Elizabeth Gilbert (ผู้เขียน Eat Pray Love) เขียนเอาไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งของเธอที่ชื่อว่า ‘Big Magic’ ว่าครั้งหนึ่งในตอนที่เธอรู้สึกไม่มั่นคงในช่วงวัยยี่สิบกว่า เธอได้เจอกับผู้หญิงวัยเจ็ดสิบกลางๆ ที่ดูฉลาด มั่นใจ มีความคิดสร้างสรรค์ และทรงพลังคนหนึ่ง ที่ได้มอบสุดยอดปัญญาแห่งชีวิตให้กับเธอ
“เราทุกคนต่างใช้ช่วงวัยยี่สิบ สามสิบหมดไปกับการพยายามที่จะสมบูรณ์แบบ เพราะเรากังวลว่าคนอื่นๆ จะคิดยังไงกับเรา แล้วพอถึงวัยสี่สิบและห้าสิบเราก็จะเริ่มคิดอย่างเป็นอิสระ เพราะเราเลือกที่จะไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงกับเราแล้ว แต่มันไม่ได้อิสระเต็มขั้นจนกว่าจะถึงวัยหกสิบ เจ็ดสิบปี หรือช่วงวัยที่เราเพิ่งจะเข้าใจความจริงที่ปลดปล่อยเราว่า ‘ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไม่ได้มีใครคิดอะไรเกี่ยวกับเราเลย’” – Big Magic
พวกเขาไม่ได้คิด ไม่เคยคิด และจะไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น
ได้อ่านประโยคนี้ทีไร แล้วมันแทงเข้าไปในใจซ้ำทุกครั้ง ไม่เป็นแผล แต่เหมือนว่าจะเกิดปัญญา เป็นการปลดล็อคทุกครั้งที่คิดว่า “ถ้าเราทำอย่างนี้แล้วจะมีใครตำหนิอะไรไหม” ความกังวลที่ดูเหมือนจะหายไปในบางช่วงของชีวิต แต่ก็กลับมาถามย้ำซ้ำๆ และขังให้เราไม่กล้าทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำ แค่เพราะห่วงว่าจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นตลอดมา
เชื่อเถอะว่าเป็นหนักมากจริงๆ ในวัยยี่สิบ เพราะเราอ่อนไหวต่อคำวิจารณ์แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้ยินบ่อยเท่าไหร่ ใจก็เหมือนจะแกร่งขึ้นได้ไว เริ่มเถียงสู้ในใจว่า “แล้วมันจะทำไมหรอ” บางคนติเราแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้อยู่กับเราต่อ ไม่ได้ช่วยแก้ไข มีแต่เราที่เก็บมันเอาไว้ไม่ปล่อยซะที แล้ววันหนึ่งคำพูดเหล่านั้นที่ถูกคนพูดทิ้งเอาไว้ก็เริ่มหนักขึ้น ถ้าเราไม่โยนทิ้งก็ไปต่อไม่ได้
เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเวลาชีวิตเหลือน้อยลงทุกที เราจะเริ่มตัดสินใจทำสิ่งที่อยากทำมาตลอดชีวิต ถึงวันนั้นที่ลงมือทำมันไม่สายเกินไปหรอก แต่ถ้ายิ่งใช้เวลาหมดไปกับการกังวลนานเท่าไหร่ เวลาก็ยิ่งเหลือน้อยลงเท่านั้น แล้วก็จะมานึกเสียดายไปพร้อมๆ กัน แต่มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะยังคิดไม่ได้ในตอนนี้ แม้จะรู้ข้อเท็จจริงนี้อยู่แก่ใจ เพราะบางคนก็ต้องประสบมันด้วยตัวเองของเขาเอง
แค่จะบอกว่าไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าจะกังวลกับสายตาคนอื่นบ้าง แต่อย่าลืมกังวลกับความเสียดายในใจตัวเองด้วย แคร์ตัวเองให้มาก บอกรักคนที่เราอยากจะบอก แม้จะต้องเฟล เราจะหัวเราะกับตัวเองตอนคิดย้อนกลับไป ลงมือทำเพจอะไรตลกๆ ให้ตัวเองกลับมาอ่าน บันทึกความคิดเมื่อสิบปีผ่านไปมีค่าซะยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
และถ้ามีพี่สาวมาชี้ทางสว่างให้กับชีวิต ค่อยๆ เดินตามเธอไป แต่ก็อย่าลืมที่จะชื่นชมความงามกับความมืดมนระหว่างทางนั้นด้วย เดินก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งเราจะพบว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรน่าเสียดายเลย
ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่คลีโอบอกเลยว่า.. น่าอ่านมาก > หนังสือที่คลีโอแนะนำให้อ่าน
อลิซาเบ็ธ กิลเบิร์ต บอกวิธีให้ลุกขึ้นมาจากความซึมเศร้า “ขอแค่ลุกขึ้นมาจากเตียง”
“คำสอนจากโอริน” หนังสือที่ให้กำลังใจ และดึงตัวตนของเราออกมา!
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: CLEO Thailand