อยากเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม จะรีเทิร์นแฟนเก่าที่เรายังรัก ให้เขากลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ เป็นความสบายใจให้กันเหมือนเมื่อก่อนที่เรายังจำได้ไม่ลืม กลับมาคบกันครั้งนี้ จะเป็นไปได้ไหมนะ
หลายคนชอบบอกว่า เลิกกันแล้วก็ไปหาคนใหม่สิ ทิ้งอะไรเก่า ๆ ไปซะบ้าง แล้วเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่ไปเลย แบบนั้นมันก็เวิร์คนะ เหมือนรีสตาร์ทตัวเอง รีบูทความสัมพันธ์ เจอคนใหม่ คบคนใหม่เพื่อความสบายใจที่ดีขึ้น จูนกันได้มากขึ้น เราอาจจะค้นพบตัวเองในเวอร์ชั่นที่ไม่เคยเห็นได้จากคนเก่าจนแฮปปี้แบบยาว ๆ ไปเลยก็ได้เหมือนกัน แบบนี้ก็ไม่แย่นะ แต่ถ้าเราอยากกลับไปคบกับแฟนเก่าตัวเองล่ะ เริ่มต้นใหม่กับคนเดิม ความสบายใจที่ยังไม่มีใครทำได้แบบที่เขาเคยทำ มันจะรอดไหม
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า รีเทิร์นรอบนี้ไม่ใช่รีเทิร์นแบบปุบปับนะ ไม่ใช่การเลิกกันไปแค่หนึ่งอาทิตย์ แล้วคิดถึง มูฟออนไม่ได้ เลยกลับมาคบกัน ไม่ใช่แบบนั้นเลย แฟนเก่าที่ว่านี้จะต้องเป็นแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว เลิกกันตอนนั้นอาจจะเพราะเราเด็กเกินไป หลาย ๆ อย่างมันไม่ลงล็อค จูนไปก็ยังไม่ได้อยู่ดีอะไรแบบนั้น ต้องไม่มีพันธะผูกพันใด ๆ หรือระหว่างที่เราทั้งคู่แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาได้เจอคนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ คบแฟนใหม่บ้าง มีคนคุยบ้าง ส่วนเราก็เช่นกัน มูฟออนมาใช้ชีวิตของตัวเอง เจอคนใหม่คบคนใหม่ เรียกว่าแยกย้ายกันไปเติบโตแบบที่หลาย ๆ คนชอบพูดนั่นแหละ ระหว่างที่เราแยกย้ายกันไป ก็ไม่ได้แปลว่าเราแยกไปเพื่อรอกลับมาคบกันนะ แต่พอถึงจุดนึงที่จังหวะและเวลามันได้ มันจะมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า “ลองกลับไปหาเขาอีกสักรอบดีไหม”
กลับมาเจอกันในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น
พ้อยท์สำคัญของการกลับมาคบแฟนเก่าคือ เราต้องอยู่กับปัจจุบัน มองเขาในแว่นปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต ต้องอย่าลืมว่าเขาในตอนนั้นที่เคยคบกัน อาจจะเป็น 5 ปีที่แล้ว 10 ปีที่แล้ว หรือมากน้อยกว่านั้น กับเขาตอนนี้ไม่ใช่คนเดียวกันแล้ว ความคิดของเขาที่โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตอนที่เลิกกันไปนี่แหละ การได้คบคนใหม่ เจอคนใหม่มันก็สอนเราได้เรื่องความสัมพันธ์ได้ดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกลับมาครั้งนี้ เราจะมองเขาในเวอร์ชั่นเก่าที่เคยคบกันไม่ได้ หลายคนอาจจะบอกว่ากลับมาคบแฟนเก่าตัวเองก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องมาเริ่มใหม่ทั้งหมด มันก็จริงส่วนนึงแหละ เรายังพอรู้จักนิสัยใจคอของเขา รู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่อีกครึ่งนึงเราก็ต้องเรียนรู้ตัวตนเขาใหม่เหมือนกัน และเขาก็ต้องเรียนรู้ในตัวเราด้วย เรียกว่ากลับมาเจอกันคนละครั้งทางดีกว่า เป็นการกลับมาเจอกันในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น จังหวะเวลาที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปด้วยกัน
แยกย้ายกันไปเติบโต
ยิ่งบางคู่ที่เลิกรากันไป แต่ความเป็นเพื่อนยังอยู่ พอพ้นเวลาทำใจ อาจจะสักปีสองปีไปแล้ว กลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม สิ่งที่เราจะได้เห็นคือ เราจะได้เห็นพัฒนาการการเติบโตของกันและกัน จากตอนนั้นที่เลิกกันไป เขาเป็นยังไงบ้าง ความคิดของเขา การใช้ชีวิตของเขา เรามองเห็นเขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมาไกลจากตอนนั้นที่คบกันมากแล้ว จะเรียกว่าเป็นข้อดีก็ได้แหละ ที่เราได้กลับมาเจอกันในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เรามั่นใจได้ประมาณนึงว่า ถ้าลองกลับมาคุยกันอีกในครั้งนี้ มันน่าจะดีกว่าตอนนั้นที่เราคยเป็นแฟนกัน ปัญหาเดิม ๆ ที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้สักทีตอนนั้นจนทำให้ต้องเลิกกันไป มันก็เป็นไปได้ว่าครั้งนี้มันจะไม่กลับมารบกวนความสัมพันธ์ของเราอีก เรื่องที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ของคู่เราในตอนนั้น กลับมาครั้งนี้มันอาจจะกลายเป็นเรื่องแค่นี้เองก็ได้ เพราะหลาย ๆ ที่ทำให้เราทั้งคู่เติบโตขึ้นมันสอนอะไรเราได้เยอะเหมือนกัน
จังหวะเวลาก็สำคัญ
เรื่องจังหวะก็มีส่วน การจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง มันไม่ใช่ว่าอยากคบตอนนี้ก็คบเลย จบ แฮปปี้ มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ เราว่าเรื่องแบบนี้จังหวะเวลานี่สำคัญมากเลยนะ การจะกลับมาคบกันมันก็ต้องดูจังหวะด้วย ความพร้อมของเราทั้งคู่ เราโสด เขาโสด พร้อมกลับมาลองคุยกันดู ซึ่งกว่าจะเจอจังหวะเวลาที่ลงล็อคแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกนั่นแหละ แต่ถ้าเวลาและอื่น ๆ มันลงตัวจริง ๆ มันอาจจะแปลว่านี่คือจังหวะเวลาที่เราทั้งคู่ควรลองกันดูสักตั้งไหม
สุดท้ายแล้วก็มีแต่ตัวเรานั่นแหละที่ตอบคำถามว่า “ถ้ากลับไปรีเทิร์นกับแฟนเก่าแล้วจะเวิร์คไหม” ถ้าสุดท้ายคำตอบในใจก็ยังเป็นเขาเสมอมา เขายังเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา ระหว่างทางที่แยกกันไปเจอคนใหม่ ๆ มันก็คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงกับคนใหม่นั่นแหละ แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่บอกเราว่า มันไม่ใช่อะ สุดท้ายคือเขาคนนนี้นี่แหละ แฟนเก่าเราคนนี้นี่แหละ ที่ยังเป็นคำตอบในใจเราอยู่เสมอ ถ้างคำตอบในใจยังเป็นเขา จะลองดูอีกครั้งก็ไม่เสียหายนะ ถือซะว่านี่คือการกลับมาพบกันอีกครั้งของเราและเขา ในเวอร์ชั่นที่พร้อมมากกว่าเดิม และโตขึ้นมากกว่าเดิมก็ได้ กลับมาเรียนรู้กันและกันอีกครั้ง จีบกันใหม่อีกสักครั้งมันก็ไม่แย่นะ จะได้รู้ไปเลยว่า ถ้าครั้งนี้มันไม่ใช่ ก็คงจะไม่ใช่จริง ๆ แล้วแหละ ไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป แต่ถ้ากลับมารอบนี้แล้วมันโอเค มันก็แปลว่าเขาก็คือคนนั้นจริง ๆ ก็ได้นะ