็ว เบา ลายที่เต็มไปด้วยความสุนทรีย์ทางศิลปะ และยังหลากหลายไปตามความชอบของผู้สวมใส่อีกด้วย

ลวดลายกางเกงว่ายน้ำ ที่แม้แต่ผู้หญิงเรายังอยากใส่

อยากให้คุณลองกดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.timotrunks.com แล้วสแกนไล่กางเกงว่ายน้ำไปเรื่อยๆ นับเลยว่ามีกี่ลายที่อยากใส่ ถึงเป็นกางเกงว่ายน้ำผู้ชาย เราก็อยากกดซื้อเอามาใส่เฉยๆ ก็ยังดีลายทั้งหมดดีไซน์มาจากงานของอาร์ติสท์ต่างชาติ และไทย และยังมีคอลเล็คชั่นจากเด็กออทิสติกจากมูลนิธี Na Kittikhun ที่น่ารักเหลือเกินด้วย เราชอบตั้งแต่ตัวแรกที่เห็นอย่างลาย Shibori มัดย้อมสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยทุกลาย ลายแนวชนเผ่าจากอาร์ติสท์ที่บาหลี Mriz Sidah ลายปาดฝีแปรงแรงๆ สีน้ำเงิน-ขาวของงานคอลแลบ MCCREEDY X TIMO ที่มีเพียง 99 ตัว ลายจากศิลปินระดับโลก Picasso, Matisse, Pollock หรือลายง่ายๆ อย่าง Chevron Print ก็สวยน่าใส่ไปหมด

ความดีใจคือ Timo Trunks มีสินค้าสำหรับผู้หญิงอยู่นะ ถึงจะเพียง 4 ลายก็เถอะ ยังมีสินค้าอย่างกระเป๋า และกางเกงว่ายน้ำของเด็กผู้ชายด้วย ก็เลยลุ้นว่าในอนาคต Timo Trunks จะจัดสักคอลเล็คชั่นเต็มๆ ให้ผู้หญิงเราได้ใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบนี้บ้างไหม?

ร้าน TIMO ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค
โชว์รูมที่ประเทศอังกฤษ
ร้านที่ประเทศญี่ปุ่น ย่าน Daikanyama

พอใจกับความสำเร็จของแบรนด์หรือยัง?”

ถามเป๋าว่าทำมาทั้งหมดนานขนาด 10 ปีเช่นนี้ เป๋าพอใจกับแบรนด์ตัวเองหรือยัง “พอใจแล้วนะ แต่รู้ว่ามีโอกาสโตได้ตลอดเวลา ทุกหนึ่งเดือนก็มีประเทศใหม่โผล่ขึ้นมาเป็นตัวแทนขายของเรา เราก็จะไปงมใหม่กับเขาอีกครั้ง ทุกวันเป็นการเรียนรู้ใหม่ การได้อยู่ในสายตาสื่อของโลก เป็นความภูมิใจในฐานะแบรนด์เล็กๆ ของเรา แต่เราคงไม่จบแค่นี้”

เพราะเขาคิดว่าการสร้างแบรนด์ คือการสร้างความสัมพันธ์กับคน และเขายินดีจะหาจุดเชื่อมความสัมพันธ์นี้ไปเรื่อยๆ 

คำแนะนำจาก เป๋า ฟุ้งเฟื่องเชวง” สำหรับคนที่กำลังสร้างอะไรของตัวเองอยู่

“ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์อะไร ถ้าเรารู้ว่าเราตื่นมาเป้าหมายเราคืออะไร อย่าเพิ่งให้ความกลัวเข้ามาหาเรา เราต้องอย่าลืมว่าเราตื่นมามีจุดมุ่งหมายอะไรที่เราตั้งเอาไว้ เราต้องเตือนตัวเองไว้ อย่าให้อะไรมาขวาง ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนี้คือเป้าหมาย ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร เราก็ต้องเดินหลบมันให้ได้

“ในวันที่มืดที่สุด อาจเป็นวันที่เป็นอาวุธที่มีค่าที่สุดของคุณก็ได้นะ” 

คลีโอขอขอบคุณนักสร้างแบรนด์ ครีเอเตอร์ ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ ฟาวเดอร์ คุณเป๋า เฟื่องฟุ้งเชวง แห่ง Timo Trunks ขอบคุณในความเปิดกว้างของเขา คุณเป๋าอาจไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำอะไรให้เราอยู่ แต่เขามอบแรงบันดาลใจให้เรา อยากลุกขึ้นมาค้นหาตัวเอง และไปต่อให้มิดด้าม แล้วก็อยากรู้ว่าเราจะเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ในโลก ต่อยอดไปให้คนอื่นได้แค่ไหนต่อไปด้วย

ติดตาม TIMO ได้ที่นี่เลย www.timotrunks.com Facebook @TIMO Trunks

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']