ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Women's Issues

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จากหญิงสาวที่ถูกสะกดรอยตามจาก Stalker นานถึง 8 ปี!

Stalker

เชื่อว่าหลายคนเวลาแอบชอบหรือปลื้มใครก็อยากที่จะเห็นหน้าคนนั้นอยู่บ่อยๆหรือไปดักรอเจอเขา แต่ในบางครั้งก็จะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ ระหว่างคำว่า แอบชอบ กับ โรคจิต ซึ่งการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวและอึดอัดจากการกระทำต่างๆ ก็จะทำให้เรื่องที่โรแมนติกกลับกลายเป็นน่าขนลุกแทน และยิ่งไปกว่านั้นยังเข้าข่ายการเป็น Stalker ไปโดยปริยาย

สตอล์กเกอร์ (stalker) คือ คนที่มีพฤติกรรม สะกดรอยตาม ไปจนถึงการรุกล้ำ ความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ

ทางเราจึงอยากเล่าเรื่องราวฝันร้ายจาก Stalker ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้กับผู้คน โดยเฉพาะในผู้หญิง


เรื่องราวของ Emma Furlong

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปในปี 2010 มีหญิงสาวหน้าตาสะสวย วัย 14 เธอมีชื่อว่า Emma Furlong เธอได้ย้ายเข้าไปศึกษาที่ Andover High School ใน Bloomfield Township รัฐมิชิแกน ด้วยความที่ Emma เป็นเด็ดสาวหน้าตาดีและเฉลียวฉลาดนั่นทำให้เธอตกเป็นที่สนใจของรุ่นพี่ที่ชื่อ Jiayuan Ding ในตอนนั้นเจียหยวนมีอายุ 18 ปี ซึ่งมีอายุมากกว่าเอ็มม่า

Emma Furlong

Jiayuan Ding

เจียหยวน เป็นชาวมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน เขาย้ายตามแม่มายังสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วัยเด็ก เขาถือเป็นคนที่ขยันคนหนึ่งทำให้มีผลการเรียนที่โดดเด่น อีกทั้งยังเล่นไวโอลินเก่ง แต่ทว่าสิ่งที่เขาทำกับเอ็มม่ากลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นกว่า 8 ปี

Jiayuan Ding cr. True Crime Daily

พฤติกรรมของ Jiayuan Ding

เจียหยวนจดบันทึกตารางเรียนของเอ็มม่าไว้ ไม่ว่าเธอไปที่ไหนเขาก็จะไปที่นั่นด้วย ทั้งๆที่เอ็มม่าก็เคยพูดกับเขาว่าไม่ชอบให้เขาตามไปทุกที่แบบนี้ มีครั้งนึงที่เอ็มมาอยู่ที่ล็อกเกอร์ของเธอ “เขามาหาฉันและบอกฉันว่าฉันคือแสงแดดของเขา จากนั้นเขาก็จ้องมาที่ฉัน” เอ็มม่ากล่าว

นอกจากนี้ในตอนที่เอ็มม่าเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เขาก็มาเคาะประตู แล้วเข้ามาบอกครูว่าต้องการคุยกับฉันโดยด่วน ที่โถงทางเดิน “เขาบอกฉันว่าชีวิตของฉันตกอยู่ในอันตราย และฉันต้องไปกับเขาและออกจากโรงเรียนทันที” เอ็มมากล่าว แต่เธอก็ไม่ไปและวิ่งกลับไปยังห้องเรียนซึ่งนั่นก็ทำให้เอ็มม่ารู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกกังวล “ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป” เอ็มม่ากล่าว

Jiayuan Ding cr. True Crime Daily

หลายวันต่อมาขณะที่เอ็มม่ากำลังรอคนมารับหลังเลิกเรียนฝรั่งเศส ตอนนี้ทั้งโรงเรียนว่างเปล่า

จู่ๆเจียหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นและเข้ามาจับตัวเอ็มม่าไว้ไม่ยอมปล่อย โชคดีที่ครูภาษาฝรั่งเศสของเอ็มม่าเข้ามาเห็นและช่วยพลักเจียหยวนออกได้ทัน ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ออกหนังสือเตือนเจียหยวนไม่ให้เขาเข้าใกล้เอ็มม่าอีก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจียหยวนลดความพยายามเข้าหาเอ็มม่า และยิ่งร้ายไปกว่านั้นหลังจากทางโรงเรียนเจรจากับตำรวจ ก็ลงโทษเขาโดยการพักการเรียนเพียง 5 วัน และทำหนังสือสัญญาที่เขียนด้วยลายมือตัวเองว่า จะไม่ติดต่อหรือแตะต้องนักเรียนหญิงในไฮสคูลทุกคนโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตอีก

ซึ่งเรื่องดังกล่าวเอ็มม่าได้เล่าให้พ่อและแม่ของเธอฟังและครอบครัวก็เป็นห่วงเธอมาก “พวกเขาบอกเราว่าเจียหยวนกำลังวางแผนที่จะย้ายไปอยู่กับแม่ของเขาที่จีนแล้ว และเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องเขาอีก” แครอล เฟอร์ลอง แม่ของเอ็มมากล่าว

cr. True Crime Daily

ทว่าขณะที่เอ็มม่ากำลังเรียนไฮสคูลปีสุดท้าย แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็กลับมา เธอเริ่มได้รับข้อความจากอีเมลและโพสต์ในโซเชียลมีเดียจำนวนมากซึ่งเนื้อหาก็จะเกี่ยวกับการจีบและภาพอนาจาร ซึ่งลางสังหรณ์บอกเอ็มม่าว่านี่คือ เจียหยวน

ซึ่งในความจริงแล้ว เจียหยวนไม่ได้ตามแม่ของเขากลับไปที่จีน แต่เข้าไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Rochester, New York และถึงแม้ตัวเขาจะอยู่ไกลจากเอ็มม่าแต่เขากลับไม่ยอมรามือ ส่งข้อความที่ก่อกวนใจหลายร้อยข้อความเป็นประจำ ซึ่งในเนื้อหาก็มีทั้งข้อความอนาจารและความรุนแรง ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เอ็มม่าต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจฐานข่มขู่ สะกดรอยตาม และล่วงละเมิดทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งตำรวจได้เข้าไปเตือนเขาเกี่ยวกับคดีในปี 2010 และ เขาได้เซ็นสัญญากับโรงเรียน ว่าเขาจะไม่ติดต่อกับเธออีก

Emma Furlong cr. True Crime Daily

และหลังจากนั้นในปี 2016 เจียหยวนก็เขียนอีเมลส่งให้พ่อของเอ็มม่า เนื้อหาข้างในเป็นข้อความอนาจาร และจินตนาการที่เขามีต่อเอ็มม่า สิ่งนี้ทำให้แม่ของเจียหยวนส่งข้อความมาขอโทษ พ่อของเอ็มม่าสำหรับพฤติกรรมของลูกชายของเธอ โดยระบุบางส่วนว่า “ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งสำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดีของลูกชายที่มีต่อเอ็มม่า ฉันไม่รู้ว่าเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเอ็มมา ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเอ็มม่าและครอบครัวของคุณ ลูกชายของฉันไร้เดียงสามาก โปรดอดทนกับเขาและพยายามให้อภัยเขา” แม่ของเจียหยวนกล่าว

เดิมทีก็คิดว่าหลังจากนั้นเหตุการณ์จะค่อยๆดีขึ้น แต่หลังจากนั้นเพียง 1 เดือนในเวลาตี 1 เจียหยวนก็โทรมาก่อกวนเอ็มม่าอีกเธอจึงพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังละเมิดคำสั่งในการห้ามติดต่อนักเรียนหญิงทุกคนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจียหยวนก็ตอบกลับเธอทันทีว่า “ I Don’t Care

ซึ่งครั้งนี้เอ็มม่ารู้สึกรับไม่ไหวอีกต่อไปจึงแจ้งความ ส่วนครอบครัวเอ็มม่าก็ฟ้องร้องเจียหยวนอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าก่อนการพิจารณาคดี เจียหยวนก็ถูกหมอวินิจฉัยว่าเขามีอาการทางจิตเภท ซึ่งทนายของเขาได้นำออกมาพูด ดังนั้นเจียหยวนจึงไม่ต้องเข้าคุกแต่ต้องเข้าสถานบำบัดสุขภาพจิต

cr. True Crime Daily

แต่ผ่านไปไม่นานเหมือนอาการป่วยของเจียหยวนจะหายเร็ว เพราะเอ็มม่าเริ่มได้รับข้อความแปลกๆ ตามเดิม ซึ่งจากการที่เธอถูกรังควาน และสะกดรอยตามมานานหลายปี ทำให้สภาพจิตใจของเอ็มม่าย่ำแย่มาก จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า

แต่ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง อาการของเธอก็ค่อยๆดีขึ้น เอ็มม่าจึงฟ้องร้องเจียหยวนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวไปดำเนินคดีอาญา สิ่งนี้ทำให้เอ็มม่าเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก “เขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา” เธอกล่าว

cr. True Crime Daily

ปัจจุบันนี้ เอ็มม่ากลับมาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองอีกครั้งและ เธอก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งขึ้นก้าวผ่านเรื่องร้ายๆที่เข้ามาในชีวิตไปได้

จากเรื่องราวที่ได้เล่าไป ทาง Cleo ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบพบเจอเรื่องราวแย่ๆในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในรูปแบบใดก็ตาม ขอให้ทุกคนเข้มแข็งและผ่านพ้นจากเรื่องที่เจอมาได้ ขอแค่คุณยังมีความหวังและอย่ายอมแพ้ และจากเรื่องราวของเอ็มม่า จะเห็นได้ว่าคนรอบข้างก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้อาการซึมเศร้าของเอ็มม่าดีขึ้น ขอเพียงเข้าใจ ให้กำลังใจ และอยู่เคียงข้างกัน


สามารถอ่านบทความอื่นๆของ cleo ได้ที่:

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']