เวลาที่คนสองคนเลิกกัน แน่นอนว่ามันต้องมีทั้ง “คนที่บอกเลิก” และ “คนที่ถูกบอกเลิก”
ที่แน่ ๆ เลยส่วนใหญ่เกินครึ่งคนที่ถูกบอกเลิกต้องเสียใจอยู่แล้ว เพราะเลือกอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายก็ต้องออกมาจากความสัมพันธ์พร้อมน้ำตา ซึ่งบางครั้งบทคนใจร้ายก็จะตกไปอยู่กับฝ่ายที่บอกเลิกทันที คนชอบมองว่าคนที่บอกเลิกรู้มาก่อนล่วงหน้าว่าวันไหนจะเลิกกัน ไม่ให้อีกคนได้เตรียมใจกันเลย เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า กลายเป็นคนใจร้ายทันที แต่เอาเข้าจริงเราว่าฝ่ายที่บอกเลิกก็เสียใจไม่แพ้กันหรอกนะ
เราเชื่อว่าเวลาเลิกกันมันก็เสียใจทั้งคู่แหละ คนที่บอกเลิกก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะเราเป็นคนบอกเลิกเขาก่อน เรามีเพื่อนและคนรอบหลายคนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกแฟน ส่วนเรารับบทคนโดนบอกเลิกมาโดยตลอด ตอนที่อกหักเสียใจมาก ๆ เลยลองถามเพื่อนที่เคยบอกเลิกแฟน อยากรู้และเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายนั้นดูเหมือนกัน ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาจากเพื่อนเป็นอะไรที่เข้าใจและน่าเห็นใจเหมือนกันนะ
“เสียใจนะ แต่ทำยังไงได้ เราแสดงออกต่อหน้าเขาไม่ได้ เพราะเราบอกเลิกเขาเอง” นี่คือความอึดอัดที่เพื่อนเล่าให้เราฟัง คนที่บอกเลิกต้องใจเด็ดมากพอ กล้ามากพอ กว่าที่จะพูดประโยคสั้น ๆ นี้ออกมามันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยนะ ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็จริง แต่หน้างานมันก็ลำบากใจอยู่ดี เพราะเราเห็นสีหน้าแววตาของคนที่เรารักอยู่ต่อหน้าเรา สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือกลั้นใจไว้ แล้วบอกเลิก เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้ไม่ต้องมีใครถูกทำร้ายไปมากกว่านี้ “เราเลิกกันนะ เราเลิกกันเถอะ เราพอแค่นี้ดีกว่า อย่าพยายามอีกเลยนะ ลาก่อน” ประโยคพวกนี้เลยเป็นประโยคที่ยากสำหรับทั้งสองฝ่าย ยากที่จะพูด และ ยากที่จะฟัง
“คนที่บอกเลิกเสียใจไม่ต่างกันหรอก เราแค่ไม่ได้ร้องไห้ให้เขาเห็น” คนบอกเลิกเสียใจไม่ต่างกันจริง ๆ นะ แต่ต้องเก็บอาการไว้ จะใจอ่อนไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม คิดจะเลิกแล้วก็ต้องใจแข็ง ถึงแม้ในใจจะไม่ไหวก็ตาม บางครั้งฝ่ายที่บอกเลิกก็ต้องรับบทเป็นคนใจร้ายเพื่อให้อีกฝ่ายมูฟออนให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ข้างในก็ไม่ไหวเหมือนกัน จะร้องไห้ก็ต้องร้องเงียบ ๆ เพ้ออะไรได้ไม่มาก อันนี้เราเข้าใจได้นะ พอฟังแบบนี้ก็เริ่มเข้าใจเลยว่าสุดท้ายมันไม่มีใครที่เลิกกันแล้วไม่เสียใจหรอก ถ้ารักกันมากจริง ๆ แต่ทั้งคู่ก็มีวิธีการแสดงออกที่ต่างกัน การที่เราไม่เห็นเขาเสียใจ ก็ไม้ได้แปลว่าเขาจะไม่เสียใจนะ
สุดท้ายแล้ว “คนที่บอกเลิก” และ “คนที่ถูกบอกเลิก” ก็เสียใจไม่ต่างกัน แต่ในเวลานั้น ทั้งคู่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้วนะ เมื่อถึงจุดนึงที่ความรักของเราทั้งคู่ไปต่อไม่ไหว ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะจบความสัมพันธ์นั้นลง เราไม่จำเป็นต้องหาคนที่เสียใจมากกว่าในความสัมพันธ์ก็ได้นะ มันไม่จำเป็นเลย ถึงเขาจะไม่เสียใจจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไปกับเขาที่เขาไม่ต้องมาเจ็บปวด เราคงไม่อยากเห็นคนที่เรารักเสียใจหรอกนะ เพราะสุดท้ายแล้วที่ผ่านมามันก็คือเรื่องราวและความทรงจำดี ๆ ที่มีให้กันนั่นแหละ
ทำยังไงให้ยังเคารพในความเป็นเขา เมื่อเราต้องเป็นคน “บอกเลิก”
- บอกเขาว่าคุณอยากจะคุยอะไรด้วย และมันสำคัญสำหรับเรา
- เริ่มจากบอกถึงสิ่งดีๆ ที่คุณและเขาเคยมีร่วมกันมา สิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับเขา และดีใจที่เราเคยได้ใช้เวลาด้วยกัน
- และบอกสิ่งที่ไม่เวิร์ค อาจจะเป็น “ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองไม่นิ่งพอ” “เราทะเลาะกันบ่อยกว่า เราหัวเราะด้วยกัน” หรือ “ฉันไม่ได้รักคุณขนาดนั้น”
- บอกให้ชัดว่าคุณน่ะ “อยากเลิกกับเขา”
- ขอโทษเขาถ้ามันทำให้เขาเสียใจ
- พูดอะไรที่ใจดีกับหัวใจเขา และบวกเข้าไว้ “เดี๋ยวเธอก็จะโอเคนะ” “ฉันมั่นใจว่าเธอต้องมีชีวิตที่ดี”
- ต้องเข้าใจนะว่าเขาอาจช็อค เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจฟังเขาอย่างเดียวเลย อดทน อย่าใช้อารมณ์
- และให้เวลาเขาหลังจากบอกไป อาจส่งข้อความเฟรนด์ลี่ถามไถ่เขาบ้าง
อ่านเรื่องราวความสัมพันธ์เพิ่มได้ที่ CLEO THAILAND