ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

“อกหัก” คือสิ่งยอดเยี่ยมที่เกิดกับฉัน ฉันเลิกโกหกตัวเองสักที

เราอย่าเพิ่งกลัวการอกหัก หรือการเลิกกับใครนะ เพราะเหตุการณ์จี๊ดในหัวใจนี้ จะนำพาคุณไปเจอตัวเอง เจอสิ่งใหม่ เจอโอกาสดีๆ ในชีวิตมากมาย เหมือนกับที่ เอมม่า กิบบ์ส นักเขียนและโปรดิวเซอร์รายการทีวีของออสเตรเลียเจอมา เธอเอาสิ่งนี้มาพูดในเท็ด ทอล์ค หมัดฮุคเลยคือเธอบอกว่า “อกหักไม่เพียงแต่จะทำให้เธอเห็นหัวใจตัวเอง ยังทำให้เธอเลิกโกหกตัวเอง และก็เลยเลิกโกหกทุกสิ่ง เรื่องดีๆ ในชีวิตเลยสาดเข้ามาเต็มๆ เลย” เอมม่าเล่าว่า…. ชีวิตฉันเหมือนจะดีนะ ฉันได้ทำงานที่ฝัน อยู่ในเมืองที่ดี “แต่ฉันกลับไม่มีความสุข ฉันโกหกตัวเองทุกวันว่า เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ” ฉันใช้ชีวิตไป 3 ปีเต็มที่โกหกตัวเอง และบอกตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นไปตามแพลนแล้วนะ ในขณะที่หัวใจฉันบอกว่า “เฮ้! เธอมีปัญหาแล้วล่ะ” ฉันใส่เสียงนี้เอาไว้ในตู้ และเอาความคิดควบคุมมันเอาไว้ ฉันคิดว่าถ้าฉันพยายามมากพอจะทำให้ทุกสิ่งเวิร์ค มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ ทั้งกาย อารมณ์ จิตวิญญาณของฉันมันเหือดแห้งมาก ฉันกลายมาเป็นคนที่ขึ้นอยู่กับแผนในชีวิต ฉันไม่ไปเจอเพื่อน ไม่ไปเที่ยวไหน ไม่เจอครอบครัว ไม่เจอใครใหม่ๆ และฉันไม่อยากทำงานกับแพชชั่นของตัวเอง ฉันมัวแต่หาทางซ่อมสิ่งที่ไม่ใช่ของชีวิตฉัน ความตลกก็คือในขณะที่คุณกำลังพยายามทำให้แผนชีวิตของคุณเวิร์ค แล้วคุณก็ต้องฝืดมากๆ นั่นน่ะ คุณเริ่มจะคิดแล้วว่า “แล้วทำไมฉันต้องมีแผนนั้นตั้งแต่แรกนะ” ฉันเริ่มลืมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นนักเขียน […]




Women's Issues

#MeToo แฮชแท็กที่ผู้หญิงโดนละเมิดทางเพศทั้งโลก…ออกมาส่งเสียง

#MeToo แฮชเท็กละเมิดทางเพศ

ถ้าเสียงเราคนเดียวดังได้แค่ในหัวเรา มันไม่คลี่คลายความเจ็บปวด เสียงจึงต้องรวมพลังกัน #MeToo คือเสียงที่คุณจะไม่โดดเดี่ยว เมื่อโดนล่วงละเมิดทางเพศอีกต่อไป!

Tarana Burke คือผู้ที่สร้างความเคลื่อนไหวของ #MeToo คนแรกมาตั้งแต่ปี 1997 เหตุเกิดเมื่อเธอได้นั่งตรงกันข้ามกับเด็กหญิงวัย 13 ปีที่ถูกทำร้ายทางเพศ เด็กสาวคนนนั้นเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเจอ และนั่นทำให้ทาราน่าพูดอะไรไม่ออก “ฉันไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ หรือช่วยอะไรเธอไม่ได้ในโมเมนท์นั้น ฉันพูดแม้แต่คำว่า “ฉันก็เจอมาเหมือนกัน” ไม่ได้” ทาร่าน่าเล่าให้ฟัง

Tarana Burke

และสิ่งนี้มันกวนใจเธอตั้งแต่นั้นมา จนสิบปีผ่านไปทาราน่าได้สร้าง Just Be Inc. ขึ้น เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่มีความตั้งใจช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกทำร้ายทางเพศ ความจริงเธอพยายามหาองค์กรอะไรแบบนี้มาตลอด 10 ปี แต่ไม่พบ เธอจึงสัญญากับตัวเองว่า เธอจะอยู่ตรงนั้นสำหรับใครที่โดนทำร้ายมา

และเธอตั้งชื่อความตั้งใจครั้งนี้ของเธอว่า “Me Too”

หลังจากนั้นในปี 2017 แฮชแท็ก #MeToo ก็ระเบิดขึ้นมาในชั่วข้ามคืนจากดาราสาวฮอลลีวู้ด อลิสซ่า มิลาโน่ เป็นสิ่งที่บอกว่าความพยายามของทาราน่าได้ระเบิดขึ้นแล้ว หลังจากที่เธอไม่เคยได้รับซัพพอร์ตใดๆ จากความตั้งใจนี้เลย อลิสซ่าอยากส่งเสียงนี้ของเธอออกไป เพื่อบอกโลกถึงความเลวร้ายที่ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ตัวพ่อของฮอลลีวู้ดได้ทำกับเธอ

#MeToo

อลิสซ่าบอกไว้ว่า “ถ้าคุณโดนล่วงละเมิด หรือโดนทำร้ายทางเพศใดๆ ให้เขียน “me too” ตอบทวีทนี้มา”

อลิสซ่าทวีทเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2017 วันนั้นวันเดียวมีทวีทแฮชแท็กนี้ต่อๆ กันไปอีกถึง 200,000 ครั้ง และพอเข้าวันที่ 16 ตุลาคม ก็มีคนทวีทเพิ่มถึง 500,000 ครั้ง และมีคนใช้แฮชแท็กนี้อีก 4.7 ล้านคน ใน 12 ล้านโพสต์ ภายใน 24 ชั่วโมงในเฟซบุ๊คด้วย

และในจำนวนผู้หญิงที่มาตอบกลับอลิสซ่า มีคนดังอย่าง เลดี้ กาก้า วีโอล่า เดวิส อีแวน ราเชล วู้ด ร่วมตอบ #MeToo อยู่ด้วย ผู้หญิงหลายๆ คนมากออกมาส่งเสียงของเธอ ทั้งนางพยาบาล ครู วิศวกร นักจัดดอกไม้ พนักงานเสิร์ฟ แม่ๆ ลูกสาว น้องสาว ภรรยา และนักเรียน บางคนออกมาเล่าความจริงที่เธอถูกข่มขืนเป็นครั้งแรก บางคนเล่าว่าเธอโดนเพื่อนร่วมงานกระทำ และก็ต้องออกจากงานไปในที่สุด

อลิสซ่าไม่ได้เซอร์ไพรส์ที่มีคนออกมาแชร์เรื่องราวที่โดนมากมายขนาดนี้ แต่เธอเซอร์ไพรส์มากกว่าที่ทุกคนกล้าเปิดเผยกลางโซเชียล มีเดียว “ทุกคนกล้าหาญมากที่เล่าเรื่องราวของเธอ สิ่งสวยงามจากเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ว่าเธอยืนขึ้นเพื่อส่งเสียงของเธอนะ แต่คือเธอยืนขึ้นด้วยกันเพื่อซัพพอร์ตกันและกัน” อลิสซ่าบอกอีกว่า “ความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในใจมันทับถมเรา จนกลายเป็นพลังได้ มันอะเมซิ่งมาก”


“ฉันถูกไล่ออกจากงานเพราะฉันไม่ได้นอนกับหัวหน้างาน ฉันโดนไล่ออกเพราะฉันไม่ยอมให้จับเนื้อตัวฉัน ไม่ยอมให้จูบโดยที่ฉันไม่โอเค และอีกมากมายหลายเรื่อง…ที่ทำให้ฉันแค่คิดก็รู้สึกแย่มากๆ แล้ว” หนึ่งในตัวอย่างข้อความจาก @Amanda Yennie อายุ 34 ปีที่ทวีทตอบอลิสซ่า

ผู้หญิงหลายๆ คนรู้สึกว่า “ฉันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป” หลังจากที่เจอกับทวีทของอลิสซ่า และเธอรู้สึกว่า “ฉันต้องพูดอะไรออกไปแล้ว” พอได้ทวีทก็จะมีคนที่ไม่เคยรู้จักทวีทกลับให้กำลังใจกันว่า “เข้มแข็งไว้นะ” เพราะยิ่งมีผู้หญิงออกมาส่งเสียงมากเท่าไหร่ ผู้คนก็จะได้รู้ว่านี่คือปัญหา เหมือนกับเรื่องของ @fuelup250 เกรต้า

เคอร์บี้ออกมาทวีทหลังจากเหตุการณ์ที่เธอเจอผ่านไปแล้วเกือบ 40 ปี ตอนที่เกรต้าอายุ 24 ปี เธอมีหัวหน้าแก่กว่า เขาแต่งงานกับหลานของเขา และในงานปาร์ตี้คืนหนึ่งของบริษัท เกรต้าบอกว่า “เขาเข้ามาลวนลามฉัน ฉันบ่ายเบี่ยงและสัญญาว่าเดี๋ยวจะไปหาเขา แต่ฉันไม่ได้ไป เช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ไล่ฉันออก” เกรต้าอยากฟ้องเขา แต่ทนายของเธอกลับบอกว่า “ข่าวของคุณจะลงทั่วทุกหนังสือพิมพ์ และคนก็จะคิดว่าเป็นความผิดของคุณเองนั่นแหละ” เกรต้าจึงต้องทำใจลืมๆ ไป แต่ถึงวันนี้เธอบอกว่า “ฉันก็ยังโกรธอยู่ดี”

ผู้ชายบางคนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วชอบอ้างว่า “ก็นิสัยผู้ชายน่ะแหละ” เหมือนกับเรื่องของโนร่า @chrysalishealin เธอบอกว่า เธอโดนเพื่อนผู้ชายลวนลาม และพยายามข่มขืนเธอตอนที่พวกเขาเมา และเธอได้พยายามบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ที่เป็นผู้ชาย แต่เขากลับบอกว่า “อย่าทำเป็นว่าเธอไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชายนั่นแหละ”

ผู้หญิงหลายคนมากๆ โดนล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน และไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าบอกฝ่ายบุคคลด้วย เพราะกลัวจะต้องเสียงานนั้นไป คลีโอเคยได้คุยกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอบอกว่าหัวหน้างานชอบชวนเธอไปทำงานต่างจังหวัด แล้วก็มักตีเนียนให้เธอเช็คอินนอนห้องเดียวกับเขา และแทบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว เขาก็บุกมาลวนลามและข่มขืนเธอแล้ว แต่เธอก็ต้องเก็บเงียบไว้ เพราะเขาขู่ว่าไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีงานทำ

ฮาวี่ย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ดังของฮอลลีวู้ด ที่ทำให้อลิสซ่า มิลาโน่ขึ้นแฮชแท็ก #MeToo

ถึงเขาจะเป็นตัวพ่อผู้กุมวงการฮอลลีวู้ดขนาดไหน แต่เมื่อล้ม เขาก็ล้มลงเสียงดังมาก เพราะนี่คือการล่วงละเมิดทางเพศที่เขาได้ก่อขึ้น และมีดาราสาวมากกว่า 80 คน ออกมายืนยันว่าเขาทำจริง! ฮาร์วี่ย์ถูกตัดสินให้จำคุก 23 ปีไปในที่สุด ถือเป็นชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์ของผู้หญิงเลยก็ว่าได้

Harvey Weinstein

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2017 เมื่อนิวยอร์ค ไทม์สได้รายงานว่า มีผู้หญิง 8 คนออกมาบอกว่า เจอฮาร์วี่ย์ ไวน์สตีนลวนลาม และล่วงละเมิดทางเพศแบบที่พวกเธอไม่จำยอมมานานถึง 3 ทศวรรษ และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีผู้หญิงเพิ่มอีก 13 คนที่ออกมาบอกว่า เธอก็โดนเขาล่วงละเมิดทางเพศเหมือนกัน 3 คนในนั้นบอกด้วยว่า “เขาข่มขืนเธอ!” และนั่นเป็นที่มาของทวีทในตำนานจากอลิสซ่า มิลาโน่

หลังจากนั้นเมื่อพฤษภาคม 2018 ฮาร์วี่ย์ออกมายอมมอบตัวกับตำรวจนิวยอร์ค เรื่องข้อกล่าวหาของเขาเรื่องละเมิดทางเพศต่อผู้หญิง 2 คนในปี 2004 และ 2013 และเรื่องนี้ได้กลายเป็นมหาปรากฏการณ์เมื่อดาราสาวกว่า 80 คนออกมากล่าวหาฮาร์วี่ย์ด้วย

กวินเน็ธ แองเจลีน่า โจลี่ โรส แม็คโกแวน และคนอื่นๆ

ออกมากล่าวหาเขากันหมด โรส แม็คโกแวน คือเสียงหนึ่งที่แรงมากในการกล่าวหาเขา เธอบอกว่าฮาร์วี่ย์ข่มขืนเธอโดยบอกให้เธอทำออรัล เซ็กซ์ในเขาในโรงแรมที่งานเทศกาลหนัง Sundance Film Festival เมื่อปี 1997 ซึ่งตอนนั้นเธออายุ 23 ปี แองเจลีน่า โจลี่เองบอกกับ Times ว่า เธอปฏิเสธฮาร์วี่ย์ไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง “ฉันมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับฮาร์วี่ย์ ไวน์สตีนในวัยเด็กของฉัน ฉันเลยเลือกที่จะไม่ทำงานกับเขาอีก และก็ถ้าเตือนใครได้ฉันก็เตือน”

Angelina Jlie, Gwyneth Paltrow, Rose McGowan

กวินเน็ธเองบอกกับ Times ว่าตอนเธออายุ 22 ปี ก่อนที่เธอจะถ่ายทำเรื่อง Emma ฮาร์วี่ย์ได้ลวงเธอเข้าไปในห้องสวีทที่โรงแรม Peninsula Beverly Hills เพื่อจะคุยงานกัน แต่กลับเป็นว่าเขาเอามือมาแตะตัวเธอและบอกเธอว่าให้เข้าไปนวดในห้องนอนกัน “ฉันยังเด็กอยู่ตอนนั้น และฉันช็อคมาก” กวินเน็ธเล่าให้ฟัง ดาราสาวหลายๆ คนโดนเขาถามเหมือนๆ กันว่า “อยากนวดมั้ย” แต่บางคนอย่าง ซาร่าห์ แอนน์ แมสส์ เธอเล่าให้ Variety ฟังว่า เธอโดนเขากอดทั้งๆ ที่เขาเหลือแค่กางเกงใน! แอชลีย์ จัดด์เองก็เคยโดนเขาถามว่า “นวดมั้ย” หรือ “อยากดูเขาอาบน้ำ”

เหตุการณ์ที่ อลิสซ่า มิลาโน่ โดนล่วงละเมิดทางเพศ

สำหรับอลิสซ่า ดาราสาวฮอลลีวู้ดวัย 48 ปี เธอได้เคยออกมาเล่าเรื่องที่เธอโดนละเมิดทางเพศในพอดแคสท์ “Sorry Not Sorry” เธอเล่าว่าหลังจากถ่ายหนังเรื่อง “Who’s the Boss” เธอก็ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะลบภาพดาราเด็กในทีวีของเธอออกไป เธอเลยลองเล่นบทที่ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วเธอก็ได้เข้าฉากเซ็กซ์ซีนที่ต้องแสดงความรับอย่างลึกซึ้ง ตอนนั้นเองที่เธอได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศในกองถ่าย!

อลิสซ่าไม่ได้ออกมาบอกชื่อดาราชายคนนั้น แต่เขาแก่กว่าเธอ 17 ปี และสิ่งที่เขาทำคือ “เขาเอานิ้วเข้ามาในกางเกงในฉัน และพยายามใส่เข้ามา เขาทำกับฉันแบบนั้นในขณะที่กล้องกำลังเดินอยู่” อลิสซ่าเก็บเรื่องนี้ไว้ถึง 20 ปี เธอถึงได้ออกมาเล่า

“ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือ เราควรมีแพลตฟอร์มที่จะออกมาคุยเรื่องนี้กันได้ มันเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะกล้าพูด บางครั้งเราก็มีความคิดว่ายอมรับมันไปเถอะ ไม่ต้องบอกโลกหรอก” แต่สิ่งที่ทำให้อลิสซ่ากล้าออกมาพูดก็คือเรื่องราวของผู้หญิงคนอื่นๆ ในโลก ที่อลิสซ่าบอกว่า “พวกเธอให้ความกล้าหาญกับฉัน ให้ฉันได้กล้าที่จะเล่าเรื่องตัวเองออกมา ฉันได้ลงลึกเข้าไปในตัวเอง และหาทางเยียวยาตัวเอง และได้เดินต่อไปเพื่อให้เรื่องนี้กระตุกคน ก็เพื่อว่าผู้หญิงรุ่นต่อๆ ไป จะได้มีพื้นที่บอกเรื่องราวของเธอ”

คลีโอขอส่งแรงซัพพอร์ตให้กับผู้หญิงทุกคนที่โดนล่วงละเมิดทางเพศทุกคน! และถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ลองเข้าไปที่

เข้าไปที่ MeToo Movement หรือองค์กรให้ความช่วยเหลือผู้หญิงในประเทศไทย

อ่านเรื่องเพิ่มเติมได้ที่ CLEO THAILAND

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']