คำพูดของคนเรามีส่วนช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวได้มากเลยทีเดียว ในทีนี้ไม่ว่าจะเป็นกับคนรัก กับเพื่อน ครอบครัว และคนที่เราแคร์ ในบางครั้งบางทีที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ทะเลาะกัน หรือผิดใจกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่ถ้าหากทะเลาะกันเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเองถูก ไม่มีฝ่ายไหนพูดคำว่า “ขอโทษ” ความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันก็อาจสั่นคลอน จนทำให้ความรู้สึกที่มีให้กัน ไม่เหมือนเดิม ได้ และท้ายที่สุดผลของการที่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว มันสามารถพังทลายความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีให้กันได้เลย ดังนั้น คำว่า ขอโทษ ที่ออกมาอย่าง จริงใจ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เข้าใจว่าบางทีคนเราเวลาทะเลาะกันย่อมมีอารมณ์โกรธ ใจร้อน ไม่อยากพูดคำว่าขอโทษเพราะจะรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด หรือ พ่ายแพ้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง การพูดคำว่าขอโทษสามารถแปลได้ว่าคุณใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่าย และสามารถสื่อได้อีกหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น รู้สึกผิด รู้สึกห่วงใย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ต่างฝ่ายต่างใจเย็นขึ้นอีกด้วย ดังนั้นบอกเลยว่าการพูดขอโทษไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าอายเลย

พูดขอโทษอย่างจริงใจ ไม่ใช่พูดไปแบบส่งๆ
แม้คำว่าขอโทษจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวได้ แต่คำขอโทษนั้นต้องออกมาจากใจจริง ส่งไปถึงอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ ไม่ใช่พูดส่งๆเพราะรำคาญ หรืออยากให้เรื่องจบไปเร็วๆเท่านั้น เช่น งั้นก็โทษทีแล้วกัน, จะอะไรนักหนา ขอโทษๆๆๆ, เออ! ขอโทษก็ได้ และคำพูดอื่นๆอีกมากมายที่คนฟังดูออกว่าไม่ได้จริงใจเลยแถมยังทำให้ความรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ
วิธีการพูดขอโทษอย่างจริงใจ
- ขอโทษครั้งเดียวแต่ให้หนักแน่น ไม่ควรต้องขอโทษซ้ำซาก พูดครั้งเดียวแต่ให้หมายความแบบนั้นจริงๆ
- ขอโทษพร้อมบอกวิธีการแก้ไขปัญหา การทะเลาะกันต้องมีมูลเหตุและผล ซึ่งถ้าเราสามารถบอกวิธีแก้เหตุได้ เหมือนเป็นการบอกว่าเราจริงใจนะ พร้อมที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ถ้าไม่บอกวิธีการแก้ไขปรับปรุงก็เหมือนขอโทษไปโดยไม่รับประกันว่าจะทำร้ายกันอีกไหม
- ขอโทษไม่ได้แปลว่าแพ้ บางทีเราอาจจะไม่ใช่คนที่ผิดหรอก แต่การขอโทษคือการที่เราบอกว่าเราเสียใจที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจก็ได้ เช่น “ขอโทษนะที่เราทำให้เธอไม่สบายใจ” เป็นคำพูดที่ต่อให้ใครผิดใครถูกก็สามารถพูดได้
- ไม่ควรมีคำว่า “แต่” ในคำขอโทษ เช่น ขอโทษนะแต่ผมไม่ผิด, ฉันขอโทษ แต่คุณเองก็ไม่ควรทำแบบนี้
ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่การพูดขอโทษแปลว่ายอมรับว่าตนเองผิดเสมอไป ถ้าตัดเรื่องว่าใครถูกใครผิดออกไป นี่อาจเป็นเรื่องของความห่วงใย ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี และหมายถึงคนที่พูดออกมาอยากรักษาความสัมพันธ์นั้นๆ ไว้ก็เป็นได้ เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลของตนเองเสมอ และที่สำคัญคือการขอโทษกันด้วยความจริงใจ ยิ่งถ้ารู้ตัวว่าตัวเองทำผิดมาจริงๆ ยิ่งต้องพูด ต้องแก้ไข
สามารถอ่านบทความอื่นๆของ CLEO ที่: